Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1127 เมืองนำทาง

อ่านนิยาย บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ บทที่ 1127 แปลไทย
กาทองคำขวางฟ้า ร่างส่องประกายเจิดจ้าราวหล่อจากทอง ยามกระพือปีกดุจก้อนเมฆสยายบังฟ้า เปลวไฟที่โหมกระหน่ำเผาห้วงอากาศทั้งหมดทั้งสิ้น ใต้หล้าล้วนสว่างไสว
มองดูจากไกลๆอย่างกับอาทิตย์ดวงใหญ่เขยื้อนขวาง!
ครืน…
เปลวไฟเล็กน้อยทิ้งตัวลงบนพื้นดิน หลอมเหลวพื้นดินจนถึงกำเนิดรอยพรุนเยอะไปหมด พลังล้างผลาญน่ามหัศจรรย์
กาทองคำอาศัยอยู่บนต้นฝูซาง คุยโวว่าตนเป็นบุตรหลานสุริยเทวดา เป็นเลิศในนกภูติผีปีศาจที่เข้มแข็งที่สุดที่บรรพกาล พลังต่อสู้น่ากลัวอย่างมาก
กาทองคำที่อยู่ไกลออกไปตัวนั้นบินทะยานกึ่งกลางฟ้า ชั่วพริบตาก็หายไปในเวิ้งฟ้าที่ห่างออกไป
“แม่มันเหอะ กาทองคำเหล่านี้ยังไม่ตายเรียบ ดูท่าบุตรหลานของเผ่ามันก็บางทีอาจเข้าไปในดินแดนมงกุฎด้วย”
สีหน้าท่าทางเจ้าคางคกวูบไหวไม่หยุด
ดินแดนมงกุฎมี ‘สามพันดินแดน’ แต่ละดินแดนราวกับขอบเขตกว้างขวางไม่มีขอบเขต แต่ละขอบเขตต่างมีทางเข้าหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
วิถีทางนี้ก็คือแท่นมรรคบูชาเด่น!
นี่ก็ชี้ว่าการไปสู่แท่นมรรคบูชาประเสริฐที่แตกต่างกันก็จะไปยังขอบเขตในดินแดนมงกุฎที่ต่างกัน ต่างข้างต่างกระจุยกระจายกันออกไป
ทางที่เจ้าคางคกเลือกครั้งนี้ตั้งอยู่ในแถบสนามรบโบราณ ใกล้ๆซอกเขาพระอาทิตย์คล้อย ทั้งยังไม่มีขุมอำนาจกระจัดกระจายอยู่เท่าไรนัก คงจะถือได้ว่าเป็นทางที่ปลอดภัยพอสมควร
แม้กระนั้นในตอนนี้เจ้าคางคกไม่กล้ามั่นใจอยู่บ้างแล้ว
ถ้าเกิดเผ่ากาทองคำที่อาศัยอยู่ในซอกเขาพระอาทิตย์คล้อยเข้ามายุ่ง ถึงแม้ว่าไปสู่ดินแดนมงกุฎได้ก็จะต้องเข้าไปในเขตเดียวกัน ไม่บางทีอาจหลบหลีกความไม่ถูกกันได้แน่!
“การต่อสู้ที่มหายุค การต่อสู้ที่มงกุฎ ล้วนมีคำว่าสู้ เพียงแค่เข้าไปในดินแดนมงกุฎ ไยจำต้องกลัวที่จะสู้กับคนอื่นๆด้วยเล่า”
หลินสวินตบบ่าเจ้าคางคก
ตั้งแต่ระดับพระราชาขึ้นไปล้วนไม่มีวันไปสู่ดินแดนมงกุฎ นี่ก็พอเพียงแล้ว ขอเพียงแค่เป็นการแข่งในรุ่นเดียวกัน หลินสวินก็หาได้กลัวผู้ใดกันแน่ไม่
สนามรบโบราณกว้างไม่มีขอบเขต ยิ่งเข้าไปลึกฟ้าดินก็ยิ่งมืดมัว บนพื้นเต็มไปด้วยซากสนามรบ เศษกำแพงชำรุดทรุดโทรม
ระหว่างเดินทางพวกหลินสวินทยอยพบเห็นคนนิดหน่อย ไม่จำเป็นที่ต้องสงสัย คนกลุ่มนี้ก็มารอแท่นมรรคบูชาเจริญมาเยี่ยมเหมือนกัน
“โฮก…”
ทันทีทันใดเสียงสัตว์ภูติผีโดยพลันดังขึ้น ดังสนั่นดุจฟ้าคำราม สะท้อนก้องในสนามรบโบราณ ทำลายบรรยากาศเงียบมากของฟ้าดินแถบนี้
ฉับพลันนั้นพวกหลินสวินก็มองเห็นคนกรุ๊ปหนึ่งทะยานฟ้ามาแต่ไกล คนมากล้วนนั่งมาบนนกปีศาจร้ายสัตว์อสุรี
บ้างราวโคกิเลน บ้างเป็นอสุรีกลืนวิญญาณ บ้างก็เป็นค้างคาวเลือด ล้วนแล้วแต่มีอานุภาพถั่งโถมเชื้อเชิญตกตะลึง
พวกหลินสวินชะลอฝีเท้า ตลอดทางมองเห็นว่า ยิ่งเวลาล่วงเงาร่างผู้ฝึกสอนปราณที่เผชิญก็ยิ่งมากเพิ่มขึ้น
ล้วนรวมกลุ่มเป็นขบวนเกือบจะทั้งหมด
ทั้งดูราวกับว่าผู้สืบทอดที่มาจากต่างขุมอำนาจ
“เจ้าคางคก เจ้ามิได้บอกหรือแท่นมรรคบูชาประเสริฐที่จะมาเยี่ยมตรงนี้มีคนทราบน้อยมาก” อาหลู่อดกล่าวงึมงำมิได้
ตลอดทางมานี้ล้วนพบครูฝึกปราณนับร้อยนับพันแล้ว
“เราจะไปทราบได้อย่างไรเล่า”
เจ้าคางคกก็พูดไม่ถูก ประสบการณ์ของเขามาจากยุคบรรพกาล แต่ว่าเห็นได้ชัดว่าตามการเปลี่ยนผันของระยะเวลาไม่มีหมด ได้กระตุ้นให้เกิดความเคลื่อนไหวมากมายก่ายกองแล้ว
“ไสหัวไป!”
ห้วงอากาศข้างหลังสะเทือน เสียงตะคอกราวฟ้าร้องหนึ่งดังขึ้น ยานสำเภายักษ์สีเลือดดุจพระราชวังลำหนึ่งบีบกดชั้นฟ้ามาถึง
ยานสำเภานี้ใหญ่มโหฬารแดงเถือกตลอดลำ บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ลายมรรคเชิญกลัวหลั่งไหล หน้ายานสำเภามีสัตว์ซาตานสายพันธุ์บรรพกาลมากไม่น้อยเลยทีเดียวดึงห้อรีบเร่ง
แต่ละตัวล้วนเป็นสัตว์หายากอปิ้งชือไฟแปดอุ้งเล็บ สีแดงไฟตลอดตัว อานุภาพร้ายกาจดูใต้หล้าอย่างดูถูกดูหมิ่น
มีแรดอัสนีแยกฟ้า ยามห้อรีบเร่งห้วงอากาศล้วนถูกย่ำแหลกละเอียด
ยังมีนกกระจอกหางดำที่เรียกลมเรียกฝน ทั้งยังมีอสรพิษปีกหลายสีตัวใหญ่ราวมังกรที่เป็นผู้สืบสกุลมังกรมายาดึกดำบรรพ์
ยานสำเภายักษ์สีเลือด สัตว์สายพันธุ์แปลกบรรพกาลมากกดอัดห้วงฟ้า ขู่คำรามก้องฟ้าดิน อานุภาพชักชวนหวาดหวั่นนั้นบีบกดแผ่นฟ้า ทำเอาสนามรบโบราณแถบนี้สั่น
บนยานสำเภายักษ์ชายชุดโบราณสวมคานหามตกแต่งสูงคนหนึ่งสองมือไขว้หลัง ตอนเอวคาดขลุ่ยยาวเขียวมรกตเลาหนึ่ง เงาร่างจองหองทะนง แววตาดุจอินทรีคำกริยาดุจสุนัขป่า กึ่งกลางดวงตาวาบประกายแปลกประหลาดเรืองรองแรงตากว่าดวงอาทิตย์
ข้างกายเขายังล้อมด้วยชายหญิงกรุ๊ปหนึ่ง ล้วนแล้วแต่บุคลิกลักษณะไม่ธรรมดา
meenovel.com/novel/battling-records-of-the-chosen-one/
ครืน!
มองเห็นพวกหลินสวินสามคนอยู่ด้านหน้า แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นอสูรกายบรรพกาลพวกนั้นหรือทุกคนบนยานสำเภาสีเลือดก็ต่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
เจ้าคางคกและก็อาหลู่ล้วนขุ่นเคือง แต่ทว่ากลับถูกหลินสวินกักคุมพาพุ่งหลบไปอีกด้าน หลบแต่ว่าโดยดี
ห้วงอากาศแถบนี้วุ่นวาย ยานสำเภาสีเลือดกดอัดผ่านไปโดยไม่พักผ่อน แผดเสียงกัมปนาทห่างออกไปราวฟ้าคำราม เหลือไว้เพียงแค่คลื่นลมแผ่กระจาย
ยังได้ยินเสียงเยาะหยันแล้วก็ดูแคลนเล็กน้อยอยู่รางเหมือนกำลังวิภาควิจารณ์พวกหลินสวิน เจือกลิ่นอายหยอก
เจ้าคางคกแล้วก็อาหลู่ต่างอารมณ์เสีย สีหน้าท่าทางไม่น่ามอง เมื่อครู่คนพวกนั้นตั้งใจชัดๆบนฟ้ากว้างเสียปานนั้นยังดื้อด้านขับเคลื่อนแทรกพวกเขา นี่มันทำเกินไปแล้ว
หว่างขนคิ้วหลินสวินฉายแววเยียบเย็นวูบหนึ่ง
อะไรที่เรียกว่าคิดว่าตัวเองดีอันธพาล
นี่แหละใช่!
“การต่อสู้มหามรรคถอยเพียงแค่ก้าวทุกก้าวล้วนถอยร่น ทุกคน ความตั้งใจพวกเจ้าถูกคลอนแคลนแล้ว เชื้อเชิญกลับไปเถิด มหามรรคขอบเขตมงกุฎระดับพระราชาอาจจะถูกลิขิตให้ไม่มีบุญบารมีกับพวกเจ้าแน่”
ในขณะนั้นชายผมเทาอาการองอาจคนหนึ่งที่หามธนูยาวกระดูกสัตว์ผ่านมาก็กล่าววิภาควิจารณ์ลอยๆเจือความดูถูกดูแคลนเสี้ยวหนึ่ง
เขาก้าวเข้าสู่เพียงแต่คราว แสงสว่างมรรคใต้เท้าดุจใบบัว หามเขาลอยล่องไปตรงหน้า ชั่วพริบตาก็โฉบไปยังที่ห่างไกล
แล้วต่อจากนั้นอินทรีฟ้ากิเลนเขียวตัวหนึ่งโฉบขวางฟ้า บนตัวมันหามหญิงสาวหน้าผากมนคนหนึ่ง นางกล่าวเย็นชา “ถ้าหากยืนกรานมุ่งหน้าต่อก็เตรียมพร้อมเป็นแท่นรองเหยียบเหอะ ผู้อยู่ใต้ระดับกษัตริย์ถึงแม้ล้วนได้โอกาสไปสู่ดินแดนมงกุฎ แม้กระนั้นก็มีคนได้แปลงเป็นกษัตริย์ รวมทั้งมีผู้ที่จำเป็นต้องฝังกระดูกเป็นวิถีทางให้บุคคลอื่นดูถูก”
สีหน้าท่าทางเจ้าคางคกแล้วก็อาหลู่ผิดแปลกหาใดเปรียบเทียบ เพียงแค่หลบให้ก็ถูกดูเป็นการแสดงออกที่ขลาดกลัว ช่างทำให้คนเกรี้ยวกราด
“ทุกคนอย่าได้สิ้นหวัง บนยานสำเภาเลือดเมื่อครู่เป็นคนฝึกปราณของสำนักโบราณ ‘เขาวิญญาณหมื่นยักษ์’ ทำการทารุณโหดร้ายและก็ถือดีเป็นที่สุด”
ผู้ชายปีกเทาโดยกำเนิดคนหนึ่งเข้ามาใกล้ ทำพูดตักเตือนด้วยปรารถนาดี ดูทีท่าเขาเห็นได้ชัดว่าเป็นบุตรหลานเผ่าวาทวาโยคนหนึ่ง
แม้กระนั้นเมื่อเขามองเห็นรูปพรรณสัณฐานหลินสวินชัดแจ้งก็ทันทีอึ้งงันโดยทันที กล่าวเสียงหลง “เทวดามารหลิน?”
เห็นกระจ่างว่าเขาจำหลินสวินได้!
ระลึกถึงว่าตนพูดตักเตือนเทวดามารหลินอปิ้งคุยโวไม่กระดากว่าอย่าหมดหวังไปเมื่อครู่ ผู้ชายก็เหงื่อไหลพลั่ก
เขาเร่งรีบกล่าวอย่างพิพักพิพ่วน “เมื่อครู่เราไม่รู้เรื่องว่าเป็นคุณชายหลิน คำบอกเล่าเตือนพวกนั้นขอท่านอย่าถือสา”
หลินสวินมีหรือจะคิดจุกจิกกับเขา โบกไม้โบกมือให้เขาจากไป
“เขาวิญญาณหมื่นอสุรีรึ เราจดจำไว้แล้ว!”
ขณะนั้นเจ้าคางคกโกรธพูด เขาเก็บกลั้นความโมโหไว้เต็มท้อง ถูกคนขึ้นเสียงให้ถอยหลีกทำให้เขาเดือดลนลานพอสมควรแล้ว ขณะนั้นยังทยอยถูกคนดูหมิ่น ช่างเป็นการราดน้ำมันบนกองไฟ ทำให้เขาโกรธจนกระทั่งควันออกหู
“ยังมีเจ้าหนูหามธนูยาวและก็นางตัวการขี่อินทรีโน่น เราพวกมันไว้หมดแล้ว! แม่มันเถิด กล้ามองเราเป็นแท่นรองเหยียบ เราจะใช้เท้าเหยียบพวกมันให้ติดพื้นเลย”
อาหลู่กล่าวอย่างกระสับกระส่าย ข้อต่อกระดูกทั่วร่างลั่นดังกร๊อบๆ
หลินสวินยิ้มนิดหน่อย ดวงตาดำใสแจ่มแจ้ง เขาไม่ขี้บ่นความและไม่ช้าอีก เดินหน้าถัดไป
ผ่านไปนาน
บนสนามรบโบราณด้านหน้าปรากฏเมืองแห่งหนึ่ง ทัศนียภาพสวยหรูหราขวางกึ่งกลางฟ้าดิน เสมอเหมือนตั้งสูงเด่นผ่านระยะเวลาไม่มีจบจนถึงปัจจุบันนี้ กลิ่นเหนือระยะเวลายังอบอวลอยู่ชั่วกัลปาวสาน
ปัจจุบันนี้มีคนฝึกปราณนับไม่ถ้วนกำลังรวมกลุ่มหยุดอยู่ที่ตรงนั้น ไม่มุ่งไปด้านหน้าอีก ล้วนกำลังทอดมองดูแล้วก็ตรวจเมืองที่นี้
เมืองนี้ดั้งเดิมนัก ตัวกำแพงทิ้งรอยคราบเลือดดำๆด่างๆ ตั้งอยู่ในสนามรบโบราณ ถึงแม้ผ่านยุคสมัยไม่มีจบกลับผิดพังทลายรวมทั้งเสียหาย มองเห็นได้ว่าลึกลับหาใดเปรียบเทียบ
มันมิได้ใหญ่มหึมา มีขอบเขตเพียงแต่สิบกว่าหลบ แต่ว่ากำแพงเมืองกลับหนาดั่งภูเขาสูงลิ่ว ทั้งยังราวสัตว์ภูติผีปีศาจดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่งลงหลักปักฐานอยู่ที่ตรงนั้น เหมือนไม่กลัวการกัดกร่อนที่ระยะเวลา ทั้งยังไม่หวั่นหวาดหายนะธรรมชาติภัยมนุษย์!
“เมืองนำทาง!”
คนล้นหลามต่างเปิดเผยความฮึกเหิมรวมทั้งคาดหวัง
ยามมหายุคมาเยี่ยมจะมีแท่นมรรคบูชาเด่นสามพันที่เกิดขึ้นในต่างรอบๆทั่วหล้า มีเพียงแต่ก้าวผ่านแท่นมรรคบูชาประเสริฐถึงจะสามารถเข้าไปในดินแดนมงกุฎได้
และก็ ‘เมืองนำทาง’ ที่เอ่ยถึงก็คือสถานที่ซึ่งแท่นมรรคบูชาเด่นจะมาเยี่ยม!
ฟ้าดินมัว เมืองที่นี้เงียบกริบเด่นสูงเด่น ประตูเมืองปิดสนิท
รอบเมืองสัตว์ซาตานร้องขู่คำราม นกเทวดาขานตอบเจื้อยแจ้ว กรุ๊ปขุมอำนาจผู้ฝึกสอนปราณต่างๆนาๆต่างครอบครองขอบเขตรอ
คนเยอะมากมาย!
ส่ายตาดูมองดูจากไกลๆทั่วเมืองนำทางล้วนถูกเงาร่างผู้ฝึกสอนปราณปิดล้อมดุจสายน้ำ แน่นมากมาย
“ยามมหายุคมาเยี่ยม แท่นมรรคบูชาประเสริฐก็จะมาที่เมืองนี้ ถึงเวลานั้นพลังผนึกเมืองจะเปิดออกให้ผู้ฝึกสอนปราณเข้าไปภายใน” เจ้าคางคกตักเตือนเสียงค่อย
หลินสวินผงกศีรษะ ถ้าเกิดมองไม่เห็นกับตาตนเองเขาอาจจะไม่บางทีอาจจินตนาการ ว่าส่วนลึกของสนามรบโบราณที่เหมือนหนึ่งซากนี้ จะมีเมืองโบราณลึกลับแบบนี้ตั้งอยู่
“คนมากเกินความจำเป็นแล้ว อย่างต่ำก็มีหลายหมื่น!” อาหลู่สะดุ้งอยู่บ้าง ตรวจสอบดูรอบๆ
รอบเมืองนี้มีผู้ฝึกสอนปราณเยอะมาก แต่ว่าเมื่อพิจารณาอย่างละเอียดก็จะพบว่าพวกเขาต่างรวมกลุ่มเป็นขบวน แบ่งได้กรุ๊ปของใครกันแน่ของมัน สามารถจำแนกได้แจ่มชัด
หลินสวินมองเห็นด้วยเหมือนกันว่าบุคคลขอบเขตมงกุฎในที่นี้มีมากมาย เด่นอยู่ในรอบๆต่างๆราวกับหงส์ในกลุ่มกา มองสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง
กาทองคำตัวหนึ่งยืนสยายปีกทองคำงามแรงตาดั่งดเว้นวงตะวัน
เหล่าชายหญิงทั้งปวงรวมตัวกันรอบๆ รอบๆใกล้เคียงพวกเขาเว้นช่องว่างเป็นวงกว้าง ปลอดคนกล้าใกล้ ไม่ได้แตกต่างกับการแบ่งเขตแดน
เวลาเดียวกันผู้ฝึกสอนปราณของเขาวิญญาณหมื่นยักษ์ก็รวมกลุ่มรวมกลุ่ม ที่โดนจับตามองที่สุดเป็นชายสวมคานหามเสริมแต่งสูง ตรงเอวคาดขลุ่ยยาวเขียวมรกต เงาร่างอวดดีทะนงคนนั้น
“คนผู้นี้นามเหลียงเซวี่ยอิ๋น อสูรกายสมัยโบราณคนหนึ่งที่เขาวิญญาณหมื่นอสุรีที่พึ่งแสดงตัวบนโลกในเดี๋ยวนี้ ความสามารถล้ำลึกเกินคาดทายใจ ได้ยินว่าเขาครองมหามรรคเท่าฟ้าแปลกประหลาดอะไรบางอย่าง สามารถใช้พลังที่หมื่นวิญญาณได้”
มีคนกำลังวิจารณ์ เปิดเผยฐานะของชายสวมคานหามตกแต่งสูงโน่น
นอกเหนือจากนี้พวกหลินสวินก็มองเห็นผู้ชายที่หามธนูยาวกระดูกสัตว์ ผมเทาทั้งยังหัวโน่นกำลังพูดคุยกับคนกรุ๊ปหนึ่ง
ยามมองเห็นสายตาหลินสวิน ผู้ชายผมเทาก็มองดูมาทางนี้วูบหนึ่ง แววตาเพลิดเพลินใจ มุมปากโค้งขึ้นราวยุ
ขณะเดียวกันนั้นเสียงกังวานกังวานหนึ่งโดยพลันดังขึ้น อินทรีฟ้ากิเลนเขียวตัวหนึ่งโฉบลงมาจากฟ้า
บนตัวมันมีหญิงสาวหน้าผากมน สีหน้าท่าทางเย็นชาเคร่งครัดคนหนึ่งนั่งอยู่ รูปโฉมโนมพรรณสวยไม่ธรรมดา กลิ่นทรงประสิทธิภาพ เพียงแค่มองดูก็รู้ว่าไม่ใช่บุคคลปกติ
บนวิถีทางที่ผ่านมาพวกหลินสวินเคยเจอหญิงสาวคนนี้มาก่อน ยังถูกศัตรูกระทบกระเทียบกระเทียบเปรียบเปรย พูดว่าถ้าหากยืนกรานมุ่งหน้าถัดไปต้องเปลี่ยนเป็นแท่นรองเหยียบ!
