Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1121 ลับมีดครืดคราดรอน้ำแกงงู
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1121 ลับมีดครืดคราดรอน้ำแกงงู

อ่านนิยาย บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ บทที่ 1121 แปลไทย
หมีเหิงเจินหวนมา ไม่ว่าการต่อสู้ของเขากับไป๋หลงถิงจะแพ้ชนะก็ต่างทำให้คนไว้ใจ
แต่ว่าการมาของร่างต้นจินเซี่ยวหมิงกลับทำให้บนเขาวิญญาณพันกระแสปกคลุมด้วยก้อนเมฆมัวชั้นสูงสุด พาให้ในใจทุกคนต่างสั่น
แกร่งเกินความจำเป็นแล้ว!
เมื่อมาถึงก็เปิดเผยไอฆ่าไม่มีหมด!
“ไสหัวออกมา… !”
เสียงตะโกนเยียบเย็นนี้ยังสะท้อนก้อง ทำให้ฟ้าดินวุ่นวาย หินต้นไม้ปริแตก ทำให้แก้วหูครูฝึกปราณจำนวนมากแทบฉีกให้ขาด เลือดลมคืนกลับ
ร่างต้นของจินเซี่ยวหมิงยืนเย็นชาบนอากาศ ชุดเลือด ผมสีทอง ดวงตามรกต ดุจดังเทวดาฆ่าองค์หนึ่งกำลังชำเลืองแลโลกหล้าจากเบื้องบน
ความเป็นจริงเมื่อมาถึงเขาก็ได้รับการติดต่อจากร่างแยก รับทราบสถานะการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นบนเขาวิญญาณพันกระแสนี้แล้ว
นี่ทำให้เขาหันสายตามรกตไปยังหลินสวินในทันที
เวลาเดียวกันฉีชงโต้วก็สื่อจิตเล่าทั้งสิ้นที่เกิดขึ้นก่อนหน้าแก่หมีเหิงเจิน
แล้วหลังจากนั้นหมีเหิงเจินก็มองดูไปยังหลินสวินเช่นเดียวกัน ในแววตาเปิดเผยความชื่นชมยินดีอย่างไม่มีปกปิด รวมทั้งอยากรู้ด้วย
เทวดามารหลิน!
ชื่อนี้เขาเคยรับรู้มาหลายคราว แล้วก็เมื่อได้เจอกันยามนี้ก็ทำให้เขาคิดว่าในชื่อเสียงหาได้ไม่มีข้อเท็จจริงในทันที
กล้าท้ากับตัวประหลาดสมัยโบราณอย่างแข็งกระด้างแบบนี้ เพียงแค่จุดนี้หมีเหิงเจินก็รู้สึกติดอกติดใจในตัวหลินสวินแล้ว
ช่วงเวลาเดียวกันหลินสวินก็สัมผัสได้ถึงแววตาที่มาจากหมีเหิงเจินรวมทั้งร่างต้นของจินเซี่ยวหมิง
ประจันหน้ากับไอฆ่าที่ไม่ปกปิดของร่างต้นจินเซี่ยวหมิง หลินสวินสีหน้าท่าทางราบเรียบ ชำเลืองมองร่างแยกที่ถูกกักคุมกับพื้นด้านข้างวูบหนึ่ง
หลังจากนั้นเขาถึงกล่าว “หรือเจ้ามีความรู้สึกว่าเราไม่ฆ่าเขาเนื่องจากว่าไม่กล้ารึ”
ร่างแยกของจินเซี่ยวหมิงเดิมกำลังตื่นเต้นดีใจ มีความรู้สึกว่าจะได้รับการช่วยเหลือเกื้อกูล แม้กระนั้นเมื่อได้ยินคำบอกเล่านี้ของหลินสวินก็เย็นวาบไปตลอดตัวโดยทันที
เวลาเดียวกันสีหน้าท่าทางร่างต้นจินเซี่ยวหมิงบนเวิ้งฟ้าโดยพลันเปลี่ยนแปลง ตะคอกลั่นทันใด “เจ้ากล้า!”
หลินสวินยิ้มนิดหน่อย ยื่นมือตบออกไป
ปึง!
หัวของร่างแยกจินเซี่ยวหมิงถูกซัดละเอียดโดยตรง รวมทั้งอำนาจจิตเสี้ยวหนึ่งในร่างก็ถูกกำจัดไปด้วย!
ซ่า…
ฝนเลือดสาดประพรม ผู้ฝึกสอนปราณในที่นั้นล้วนถูกทำให้หวาด ดวงตาเบิกกว้างยากจะเชื่อ ถึงกับฆ่าร่างแยกซึ่งๆหน้าจินเซี่ยวหมิง
กรรมวิธีแบบนี้ช่างเผด็จการแล้วก็สะท้านจิตใจคนอย่างยิ่ง!
แม้กระทั้งหมีเหิงเจินก็อึ้งไปบางส่วน ต่อจากนั้นอดยิ้มขึ้นมามิได้ ในดวงตามีความแปลกใจแล้วก็สรรเสริญ
แต่ว่าสีหน้าท่าทางของจินเซี่ยวหมิงกลับกลายเป็นไม่น่ามองหาใดเปรียบเทียบในทันที
สูญเสียร่างแยกหนึ่งไม่มีผลเสียต่อร่างต้นเขาเท่าไรนัก แม้กระนั้นการที่ร่างแยกถูกฆ่าซึ่งๆหน้าแบบนี้กลับทำให้จินเซี่ยวหมิงรู้สึกถึงการยุแหย่อย่างถึงที่สุด!
ตูม!
อานุภาพทั่วร่างเขากลายเป็นน่าสะพรึงกลัวในพริบตา ชุดเลือดแผดเสียงสลัด แสงสว่างเขียวเจิดแจ่มแจ้งแสบตาพวยพุ่งครอบคลุมตัวเขาเอาไว้ภายใน
“เจ้านี่รนหาที่ตาย!”
จินเซี่ยวหมิงกล่าวเน้นย้ำครั้งละคำ ผมสีทองทั้งยังหัวแผ่สยาย พลานุภาพเชิญกลัวโน่นทำให้ฟ้าดินแถบนี้ฉับพลันมืดลง ครูฝึกปราณไม่น้อยต่างรู้สึกหายใจติดขัด
ไม่ว่าใครก็มองออก อานุภาพของร่างต้นจินเซี่ยวหมิงเข้มแข็งกว่าร่างแยกของเขาอยู่มากมาย!
แต่หลินสวินกลับราวไม่ทราบสึกอะไร เอ่ยสั่งราบเรียบ “เจ้าคางคก เจ้านำงูคงที่นี้ไปเฉือน อาหลู่เจ้าตระเตรียมหม้อ ชั่วประเดี๋ยวต้มน้ำซุปงูกษัตริย์ทองสักหม้อให้เพื่อนยุทธ์ทุกคนในที่นี้ได้ทดลองลอง”
“ได้เลย!” เจ้าคางคกรับคำอย่างยินดี
“เชื่อมือเราเหอะ” อาหลู่ตบอกยิงฟันกล่าว
“เจ้า เจ้า ยังมีเจ้า ถูกตายให้หมด!”
จินเซี่ยวหมิงโกรธกระทั่งแสงสว่างเขียวในดวงตาสาดฉาย สะกดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป พุ่งทะยานลงมาจากเวิ้งฟ้า ขณะโบกไม้โบกมือรุ้งกินน้ำเทวดาเขียวหยาบคายใหญ่ราวน้ำตกสายหนึ่งก็ทิ้งตัวลง
ตูม!
ห้วงอากาศแยกออกมาจากกัน รุ้งกินน้ำเทวดาสีเขียวโน่นเหมือนกับไม่บางทีอาจเสมอ
“คิดฆ่าคน ผ่านความคิดเห็นเราหรือยัง”
เงาร่างหมีเหิงเจินโดยพลันพริบไหว มือใหญ่วาดไปๆมาๆในอากาศราวเชือดตัดหยินหยาง ปรากฏลวดลายกลมสะอาด สุริยันจันทร์เขยื้อนคล้อยอยู่ข้างใน
วู้ม…
meenovel.com/novel/battling-records-of-the-chosen-one/
ลวดลายวงตะวันเดือนโคจรแผ่วเบาบนห้วงอากาศ ลบล้างรุ้งกินน้ำเทวดาเขียวสายนั้นจนกระทั่งไม่ทิ้งร่องรอย
ดวงตาดำของหลินสวินแวววาว หมีเหิงเจินเล่นงานเพียงแต่ครั้งเดียวก็เปิดเผยความสามารถการต่อสู้ที่เด่นเหนือผู้อื่น สมเป็นเยี่ยมในบุคคลขอบเขตมงกุฎที่แข็งสุดของปัจจุบัน
“หมีเหิงเจิน การต่อสู้ของเจ้ากับไป๋หลงถิงทำให้เจ้าเจ็บด้านในอยู่ก่อนแล้ว ยังคิดต่อสู้กับเราอีกรึ” จินเซี่ยวหมิงสีหน้าท่าทางอึมครึม
เจ็บข้างใน!
ในใจทุกคนต่างกระตุกวูบไม่กล้าเชื่อ ด้วยมองจากข้างนอกแล้วดูไม่ออกว่าหมีเหิงเจินมีร่องรอยเจ็บหากแม้เพียงแค่เสี้ยว
กลับมองเห็นหมีเหิงเจินกล่าวเฉยเมย “งานรวมกันพันกระแสนี้เราเป็นคนจัด ในฐานะผู้จัดงาน หากแม้ได้รับบาดเจ็บเราก็เป็นไปไม่ได้มองแขกถูกทำร้าย”
ถ้อยคำสบายอารมณ์ แม้กระนั้นเจือความมุ่งหมายผงาดกร้าวเด็ดขาด!
ท่าทางของเขาดุจหงส์มังกร สุภาพอ่อนโยนสุขุม ดูอย่างกับว่าคนสุภาพ โดยความเป็นจริงกลับมีความงามสง่าไม่มีใครต่อกรได้ เมื่อเปิดเผยประกายก็ทำให้ฟ้าดินต่างมืดมัว
นี่ก็คือหมีเหิงเจิน หัวหน้าคนรุ่นเยาว์ของวังศักดิ์สิทธิ์สุริยันพระจันทร์ ทั้งที่ยังไม่ตายยักษ์ใหญ่ยอดมงกุฎที่เป็นที่รู้จักมานานยาวนานหลายปีในขณะเดียวกัน ความภูมิฐานแบบนั้นช่างทำให้คนรู้สึกชื่นชอบ
“บอกอย่างงี้ ถ้าเราต้องการกำจัดเด็กนี่ เจ้าคงจะไม่เก็บมือเฝ้าดูเฉยๆ?”
สีหน้าท่าทางจินเซี่ยวหมิงคล้ำเขียวเยียบเย็นหาใดเปรียบเทียบ
“ไม่ผิด”
หมีเหิงเจินกล่าวอปิ้งไม่ลังเล “คราวนี้ร่างแยกของเจ้าฉวยโอกาสตอนเราไม่อยู่มาก่อกวนเขาวิญญาณพันกระแส เดิมโทษก็ไม่บางทีอาจยกโทษ ในตอนนี้เจ้ายังกล้าประกาศอำนาจทำการป่าเถื่อน มีความคิดว่าเราหมีเหิงเจินเป็นพลับนุ่มที่บีบขยำได้ตามใจหรือไร”
พวกฉีชงโต้วต่างตื่นเต้นไม่หยุด เปิดเผยสีหน้าท่าทางยกย่อง
แม้กระทั้งหลินสวินก็ไม่บางทีอาจปฏิเสธ แค่เพียงความห้าวหาญรวมทั้งรับผิดชอบนี้ หมีเหิงเจินก็คู่ควรให้เขาเลื่อมใสแล้ว
แต่เลื่อมใสส่วนเลื่อมใส ธุระก็ส่วนธุระ
ถัดมาหลินสวินก็ทะยานฟ้าขึ้นไปกล่าว “เรารออยู่ตรงนี้ก็เพื่อต้มน้ำซุปงูหม้อหนึ่ง ขอพี่หมีช่วยทำให้สมความต้องการ ให้เราได้ฆ่าหนอนยักษ์นี่”
หนอนยักษ์…
ได้ยินคำเรียกแบบนี้สีหน้าท่าทางทุกคนต่างแปลกพิลึกอยู่บ้าง
หมีเหิงเจินก็เหมือนกัน ค่อนข้างจะดูหลินสวินอปิ้งอึ้งงันวูบหนึ่ง เหมือนถูกความองอาจของเขาทำเอาผวา หลังจากนั้นก็เลยกลั้นขำกล่าว “ในเมื่อเป็นแบบนี้เราก็ไม่ยุ่งแล้ว”
กล่าวจบเขาก็หลบให้
“ฮ่าๆฮ่าๆๆๆ…”
ตอนนี้จินเซี่ยวหมิงโมโหกระทั่งหัวเราะ บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ตั้งแต่แสดงตัวบนโลกถึงขณะนี้เขาเพิ่งจะเคยพบผู้ที่กล้าดูถูกเหยียดหยามเกียรติเขาแบบนี้เป็นครั้งแรก!
ตูม!
เขาขี้เกียจจะชอบบ่นความอีก ลงมือทันใด ยกมือเรียกทวนยักษ์สีเลือดแหวกผ่านห้วงอากาศอึกทึก ปลายทวนราวกับมังกรห้อทะยานมาเยี่ยม
ทวนเล่มนี้เผด็จการ โหดร้าย ดุเดือดอย่างแท้จริง ซ่อนเร้นพลังมหามรรคเชิญหวาดหวั่น หนึ่งทวนแทงออกไป แสงสว่างเลือดสะท้านฟ้าดิน
ไม่เหมือนกับพลังต่อสู้ของร่างแยกอย่างแท้จริง!
เพียงแต่ชั่วพริบตาหลินสวินก็พินิจพิจารณาสมรรถนะของร่างต้นจินเซี่ยวหมิงออก ไม่เพียงแค่ทรงประสิทธิภาพกว่าร่างแยกขั้นหนึ่ง ยังมอบแรงกดดันยิ่งใหญ่แก่เขาด้วย
แต่ทว่านี่แหละเป็นสิ่งที่หลินสวินอยากมองเห็น!
ชิ้ง!
กระบี่หักปรากฏในอากาศ ขาวเด่นชัดดุจหิมะ ส่องประกายราวมายา พลังแก่นมรรคธาตุน้ำครอบคลุมอยู่บนนั้น เปิดเผยประกายคมซึ่งไม่มีสิ่งใดยับยั้งได้
ยามแข่งขันกับร่างแยกจินเซี่ยวหมิงก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา หลินสวินยังไม่เคยใช้ทรัพย์สมบัตินี้
ปึง!
กระบี่หักแล้วก็ทวนเลือดปะทะกัน ชั่วพริบตาก็ฟาดฟันดุดันในอากาศ แสงสว่างกระบี่ราวสายฟ้า เงาทบทวนเป็นชั้นๆซัดทลายพยับก้อนเมฆทั่วทิศ
ดวงตาจินเซี่ยวหมิงฉับพลันหดรัด เมื่อประมือเขาก็ทราบถึงความแข็งแกร่งของหลินสวิน รู้สึกตัวจากความโกรธเกรี้ยว เริ่มจู่โจมสุดกำลัง
ทวนยักษ์สีเลือดถูกเขาโคจรถึงระดับสูงสุด ทุกหัวระแหงที่คมทวนวาดผ่าน ห้วงอากาศล้วนถูกฉีกออกเป็นรอยแยกเชิญตะลึงงัน เวิ้งฟ้าถูกย้อมเป็นสีเลือด
ท่ามกลางความมัวมัวยังมีเสียงราวกับสมุทรเลือดบ้า เทวดาผีขู่คำรามสะท้อนก้อง อานุภาพน่าหวั่นถึงระดับสูงสุด
ผู้ฝึกสอนปราณในที่นั้นดูจนกระทั่งงงมากลายตา ความรู้สึกแต่ละคนยากสงบ อำนาจทรงประสิทธิภาพของร่างต้นจินเซี่ยวหมิงทำให้พวกเขาต่างรู้สึกประดุจหายใจติดขัด!
เทียบกันแล้วร่างแยกของเขาจืดชืดกว่าอย่างชัดเจน
ไม่แปลกที่จินเซี่ยวหมิงจะกล้าแข็งกร้าวแบบนี้ ตัวผู้เดียวลงมือบนเขาวิญญาณพันกระแสนี้โดยไม่หวาดหวั่นหมีเหิงเจิน หมายฆ่าเทวดามารหลินล้างความอดสู
หมีเหิงเจินสีหน้าท่าทางเอาจริงเอาจังจ้องการต่อสู้ไม่กระพริบ แน่ๆว่าเขามองดูความแข็งแกร่งของจินเซี่ยวหมิงออก เป็นถึงยักษ์ใหญ่ในกลุ่มบุคคลขอบเขตมงกุฎ ย่อมไม่ใช่กล้าแกร่งแบบธรรมดาแน่
เขาเตรียมตัวลงมือตลอดเวลาแล้ว
งานประชุมพันกระแสนี้เขาเป็นคนจัด เซียวชิงเหอที่ชักชวนหลินสวินมาคราวนี้ก็เป็นลูกศิษย์น้องของเขา ภายใต้เหตุการณ์แบบนี้เขาไม่มีวันยินยอมให้ความน่าจะเป็นไปได้ที่หลินสวินจะถูกฆ่าเกิดขึ้นแน่
เพียง…
ไม่ทันไรหมีเหิงเจินก็ศึกษาและทำการค้นพบอย่างประหลาดใจ ว่าภายใต้การต่อสู้รุนแรงกับจินเซี่ยวหมิง หลินสวินกลับพอฟัด ทั้งความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้ยังส่งผลให้เขารู้สึกเกินคาดหมาย
‘เจ้าเด็กนี่เป็นคนรุ่นเดียวกับลูกศิษย์น้องเซียวชิงเหอชัดๆแม้กระนั้นความชำนาญบนมงกุฎมรรคาเห็นกระจ่างว่าถึงอยู่ในระดับบรรลุสูงสุดแล้ว นี่เทียบกับยอดมงกุฎรุ่นเยาว์ลำดับหนึ่งในอดีตกาลแล้วหนักแน่นกว่ามากมาย ถึงกับขนาดที่แม้กระทั่งร่วมการประลองบอร์ดศิลปินสี่ดินแดนแข็งแรงก็คงจะสามารถคว้าลำดับแรกๆได้…’
ด้วยวิชาความรู้และก็ประสบการณ์ของหมีเหิงเจินในพริบตาก็วิเคราะห์ออก ว่าพลังต่อสู้ที่หลินสวินมีเกินกว่าขอบเขตของยอดมงกุฎรุ่นเยาว์นานแล้ว ทำให้เขารู้สึกตะลึงงันไม่หยุด
‘ก็ไม่แปลกที่ลูกศิษย์น้องเซียวชิงเหอจะชื่นชอบแล้วก็เชิดชูเขาแบบนี้ บุคคลแบบนี้เป็นอัจฉริยะเด่นที่นับนิ้วได้ในหมู่คนรุ่นเยาว์ทั้งยังใต้หล้าจริงๆ’
หมีเหิงเจินถอนใจอยู่ในใจไม่หยุด
แม้ว่ากันเอาจริงเอาจัง เขาแล้วก็พวกหวังเสวียนอวี๋ เย่หมัวเฮอ เยี่ยนจั่นชิว ได้เพียงแค่นับได้ว่าเป็นบุคคลขอบเขตมงกุฎรุ่นก่อน ไปสู่มรรคก่อน ทั้งยังอายุยังมากยิ่งกว่าสามสิบปีแทบทั้งสิ้น
แต่ว่าหลินสวินต่างออกไป เขายังเยาว์วัยนัก จากโลกด้านล่างจนกระทั่งมาถึงดินแดนรกร้างโบราณพึ่งผ่านไปไม่กี่ปีเพียงแค่นั้น ก็แปลงเป็นบุคคลมีอำนาจที่ใต้หล้าต่างรู้จัก
นี่มองเห็นได้ว่าไม่ธรรมดาเกินความจำเป็นแล้ว!
‘มหายุคคราวนี้แม้มีเด็กนี่ร่วม อาจมีจังหวะชนะมากขึ้นบ้าง’ หมีเหิงเจินไตร่ตรอง
ตูม!
ใต้เวิ้งฟ้าการต่อสู้ถึงใจถึงอารมณ์กำลังคุกรุ่นสม่ำเสมอ หลินสวินแล้วก็จินเซี่ยวหมิงฟาดฟันกันหลายร้อยกระบวนแล้ว จู่โจมใส่กันจนกระทั่งฟ้าดินมัวสุริยันพระจันทร์หม่นหมองแสงสว่าง เหตุการณ์ต่อสู้ร้ายแรงหาใดเปรียบเทียบ
ว่ากันตามจริงการต่อสู้กับร่างต้นจินเซี่ยวหมิงคราวนี้ ก็เลยจะถือเป็นการประมือกับอสูรกายสมัยโบราณคราวแรกอย่างแท้จริงของหลินสวิน
สำหรับร่างแยกของจินเซี่ยวหมิง ในที่สุดก็มองเห็นได้ว่าไม่เพียงพอสร้างภัยรุกราม
จินเซี่ยวหมิงยิ่งสู้ยิ่งหวาด สีหน้าท่าทางนานเข้าก็ยิ่งเคร่งครัด ไม่กล้าเหยียดหยามหลินสวินอีก และก็ปฏิบัติต่อเขาอย่างศัตรูที่แกร่งที่สมัย
แต่ว่าหลินสวินกลับยิ่งสู้ยิ่งกล้าหาญชาญชัย ในดวงตาดำลุกโหมโหมกระหน่ำด้วยจิตต่อสู้!
ไม่ถึงขนาดพบคู่แข่งขันที่ใกล้เคียงกินกันไม่ลง และไม่มีทางเลื่อมใสอีกข้างเด็ดขาด แม้กระนั้นความทรงประสิทธิภาพของจินเซี่ยวหมิงกลับทำให้หลินสวินฮึกเหิมจริงๆ!
ถึงยังไงมาถึงระดับขั้นดังเช่นเขา คิดต้องการพบคู่แข่งที่เพียงพอจะต่อสู้กันได้สักคนก็ไม่ได้ง่ายเลย
ที่ทำให้คนหัวเราะมิได้ร้องไห้ไม่ออกเป็น การประลองมงกุฎที่สมัยแบบนี้ได้ล่อใจจิตวิญญาณของทุกคนในที่นั้น กลับมีสองผู้ที่ผิดแผกไป
คนหนึ่งเป็นเจ้าคางคกที่กำลังเชือดร่างงูยักษ์ทองยาวพันจั้งตัวหนึ่ง สองมืออาบไปด้วยเลือดราวคนฆ่าสัตว์เฉือนเนื้อหมูก็ไม่ปาน การเคลื่อนไหวเชี่ยวชาญ ริมฝีปากยังคลอเพลงไปด้วย
อีกคนเป็นอาหลู่ เขาจุดไฟแล้วก็ตั้งหม้อยักษ์ใบหนึ่งกำลังต้มน้ำ มือเท้าว่องไวคอยวัตถุดิบลงหม้อ
นี่ทำให้ผู้ฝึกสอนปราณที่เห็นภาพนี้ต่างหมดคำกล่าวไปพักหนึ่ง จิตใจของเจ้าสองคนนี้ช่างกล้าเสียจริง ไม่ห่วงความปลอดภัยของเทวดามารหลินแม้แต่น้อย
