Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1111 ศุภโชคเย้ยฟ้าที่ถูกผนึก
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1111 ศุภโชคเย้ยฟ้าที่ถูกผนึก

อ่านนิยาย บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ บทที่ 1111 แปลไทย
ตุ้บ! ตุ้บ!
ท้ายที่สุดเจ้าคางคกกับอาหลู่ก็ถูกหลินสวินแยกออกมาจากกัน โยนลงบนพื้นจากห้วงอากาศ
ขืนตีกันถัดไปอีก ทั้งคู่คนจำเป็นที่จะต้องตีกันกระทั่งโกรธเกรี้ยวจริงๆแน่ นี่เป็นสิ่งที่หลินสวินไม่ได้อยากมองเห็น
เจ้าคางคกหน้าบวมเขียว บริเวณใบหน้ารูปหล่อดุจผกาบานเยินหาใดเทียบเคียง นอนหายใจแรงอยู่กับพื้น
อาหลู่กระตุกเกร็งไปอีกทั้งร่าง ผิวหนังทุกกระแบะมือนิ้วสั่นระริก หอบหายใจเสมือนโค
“สมกับเป็นวิชาดาวเหนือสยบโลกอันสั่นสะเทือนนิรันดรกาล พลังดุจช้างเทวดาสยบฟ้าศิลปิน พลานุภาพดุจมหาราชันกำราบชั่วช้ากัลป์ วันนี้ได้มองเห็นฤทธิ์เดชของวิชานี้ เราดีอกดีใจยิ่งนัก”
เจ้าคางคกสีหน้าท่าทางสุขุม ถอนใจสม่ำเสมอ
ก็แค่หัวของเขาบวมแดงเป็นหัวหมู มองไม่สุขุมเลยสักหน่อย น่าตลกนัก
“เฮ้อ เพื่อนยุทธ์ดูเกินความจำเป็นแล้ว ‘หนังสือกลืนพระอาทิตย์คายจันทร์’ ของเผ่าคางคกทองคำทรงอานุภาพเก่งนัก เป็นความอัศจรรย์ที่การแย่งชิงศุภโชคฟ้าดิน ได้รับเชิดชูว่าเป็นวิชาแปลกไม่มีที่สมัยบรรพกาล ตัวเราอ่อนหัดสู้คนอื่นๆมิได้เลย”
อาหลู่ก็ถอนใจสม่ำเสมอ เพียงเขากระตุกไปหมดทั้งตัว เสมือนเจ็บยิ่ง เค้าหน้าเหยเก มองขัดแย้งกันมากมาย
“เรานี่ก็นับว่าถ้าหากไม่ตีกันก็ไม่เคยทราบกัน”
“นั่นนะซิ สู้ได้สาใจนัก”
“ได้เจอหน้ากันนับว่ามีบุญบารมี ไม่สู้เรามาสร้างมิตรเป็นเพื่อนกันเหอะ”
“ดีเลย ตรงกับที่เราคิดพอดิบพอดี!”
เจ้าคางคกกับอาหลู่ยิ่งคุยกันก็ยิ่งยินดีอิ่มใจ ท่าทีสรรเสริญกันและกัน เสียดายที่มิได้เจอกันเร็วกว่านี้ เหลือแค่มิได้ร่ำเหล้าเสวนา ชูจอกร่วมดื่มแล้ว
“พอแล้ว!”
หลินสวินอดกลั้นความเอือมระอาในใจ ดึงคนสองผู้ที่ยกย่องคุ้นเคยให้แยกออกมาจากกัน
“พี่ใหญ่ เราคิดว่าน้องชายชุดเขียวผู้นี้เป็นน้องสามได้”
สายตาอาหลู่มองดูไปที่หลินสวินอปิ้งสุจริตใจ
เจ้าคางคกอึ้งไป ยิ้มกล่าวว่า “นี่เกรงว่าจะไม่เหมาะสมมัง เราสาบานตัวเป็นลูกพี่ลูกน้องกับหลินสวินมานานแล้ว เจ้ามาคราวหน้า ลำดับของเราจะรวนมิได้ ให้เราเป็นน้องรองดีมากกว่ากะละมัง”
อาหลู่สั่นศีรษะ “ทำอย่างงี้ถึงที่เหมาะไหน”
เจ้าคางคกขมวดคิ้ว “ทำอย่างนี้มิได้ที่แหน่งใด นี่มันแนวทางฟ้าดินนะ”
อาหลู่เอ่ยอย่างขุ่นข้องหมองใจ “เจ้ามิได้จะชิงเป็นน้องรองกับเราใช่ไหม”
เจ้าคางคกสีหน้าท่าทางเคร่งขรึม “เจ้ายังเด็ก น้องรองมิได้เป็นกันง่ายปานนั้นนะ นี่เราประสงค์ดีกับเจ้าหรอก!”
อาหลู่ผุดลุกขึ้นยืน กล่าวอย่างกราดเกรี้ยวว่า “น้องรองนี่จำเป็นต้องให้เราเป็น!”
ที่ผ่านมาทั้งคู่ยังมีลีลาเสียดายที่เจอะกันช้าไป แม้กระนั้นในขณะนี้ชั่วครู่เดียวกลับเคร่งเคลียดขึ้นมา ทำให้หลินสวินงงไปประเดี๋ยวเดียว
ที่น่าสยดสยองที่สุดก็คือ เจ้าสองคนนี้แย่งกันเป็น ‘น้องชาย’ เสียแบบนั้น…
น้องชายนะ!
หลินสวินสีหน้าท่าทางประหลาด อดไม่ได้เอ่ยถามคำถามว่า “น้องชายทุกคนล้วนมี เพราะเหตุไรจำเป็นต้องแย่งกันเป็นด้วย”
เจ้าคางคกกับอาหลู่อึ้งไป แล้วต่อจากนั้นก็หน้าเปลี่ยนสีแล้ว ลีลาราวกับรับประทานแมลงวันตาย
“ชั่งแม่ง เจ้าเป็นน้องรองเหอะ” เจ้าคางคกเปิดเผยท่าทางใจมีเมตตากรุณา
“เราเป็นมิได้ เจ้าเป็นเหอะ” อาหลู่ก็เริ่มปัดให้อีกข้าง
ในใจทั้งคู่คนลำบากใจขึ้นมาครู่เดียว เมื่อสักครู่คิดแต่ว่าจะกดหัวอีกข้าง แต่คาดไม่ถึงว่าคำว่าน้องชายรองนี่มิได้เป็นคำที่ดีอะไร
ชาตินักรบที่ยังมีของสงวน ทุกคนก็มิได้มีน้องชายของตนทุกคนหรอกหรือ
คนใดมันจะต้องการเป็นของพรรค์นี้กัน
ยิ่งนึกในใจทั้งคู่ก็ยิ่งอาเจียน เศร้าใจจนกระทั่งอกไหม้ไส้ขม ถ้าเกิดทราบเดิมทีก็อาจรีบตอบรับอีกข้างด้วยความเต็มใจ!
หลินสวินกลับบันเทิงใจเสียแล้ว หัวเราะอย่างคะนอง
……
เจ้าคางคกตื่นแล้ว หลินสวินชอบใจนัก
ถัดมาหลินสวินก็ได้ทราบว่ายาวนานหลายปีมานี้ที่เจ้าคางคกปิดด่าน ปลุกความสามารถพิเศษของเผ่าคางคกทองคำสามขาให้ตื่นโดยราบรื่น ได้รับพลังมรดกที่ประทับอยู่ในสายโลหิตมาแล้ว
‘คู่มือกลืนพระอาทิตย์คายพระจันทร์’ หนึ่งวิชา
‘เหรียญทองแดงปราบทรัพย์สิน’ หนึ่งเหรียญ
วิชายุทธ์เป็นมรดกสูงสุดของเผ่าคางคกทองคำ ส่วนทรัพย์สมบัติเป็นอาวุธจิตประจำตัวของเจ้าคางคก
“ที่จริงก็ไม่ใช่เหรียญทองแดงทรัพย์สมบัติหล่น” อาหลู่เสมือนจะผิดหวังอยู่บ้าง
เจ้าคางคกกลอกลูกตา “เจ้าจะไปทราบอะไร เหรียญทองแดงปราบทรัพย์สินของเรานี้ ถ้าหากต้มกรำถึงจุดสุดยอดรวมทั้งจะเปลี่ยนสภาพเป็นเหรียญทองแดงทรัพย์สมบัติหลุดล่วงที่จริงจริงได้!”
อาหลู่ยิ้มเยาะ “กลัวแต่ว่าเจ้าจะทำไม่ได้น่ะสิ”
“เหรียญทองแดงโภคทรัพย์หล่นร้ายกาจมากมายหรือ” หลินสวินถาม
เจ้าคางคกทันทีชูยิ้มขึ้นกล่าวว่า “สมญานามว่าสามารถกำราบทรัพย์สินทั้งสิ้นในใต้หล้าได้ จะไม่ร้ายกาจได้หรือ แต่ทรัพย์สมบัตินี้เป็นเพียงแค่ตำนาน ตั้งแต่สมัยก่อนกระทั่งเดี๋ยวนี้ยังไม่เคยมีคนไหนกันแน่ได้มองเห็น”
เขาหยุดไปแป็บเดียวแล้วคุยโม้ว่า “แม้กระนั้นเหรียญทองแดงปราบทรัพย์สินของเราก็ไม่ธรรมดา ด้านในมีไอสะอาดฟ้าประทานสายหนึ่ง เก็บหลบซ่อนความเร้นลับแรกเกิดไว้ ขอเพียงแต่เรียกออกมา ถึงแม้ไม่บางทีอาจเอาชนะทรัพย์สมบัติประเสริฐได้ แม้กระนั้นกำราบยอดอาวุธมรรคพระราชาบางชิ้นก็เหลือเฟือ!”
โอกาสนี้อาหลู่มิได้ตอบโต้กลับอย่างหาได้ยาก ด้วยเหตุว่าเมื่อตะกี้เขาพึ่งแลกหมัดกันไป เข้าใจกันดีอยู่แล้วถึงความร้ายกาจของเหรียญทองแดงปราบทรัพย์สินนี้
แล้วหลังจากนั้นอาหลู่ก็เผยออกมาว่าที่เขาฝึกฝนเป็น ‘วิชาดาวเหนือสยบโลก’ จริงๆแต่ว่าจะเกี่ยวกับช้างเทวดาจักรพัตราธิราชบรรพกาลหรือเปล่า เขาก็ไม่ทราบเช่นเดียวกัน
“ในยุคบรรพกาล ช้างเทวดาพระราชาธิราชเคยเป็นเยี่ยมในผู้เข้มแข็งของโลก ครองพลานุภาพเฉียดฟ้า หลายๆคนต่างเดาไว้ว่าเขาทลายเครื่องกีดขวางที่สูงสุดของอริยมรรคได้แล้ว หลุดพ้นจากโลก อยู่เหนือปกติโดยบริบูรณ์ ได้มหสติรวมทั้งมหอิสระไปแล้ว”
meenovel.com/novel/battling-records-of-the-chosen-one/
เจ้าคางคกกล่าวปัญหาขึ้นมาคำหนึ่ง “เพียงตอนหลัง ช้างเทวดาจักรพัตราธิราชกลับหายสูญอย่างแปลก มิได้ปรากฎตัวในโลกอีก”
สำหรับการปิดด่านครั้งนี้เพื่อปลุกความสามารถพิเศษในเชื้อสาย ทำให้เขาปลุกความจำมากมายก่ายกองที่ถูกผนึกไปอย่างเงียบเชียบขึ้นมาด้วย
เมื่อเอ๋ยถึงที่ตรงนี้ เจ้าคางคกก็อดไม่ได้ที่จะชายตามองอาหลู่ปราดหนึ่ง
อาหลู่บอกอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “อย่ามาถามเรา ถามเราก็ไม่ทราบ”
“แบบนั้นเจ้าทราบอะไร” เจ้าคางคกค่อนข้างจะไม่ชอบใจ
“เราทราบเพียงแค่ว่า ในข่าวโคมลอยเผ่าคางคกทองคำสามขาหมดสิ้นไปตั้งแต่สมัยบรรพกาลแล้ว ไม่คาดฝันว่าผู้สืบสกุลจะยังยังอยู่บนโลก หนำซ้ำยังรู้สึกตัวมรดกที่ประทับลงไปในเชื้อสายเสียด้วย”
อาหลู่ตาแวววาว เพ่งมองเจ้าคางคก “ดังที่เราทราบ แม้กระทั้งในกลุ่มเชื้อสายคางคกทองคำสามขา ก็ไม่ใช่ทุกคนสามารถปลุกมรดกเชื้อสายให้ตื่นมาได้”
เจ้าคางคกกล่าวด้วยสีหน้าท่าทางเรียบเฉยเมยว่า “เรื่องของเผ่าเรา เจ้าจะไปทราบอะไร”
อาหลู่ถากถางสวนกลับไปว่า “เราเกี่ยวโยงกับช้างเทวดาพระราชาธิราชหรือเปล่า เจ้าจะไปทราบอะไรล่ะ”
หลินสวินรีบแปลงหัวข้อเจรจา เจ้าสองคนนี้ไม่มีผู้ใดยอมคนใดกันเลยจริงๆจุดประกายให้ตีกันง่ายนัก
“หลินสวิน มหายุคกำลังจะออกเดินทางมาเยี่ยม นี่เป็นมหายุคที่ไม่เคยเกิดมาก่อน และก็จะต้องเป็นครั้งที่หรูหราที่สุดคราวสุดท้ายของยุคนี้ ในตอนหลังก็จะโรยราลงเท่านี้”
เจ้าคางคกผุดยืนขึ้นโดยทันที ดวงตาดูขึ้นเขาเวิ้งฟ้า น้ำเสียงตื่นเต้นฮึกเหิม “นี่เป็นตอนๆในตอนที่ยอดเยี่ยมที่เราจะเดินหน้าเอาชัย ทะยานขึ้นอย่างเร็ว คลาดโอกาสนี้ไปก็ไม่มีช่องทางอื่นแล้ว!”
แล้วหลังจากนั้นเขาก็ดูไปยังหลินสวิน “เจ้า มีแผนการอะไรไหม”
หลินสวินนิ่งไป “บรรลุระดับกษัตริย์ขอบเขตมงกุฎนับด้วยมั้ย”
เจ้าคางคกตบหัวเข่า “สมเป็นพวกพวกเรา มหายุค ที่เสาะแสวงก็คือระดับแบบนี้ เมื่อดินแดนมงกุฎมาเยี่ยม ก็กำลังจะถึงคราวที่เราผงาดขึ้นเป็นพระราชา!”
“เจ้าก็รู้จักดินแดนมงกุฎหรือ”
หลินสวินสนเท่ห์ใจ
“ไม่มีประโยชน์น่า ในสมัยบรรพกาลก็เคยปรากฏขึ้นหลายครา เราจะไม่ทราบได้ยังไง”
เจ้าคางคกลบหลู่ดูหมิ่นนัก เจ้าหมอนี่ก็เป็นเสียอย่างงี้ ระหว่างที่ไม่ทันรู้สึกตัวก็จะถือดีแบบนี้ เย่อหยิ่งยิ่งนัก
ฝ่ามือข้างหนึ่งหลินสวินตบเข้าที่เข้าทางกำดันของเขา กดความหยิ่งของเขาได้ในทันที ในตอนนี้เขาถึงเล่าที่เกี่ยวกับดินแดนมงกุฎให้หลินสวินฟังแต่ว่าโดยดี
“คนที่อยู่ต่ำลงยิ่งกว่าระดับกษัตริย์ล้วนสามารถเข้าไปในดินแดนมงกุฎ ยุคบรรพกาลครั้งใดก็ตามดินแดนมงกุฎมาเยี่ยม จำเป็นต้องดึงดูดสายตาของครูฝึกปราณอีกทั้งใต้หล้า ไม่ว่าใคร ขอเพียงแค่พลังปราณไม่เกินระดับระชันล้วนคาดคั้นสมองแย่งกันเข้าไปในนั้น เจ้าทราบไหมว่าเพราะอะไร”
“ง่ายสุดๆ! ศุภโชคกับบุญบารมีในดินแดนมงกุฎมีมากนัก! มากมายกระทั่งสามารถทำให้ไม่ว่าสำนักใดหรือเผ่าโบราณไหนตาพองวาว!”
เจ้าคางคกกล่าวจนกระทั่งน้ำลายแตกฟอง บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์อิริยาบถเสมือนกล่าวเรื่องสำคัญในใต้หล้า
“เราทำเพื่อแย่งชิงศุภโชคของขอบเขตมงกุฎระดับพระราชา แต่ว่าคนฝึกปราณผู้อื่นทำเพื่อชิงบุญบารมีและก็ศุภโชคอื่น สรุปแล้ว นี่ก็คือการชิงเอาสิ่งที่แต่ละคนปรารถนา”
หลินสวินอดมิได้ถามออกไปว่า “ตกลงด้านในนั้นมีศุภโชคกับบุญบารมีอะไรกันแน่”
“วิชามรรค มรดก ทรัพย์สมบัติโบราณ เจตวัตถุ ทรัพย์สมบัติเซียน… ยังมีอักษรมรรค ท้องวิญญาณ สามารถทำให้เจริญคุ้มดีคุ้มร้ายได้ทั้งมวล!”
ดวงตาสีทองคำของเจ้าคางคกเจิดจ้า ส่องประกายลุกวาว “ถึงขนาดยังมีคนเคยเจอรังเจินหลง ถ้ำหงส์เซียนในนั้น! บุญบารมีเย้ยฟ้านานาประเภทเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้!”
หลินสวินก็อดไม่ได้สูดหายใจเยียบเย็น “ใช่หรือ”
“เป็นไปไม่ได้ไม่จริง”
เจ้าคางคกเอ่ย “อย่างน้อยที่สุดเราก็รู้ว่าในสมัยบรรพกาล เคยมีเด็กเลี้ยงโคที่มีพลังปราณเพียงแค่ระดับพลังภายในแค่นั้น บังเอิญได้กลืนรับประทานผลไม้เทวดาผลหนึ่งในดินแดนมงกุฎ ภายในช่วงเวลาสั้นๆเพียงแค่ร้อยวันก็เป็นกษัตริย์ได้ในคราวเดียว!”
หลินสวินอึ้งไป ประเด็นนี้ฟังมองน่าเกินจริงเกินความจำเป็นแล้ว บนโลกนี้ยังมีสถานที่อัศจรรย์หาใดเปรียบเทียบแบบนี้ด้วยหรือ
“เจ้าทราบไหมว่าเพราะอะไรเราถึงพึ่งจะตื่นในยุคนี้”
เจ้าคางคกเอ่ยอย่างเต็มไปด้วยลับลมคมใน
ไม่ทันที่หลินสวินจะเอ่ยถาม เขาก็ตอบออกมาเองว่า “เพราะในสมัยบรรพกาล ถึงแม้ดินแดนมงกุฎจะเคยปรากฏขึ้นบ่อยครั้ง แม้กระนั้นศุภโชคเย้ยฟ้าบางสิ่งในนั้นกลับถูกผนึกอยู่! ตามการคาดเดาของผู้มากเรื่องสามารถสมัยบรรพกาลพวกนั้น มีเพียงแต่ในขณะที่มหายุคที่สวยงามหรูหรากาลครั้งหนึ่งแค่นั้น ศุภโชคที่ถูกผนึกไว้พวกนั้นถึงจะถูกคนแสวงหาและก็คว้าไปได้!”
เมื่อเอ๋ยถึงนี้เจ้าคางคกก็อดไม่ได้ถอนหายใจออกมา “ถ้าเกิดไม่ใช่เนื่องจากศุภโชคเย้ยฟ้าพวกนี้ถูกผนึก ไม่บางทีอาจถูกทลายได้ ในสมัยบรรพกาลจะต้องมีระดับมงกุฎพระราชาเกิดขึ้นไม่น้อยแน่”
หลินสวินฉับพลันใส่ใจได้ขึ้นมา บอกว่า “กล่าวแบบงี้ เจ้าตื่นมาในยุคนี้ก็เพื่อคอยให้มหายุคมาเยี่ยม จะได้เข้าไปในดินแดนมงกุฎใช่ไหม”
เจ้าคางคกก้มศีรษะ “ที่ผ่านมาเรางวยงงคิดอะไรไม่ออกเลย เป็นเนื่องจากพลังเชื้อสายด้านในกายเราถูกผนึกไว้ ถึงกับขนาดที่ความจำเราหาย แต่ว่าในตอนนี้ไม่อย่างเดิมแล้ว เราทราบอดีตกาลของตนเอง เข้าใจดีแล้วว่าควรจะทำอะไร”
หลินสวินรู้ชัดว่าเจ้าคางคกขณะนั้นอ่อนแอจริงๆขนาดตนเองตื่นมาได้เช่นไร มายังโลกนี้ได้อย่างไรยังไม่รู้จัก
แล้วต่อจากนั้นหลินสวินก็คิดอีกหนึ่งเรื่องออก
ตอนใกล้ๆนี้ในดินแดนรกร้างโบราณมีอสูรกายสมัยโบราณไม่เคยรู้เยอะแค่ไหนเกิดขึ้นอย่างสะดุดตา ก่อเกิดการสั่นไหวในใต้หล้า
บ้างเป็นอัจฉริยะเหนือปกติที่เก็บตัววังเวงหลายพันปี
บ้างเป็นอสูรกายแล้วก็ภูติผีปีศาจที่เก็บตัวเงียบมาหมื่นปีขึ้นไป
จนกระทั่งยังมีคนที่เก็บเนื้อเก็บตัวเงียบมานานกว่านั้น ตัวอย่างเช่นคุณผู้ชายน้อยที่อยู่บนเกาะประเสริฐปัญจธาตุผู้นั้น เซ่าเฮ่านายน้อยเผ่าพระราชาเร้นศิลปินที่เก็บตัววังเวงในไข่ที่กรุ๊ปดาว ก็คงจะจำศีลนอนหลับมาตั้งแต่สมัยบรรพกาลทั้งหมด!
และก็ขณะนี้หลินสวินถึงพึ่งศึกษาค้นพบว่าเจ้าคางคกที่อยู่ข้างกาย ก็ไม่ใช่ว่าเป็นอสูรกายสมัยโบราณตัวหนึ่งหรอกหรือ หาไม่แล้วจะพึ่งจะมาปลุกพลังสายโลหิต ล่วงรู้สมัยก่อนของตัวเองเอาในขณะนี้ได้ยังไง
ในเดี๋ยวเดียวสายตาที่หลินสวินมองไปยังเจ้าคางคกก็ไม่ดังเดิมแล้ว เจ้าหมอนี่ดูราวกับว่าชายหนุ่มชุดเขียวผู้รูปหล่อคนหนึ่ง ใครกันแน่จะคิดได้ว่าเขาจะเป็นตัวประหลาดชราที่เกิดในสมัยบรรพกาลผู้หนึ่ง
“เจ้า… เจ้าดูบ้าอะไรเนี่ย!” เจ้าคางคกถูกจ้องมองจนกระทั่งอึดอัดไปหมด
หลินสวินเสมือนหาเหยื่อซึ่งสามารถเฉือนจับตัวได้หนึ่งเจอ กล่าวด้วยสายตาลึกล้ำว่า “เราต้องการทราบนักว่าตัวประหลาดสมัยโบราณเป็นยังไงกันแน่ แตกต่างกันกับบุคคลขอบเขตมงกุฎในช่วงปัจจุบันเช่นไร เริ่มจาก… เจ้าดีไหม”
