Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1125 ความเคลื่อนไหวของต้นไม้เทวดาแสงสว่างชาด
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1125 ความเคลื่อนไหวของต้นไม้เทวดาแสงสว่างชาด

อ่านนิยาย บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ บทที่ 1125 แปลไทย
ลิงแก่ชุดเขียวกล่าว “คุณผู้ชายน้อย ท่านกล่าวไม่ถูกแล้ว คู่มือมรดกมรรคของเผ่าพวกเราถูกเจ้าหนูนี่เข้าใจด้วยตัวเอง และก็เราเพียงแค่มอบโอกาสหนึ่งแก่เขาเพียงแค่นั้น”
ชายหนุ่มชุดไหมตกตะลึง “ท่าน… เพราะอะไรจำเป็นต้องทำแบบนี้”
ลิงแก่ชุดเขียวสีหน้าท่าทางสุขุม บอกว่า “เพื่อผูกบุญบารมีหนึ่งแก่คุณผู้ชายน้อย”
“ผูกบุญบารมี?”
หนุ่มน้อยชุดไหมเกือบจะมีความรู้สึกว่าหูฝาด กล่าวเยาะหยัน “ด้วยพื้นฐานพลังของเผ่าเรา ไยจำต้องทำแบบนี้เล่า เราไม่สนใจอะไรมากมายขนาดนั้น เราทราบเพียงแค่ว่าเจ้าเด็กนี่เคยแย่งของของเราไป ความแค้นนี้ท้ายที่สุดแล้วจำต้องเอาคืน!”
ลิงแก่ชุดเขียวถอนใจกล่าว “ถ้าเกิดเป็นแบบนี้ คุณผู้ชายน้อยสัญญาเราเรื่องหนึ่งได้ไหม”
“ท่านว่ามาเถอะ”
เด็กวัยหนุ่มชุดไหมหากแม้ดื้อรั้นรันไม่โอนเอน กลับเคารพนับถือลิงแก่ชุดเขียวพอสมควร
“ถ้าหมายเป็นศัตรูกับเด็กคนนี้ ขอคุณผู้ชายน้อยโปรดยั้งมือไว้ความเป็นมิตร”
ลิงชราชุดเขียวสีหน้าท่าทางมุ่งมั่นขึ้นมาอย่างยากจะมองเห็น
มองเห็นดังต่อไปนี้ในใจเด็กวัยหนุ่มชุดไหมไม่ชอบใจนัก สีหน้าท่าทางอึมครึมขึ้นมา แม้กระนั้นท้ายที่สุดก็ยังกัดฟันกล่าว “ได้ วันนี้เราสัญญาท่าน ต่อจากนี้ยามล้างแค้นเราหยวนฝ่าเทียนข้อตกลงว่าจะไม่ซัดเขาจนตาย!”
หัวขนคิ้วลิงแก่ชุดเขียวขมวดมุ่นอย่างยากมองเห็น มองดูเด็กวัยรุ่นที่ซนและก็ดันทุรังข้างหน้าแล้วไม่ขี้บ่นเรื่องอีก
เขาพูดถึงเรื่องอื่นต่อ “ไม่เกินครึ่งเดือน แท่นมรรคบูชาประเสริฐก็จะมาเยี่ยมโลกหล้า รวมทั้งสิ้นสามพันที่ กระจัดกระจายอยู่ในแต่ละเขตแดนของดินแดนรกร้างโบราณ เราควรจะจัดเตรียมล่วงหน้าบ้างแล้ว”
เด็กวัยรุ่นชุดไหมที่เรียกตัวเองว่าหยวนฝ่าเทียนดวงใจกระตุกวูบ เขาทราบดีว่าแท่นมรรคบูชาประเสริฐเป็นจุดเชื่อมต่อของดินแดนมงกุฎ!
…
“คุณผู้ชาย เหตุไรก่อนหน้าที่ผ่านมาท่านจำเป็นต้องทรหดอดทนด้วยขอรับ”
เรากระบี่ไม่บางทีอาจอดทนอดกลั้น เอ่ยถามออกมา
“เด็กวัยหนุ่มชุดไหมโน่นไม่น่ากลัวเพียงพอ แม้กระนั้นข้างกายเขากลับมีเด่นคนหนึ่งตามมาด้วย ถ้าเกิดลงมือไปผลปรากฏว่าอาจยากคาดการณ์”
เมื่อคำบอกเล่าอวิ๋นชิ่งไป๋ดังขึ้น เรากระบี่แข็งทื่อไปหมดทั้งตัว ตระหนกตกใจกระทั่งเกือบจะกัดลิ้นตัวเอง เจ้าหมอนั่นเป็นอริยเทวดาจากไหนกันแน่ ข้างกายถึงได้มีเจริญผู้หนึ่งรอคุ้มครองปกป้อง
ยิ่งนึกในใจเรากระบี่ก็ยิ่งคิดกลัว
อริยเทวดาไม่บางทีอาจลวนลาม ประโยคนี้ไม่ใช่ว่ากล่าวกันเล่นๆ!
“เจ้ามีความคิดว่าประเสริฐน่าสะพรึงกลัวมากมายรึ” อวิ๋นชิ่งไป๋ฉับพลันเอ่ยถาม
เรากระบี่ผงกศีรษะตามจิตไร้สำนึก
อวิ๋นชิ่งไป๋ยิ้มเยาะกล่าว “เจ้าทราบเพียงแค่อริยเทวดาไม่บางทีอาจลวนลาม แม้กระนั้นไม่เคยรู้ว่าอริยเทวดาก็มีตอนที่เปลี่ยนเป็นวัชพืช”
บอกจบเขาไม่กล่าวมากเรื่องมากความอีก เครื่องประดับขาวพลิ้วไหว เงาร่างถือตัวทะนงเด่นมุ่งไปยังที่ห่างไกล
เรากระบี่ชะงักงันก่อน หลังจากนั้นก็เลยทันทีตกใจ ท้ายที่สุดก็สูดหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง ในสายตาคุณผู้ชายอริยเทวดาก็ไม่น่ากลัวเพียงพอหรอกรึ
…
แว่นแคว้นน้ำหมึกขาว
หลินสวินแล้วก็อาหลู่กำลังร่ำเหล้าในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
ไม่นานเจ้าคางคกก็แสดงตัวอย่างอ่อนเพลีย ชูกาเหล้ากระดกดื่มพักหนึ่งถึงค่อยกล่าวอย่างท้อใจ “เป็นไปไม่ได้ติดต่อยัยหนูแรงวจิ่งเซวียนโน่นได้เลย เราอุตสาหะสุดกำลังกว่าจะสืบข่าวสารได้ว่านางกำลังปิดด่าน กล่าวว่ากำลังจัดแจงเพื่อไปสู่ดินแดนมงกุฎ”
ในใจหลินสวินผิดหวังอยู่บ้างนิดหน่อย
เดิมเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถชวนแรงวจิ่งเซวียนร่วมขยับเขยื้อนพร้อม
แม้กระนั้นดูท่าในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว
“ไปเถิด ถึงยังไงข้างหลังไปสู่ดินแดนมงกุฎก็ยังได้โอกาสเจอกัน” เจ้าคางคกกล่าว
“ไป? ไปไหน?”
อาหลู่อึ้งงัน
เจ้าคางคกยิ้มมีเลศนัย บอกว่า “ไปชิงวิถีทางไปสู่ดินแดนมงกุฎที่ปลอดภัยที่สุด อ๋อ ถ้าเกิดเราจำไม่ผิดตรงนั้นเสมือนจะห่างจาก ‘ซอกเขาพระอาทิตย์คล้อย’ ไม่ไกลนัก…”
วันนั้นพวกหลินสวินก็เลยออกมาจากดินแดนน้ำหมึกขาว เดินทางผ่านภูเขาลำธารและก็เมืองต่างๆโดยมีเจ้าคางคกนำทาง เดินทางตลอดวันตลอดคืนตลอดทางไม่เคยพักผ่อน
ผ่านไปสามวัน ในแนวเขาดึกดำบรรพ์รกร้างแถบหนึ่ง
เจ้าคางคกฉับพลันเงยดูรอบๆแล้วกล่าว “ความเร็วของความเคลื่อนไหวในฟ้าดินนับวันยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยระหว่างแนวเขามีไอวิญญาณหอมมากกว่ายุคบรรพกาล!”
หลินสวินรวมทั้งอาหลู่ต่างก้มศีรษะ
นับเป็นเวลาหลายวันมานี้พวกเขาเดินทางผ่านแนวเขา แม่น้ำ ปลักหล่ม ทะเลทรายกว้างขวาง ตลอดทางมองเห็น ‘ความเคลื่อนไหวเชิญชวนตะลึงงัน’ นานาประการมามากมาย
บนทุ่งรกร้างบางที่จู่ๆก็กำเนิดรอยแยกเหวลึกมโหฬาร มีหมอกควันสีดำแปลกทะลวงขึ้นเหนือก้อนเมฆ ทำให้ตอนกลางวันราวตกอยู่ในรัตติอันมืดมาก
บนแนวเขาบางพื้นที่ฉับพลันกำเนิดสายฟ้าแลบฝนลำพองปกคลุมขอบเขตพันหลบ ลมพายุสายฟ้าเจิดจ้าราวกับมหาเคราะห์ไม่มีใครต่อกรได้สั่นฟ้าดิน
จนกระทั่งขอบเขตนิดหน่อยยังถูกไอวิญญาณระเบิดฉุดกระชากโดยบริบูรณ์ สภาพภูมิอากาศผันแปรว่างเปล่ากึ่งกลางฟ้าดิน ทำให้ผู้คนกลัวเมื่อเห็น
ช่วงเวลาเดียวกันความเร็วของการแปรเปลี่ยนภาวะของทุกสิ่งบนโลกก็รีบตามไปด้วย พวกหลินสวินเคยได้เห็นมาพร้อมกับตา ยอดดอยแล้งที่เดิมไม่มีต้นหญ้าเติบโตแห่งหนึ่ง ภายในระยะเวลาสั้นๆเพียงแต่หนึ่งก้านธูปก็ปล่อยพลังชีวิตพล่านหาใดเทียบ หมอกเมฆินทร์รุมล้อม ต้นไม้เติบโตอย่างเพ้อคลั่ง แปลงเป็นเขาวิญญาณลูกหนึ่งด้วยความเร็วที่ตาเนื้อสามารถเห็น!
นี่เป็นความเคลื่อนไหวชักชวนตะลึงงันที่สะเทือนทั่วดินแดนรกร้างโบราณ
แล้วก็ที่เกิดขึ้นพร้อมความเคลื่อนไหวน่าผวายังมีการฆ่าที่น่าหวาดเสียว!
ไอวิญญาณบนโลกนี้นับวันยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยปริมาณของเขาวิญญาณก็มากขึ้นอย่างเร็ว บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ยาวิญญาณ สิ่งที่มีค่า วัตถุดิบเทวดาที่สลายหายไปในลำธารที่ยุคสมัยแล้วนิดหน่อย ล้วนปรากฏในรอบๆต่างๆของดินแดนรกร้างโบราณเหมือนกับหน่อไม้ข้างหลังฝนยามฤดูใบไม้ผลิ
เขาวิญญาณสามารถสร้างเป็นถ้ำสรวงสวรรค์ดินแดนมงคล สามารถทำเป็นประตูเทือกเขาเพื่อเปิดสำนักตั้งพรรค
แล้วก็โภคทรัพย์ชั้นเลิศอย่างยารักษาโรควิญญาณ ของที่ล้ำค่าประหลาด วัตถุดิบเทวดา ก็คือทรัพยากรฝึกหัดปราณที่มีค่าหาใดเทียบ!
เดี๋ยวนี้ตามความรวดเร็วสำหรับเพื่อการเปลี่ยนของฟ้าดิน ไม่เพียงแต่คนฝึกปราณบนโลกเพียงแค่นั้น แม้กระทั้งสำนักโบราณใหญ่ๆก็ต่างนั่งไม่ติด ทยอยเริ่มลงมือไขว่คว้ารวมทั้งครอบครองเขาวิญญาณกับทรัพย์สมบัติไม่มีผู้ครอบครองพวกนี้
มีการต่อสู้แล้วก็ฆ่าฟันระหว่างผู้ฝึกสอนปราณเพื่อแก่งแย่งทรัพย์สิน
ส่วนสำนักโบราณก็กำเนิดการขัดกันเพื่อขยายเขตอิทธิพลรวมทั้งครอบครองทรัพยากรฝึกหัดปราณ ก่อเกิดศึกชิงอำนาจ
ตลอดทางพวกหลินสวินเผชิญการนองเลือดแบบนี้มาแล้ว ทุกหนทุกแห่งล้วนเป็นภาพความไม่ลงรอยกันหลั่งเลือด คลื่นลมกระจัดกระจาย
อีกทั้งใต้หล้าเริ่มเต็มไปด้วยกลิ่นเขม่าควันแล้วก็การเผชิญหน้า ไม่สงบเงียบเหมือนแต่ก่อนอีก
ทุกสิ่งล้วนมีต้นเหตุมาจากความเคลื่อนไหวฟ้าดิน!
“มหายุคจะปั่นป่วนโลก กฎเกณฑ์แล้วก็แบบแผนที่ดินดินแดนรกร้างมีในอดีตกาลจะถูกทำลาย ทำความสะอาดโดยการล้างไพ่ใหม่อีกที”
meenovel.com/novel/battling-records-of-the-chosen-one/
เจ้าคางคกถอนใจ “ใต้หล้านี้จำเป็นที่จะต้องไปสู่ความปั่นป่วนและไม่สงบ การทำลายแล้วก็ผงาดง้ำอยู่ร่วมกัน เปิดเผยช่วงที่ความก้าวหน้าถึงระดับสูงสุดอย่างไม่เคยมีมาก่อน!”
“มหายุคนี้ยังไม่ปรากฏขึ้นจริงๆก็ทำให้ใต้หล้ากำเนิดคลื่นลมกระทั่งวุ่นวายอลหม่านแล้ว ไม่กล้าจินตนาการเลยว่าข้างหลังมหายุคที่จริงจริงมาเยี่ยมจะเป็นภาพอย่างไร”
อาหลู่ถอนใจขึ้นมาอย่างยากจะมองเห็น เห็นกระจ่างว่าประสบการณ์ยาวนานหลายวันนี้ทำให้เขาสะท้านสั่นสะเทือนอย่างยิ่ง
“จะเป็นภาพอะไรได้เล่า แน่ๆว่าควรจะเป็นยุครุ่งเรืองเจิดแจ่มแจ้งแล้วก็ความวิบัติป่วนปั่นนองเลือดอยู่ร่วมกัน มีเพียงแค่ผู้หนักแน่นที่จริงจริงถึงสามารถผงาดในไฟการสู้รบและก็ควันเขม่าควันได้ สะดุดตาท่ามกลางมหายุค!”
เจ้าคางคกผึ่งผาย กล่าวอย่างอวดเก่ง “แน่ๆ ผู้ใดกันคิดเด่นท่ามกลางมหายุคก็จำเป็นต้องถามข้าว่าเห็นด้วยหรือเปล่า!”
ช่วงแรกยังพูดจาน่าไว้ใจ ประโยคข้างหลังดันเปิดเผยท่วงท่าชูหางตนเองทันใด นี่ทำให้อาหลู่กลอกลูกตาใส่ดูถูกเหยียดหยามเขาเต็มกำลัง
ขณะหลินสวินกำลังจะกล่าวบางสิ่ง ดวงตาก็หดเกร็งในทันที
ในจุดที่ห่างออกไปในกลุ่มเขาไม่มีขอบเขตยอดดอยซ้อนสลับ กลับมีต้นไม้ยืนต้นแปลกต้นหนึ่งสูงใหญ่กว่ายอดดอยเหล่านี้!
ปลายยอดของมันทะลวงก้อนเมฆเช่นร่มบังฟ้า กิ่งเลี้ยวไปเลี้ยวมาประดุจพญามังกร ใบไม้ใหญ่ดุจก้อนเมฆแผ่สยายปกคลุมฟ้า แดงชาดดุจแสงสว่างเวลาเย็นคล้ายกำลังลุก
ยอดดอยใกล้เคียงยังสู้ไม่ได้แม้กระทั้งลำต้นของมัน
“ให้ตายเหอะ นี่เป็นต้นไม้เทวดาแสงสว่างชาด! ยุคบรรพกาลยังมองเห็นได้น้อยนัก!”
เจ้าคางคกสะดุ้งร้องลั่น
“โอ้โฮ มันยังเติบโตขึ้นอีก”
อาหลู่เปิดตากว้าง
ก้านใบต้นไม้เทวดาแสงสว่างชาดพลิ้วไหวไสวในกลุ่มเขา ลำต้นของมันดังพญามังกรทะยานฟ้า เติบโตอย่างเร็ว สูงมากขึ้นเรื่อยอย่างกับจะฉีกแผ่นฟ้าพุ่งทะลวงออกนอกความว่าง!
หลินสวินมองเห็นอย่างแจ่มแจ้ง ต้นไม้นี้เสมือนมีจิตวิญญาณมีชีวิต กำลังเปลี่ยนสภาพถึงจุดสูงสุดแผ่กระจายชีวิตของตนเอง
เปรี้ยง!
แต่ต้นไม้เทวดาแสงสว่างชาดที่กำลังจะทะลวงเวิ้งฟ้าเร็วนี้ๆ กลับถูกสายฟ้าเจิดจ้ามโหฬารหลากสายฟาดผ่าฉับพลัน
โน่นเป็นโทษทัณฑ์สรวงสวรรค์!
เพียงแค่ชั่วพริบตาต้นไม้เทวดาแสงสว่างชาดก็ถูกจู่โจมอย่างมาก แขนงแตกหักถูกไฟสายฟ้าแปลงเป็นเถ้าถ่าน แม้กระทั้งลำต้นที่สูงใหญ่มากยิ่งกว่ากลุ่มเขาก็ถูกผ่ากระทั่งไหม้เกรียม ง่อนแง่นร้ายแรงท่ามกลางประกายอัสนีเคราะห์
ดูจากไกลๆราวกับผู้กล้าแกร่งไม่มีใครต่อกรได้คนหนึ่งกำลังพบมหาเคราะห์ เป็นตายยากคาดคะเน!
กร๊อบ!
ในที่สุดต้นไม้เทวดาแสงสว่างชาดนี้ก็ผ่านด่านเคราะห์ล้มเหลว ลำต้นถูกฟ้าผ่าคมดุจใบมีดผ่าออกเป็นสองส่วน
ที่น่ามหัศจรรย์เป็นลำต้นที่ขาดสะบั้นนั้น กึ่งหนึ่งเหี่ยวเฉาไหม้เกรียม ครึ่งเดียวกลับปกคลุมด้วยพลังชีวิตยิ่งใหญ่หาใดเทียบข้างในด่านเคราะห์สายฟ้า ส่องประกายเจิดรุ่งเรือง
‘หนึ่งมอดดับหนึ่งเจริญรุ่งเรือง ความพิศวงที่ความเป็นตายเวียน โชคร้าย อีกเพียงแค่ก้าวเดียวมันก็จะผ่านด่านเคราะห์เสร็จ เปลี่ยนเป็นพระราชาผู้หนึ่ง!’
หลินสวินถอนใจอยู่ด้านใน
“มัวนิ่งเงียบอะไร รีบลงมือสิ! นี่เป็นถึงไม้เทวดาฟ้าผ่า หล่อเลี้ยงพลังมหามรรคจากความวอดวาย ค่าหาที่สุดมิได้!”
เจ้าคางคกตาลุกตาชันวาว ลมหายใจเอาจริงเอาจัง ฟุ่บเดียวก็พุ่งทะยานออกไป
หลินสวินและก็อาหลู่รีบตามไปติดๆ
ตรงนี้เป็นแถบช่องเขา เดิมต้นไม้เทวดาแสงสว่างชาดหยั่งรากลึกอยู่ข้างใน แต่ทว่าปัจจุบันนี้ซอกเขาได้ถูกอัสนีเคราะห์ทำลายสิ้น ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยภาพทำลายไหม้เกรียม
ลำต้นและก็กิ่งของต้นไม้เทวดาแสงสว่างชาดเกินครึ่งล้วนกลายเป็นเถ้าถ่านในอัสนีเคราะห์ มีเพียงแต่ก้านใบนิดหน่อยที่กระจัดกระจายหล่นลงพื้น
เมื่อพวกหลินสวินมาถึง ดูปราดเดียวก็มีความเห็นว่าในเถ้าถ่านเกลื่อนกลาดโน่นมีไม้เทวดาท่อนหนึ่งแวววับเปล่งรัศมี ยาวเพียงแต่หนึ่งฉื่อ ดกเท่าแขนเด็ก
แม้กระนั้นมันกลับสีแดงสดดุจไฟ ส่องประกายผุดผ่อง พลังชีวิตยิ่งใหญ่พล่านหาใดเทียบฟุ้ง!
“ไอความตายสลายสิ้น เหลือเพียงแค่แหล่งกำเนิดบริสุทธิ์ที่เกิดใหม่จากด่านเคราะห์ท่อนหนึ่ง ของอย่างงี้แม้กระทั่งเด่นมามองเห็นก็ถูกตาลุกวาว!”
น้ำลายเจ้าคางคกเกือบจะไหลออกมา เดิมเขาก็เป็นเผ่าคางคกทองคำสามขา สามารถวิเคราะห์ทุกสิ่งทั่วหล้า รู้มากในสิ่งมีค่าตั้งแต่อดีตกาลกระทั่งตอนนี้ แน่ๆว่าปราดเดียวก็มองดูค่าของสิ่งนี้ออกว่าจำต้องยิ่งใหญ่ถึงกับขนาดสั่นสะเทือนใต้หล้า
แต่ยามเขาพึ่งตระเตรียมจะลงมือก็ถูกหลินสวินกดตัวไว้แน่น สื่อจิตกล่าว ‘ระวัง!’
เจ้าคางคกหยุดชะงัก
เวลาเดียวกันก็มองเห็นลำต้นเทวดาสีแดงสดดุจไฟโน่นทันทีส่งแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้า ในแสงสว่างประกายวนเวียนเบาๆเปลี่ยนเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง!
นางดวงตาชัดเจนฟันขาว สวยชวนชม ผมยาวแดงไฟสลวยทั้งยังหัวทิ่มม้วนด้วยก้านไม้ท่อนหนึ่ง ร่างอรชรอาศัยใบไม้แดงไฟขนาดใหญ่หุ้มห่อ เปิดเผยน่องนวลกระจ่างแจ้งแล้วก็เท้าเปล่าขาวดุจหิมะ
มองไปแล้วนางคงจะแก่เพียงแค่สิบห้าสิบหก อ่อนวัยสวยผุดผ่อง บนผิวขาวราวหชูมันแพะอบอวลไอไฟหลากสาย ตรงหว่างขนคิ้วมีลายไฟแปลกลายหนึ่ง
“พี่ชายทั้งยังสาม พวกท่านกำลังจะทำอะไรหรือ” นางไพล่มือน้อยไว้ด้านหลัง ยืนอยู่นั่นอย่างกระปรี้กระเปร่า กะพริบดวงตาโตแวววาว ยิ้มน้อยๆแล้วเอ่ยถาม
