จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1909 ซึหุนหลิน

จักรพรรดิบรรพกาล Emperor’s Domination – บทที่ 1909
“ถ้าเกิดไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรอีกแล้ว ส่งเจ้าเริ่มเดินทางตามใจ” หลี่ชิเย่ยิ้มเพิกเฉย รวมทั้งนิ้วมือที่ชี้ออกไปตามใจ “ปุ” เด็กแรกเกิดมังกรหลวงทันทีถูกบดขยี้กระทั่งแปลงเป็นหมอกเลือดไปโดยทันที
เด็กแรกคลอดมังกรหลวงรู้เรื่องว่าตนเองนั้นฉลาดหลักแหลม ตั้งแต่แมื่อหลี่ชิเย่ได้ของดีเลิศจากแหลมฮ่าวว่างมาถือครอง เขาก็คิดคิดแผนใส่ร้ายป้ายสีหลี่ชิเย่ตลอดมา ด้วยเหตุดังกล่าว เขาก็เลยได้กล่าวโทษหลี่ชิเย่ที่ฝอเหย่
โดยที่เขาคิดว่า ขอเพียงแต่แนวทางร้ายของเขาบรรลุเป้าหมาย หลี่ชิเย่ก็จะแปลงเป็นศัตรูกับผู้คนทั่วหล้า ถึงเวลานั้นทุกคนต่างจ้องมองจะฆ่า เมื่อมาถึงขั้นนั้น เกรงว่าหลี่ชิเย่ทำเป็นเพียงแค่ขอพึ่งพาพวกเขา พึ่งพาอาศัยคุณครูของเขา เมื่อถึงในตอนนั้น โภคทรัพย์ทั้งสิ้นของหลี่ชิเย่ก็คือหมูในอวยของเขา
แต่ กลยุทธ์ร้ายที่เด็กแบเบาะมังกรหลวงรู้เรื่องไปเองว่ายอดยอดเยี่ยม กลายเกิดเรื่องที่ช่างน่าตลกอะไรอย่างงั้นในสายตาของหลี่ชิเย่ ภายใต้พลังที่เด็ดขาดของเขา มันไม่มีค่าคู่ควรจะเอ๋ยถึง เทียบไม่ได้จนถึงฝุ่นละอองเสียด้วยซ้ำ
ในตอนนี้ หลี่ชิเย่ได้ละสายตากลับมา มองของดีเลิศแต่ละลังด้วยท่าทางเย็นชา และก็บอกว่า “มันเป็นของของใครกันแน่ก็เอากลับคืนไปคุ้นเคยก็ตามใจ เพียงแค่เศษเหล็กเพียงแค่นั้นไม่เข้าตาเรา ของดีเลิศด้านในศาลเจ้าทองจับจับขึ้นมาสุ่มๆสักชิ้นดีแล้วกว่าพวกเศษเหล็กกลุ่มนี้แล้ว”
คำกล่าวนี้อันธพาลยิ่งนัก แต่ว่า ไม่มีผู้ใดกล้าบอกสักคำในขณะนี้ แม้กระทั่งเป็นเลิศความสามารถผู้บำเพ็ญตนที่ยัดเยียดข้อหาหลี่ชิเย่เมื่อครู่ก็ไม่กล้าพูดสักคำ แม้กระทั้งยินหัวลี่ก็นิ่งเฉยเหมือนกัน
ทุกคนต่างเข้าใจดีแล้วว่า นี่เป็นแนวทางร้ายของเด็กอ่อนมังกรหลวงเพียงแค่นั้น กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่ที่ก้าวถึงจุดนั้นแล้ว ทรัพย์สมบัติแต่ละลังที่กองอยู่บนพื้นนับเป็นเศษเหล็กโดยแท้จริง เหมือนกับที่หลี่ชิเย่ได้บอกขึ้นมาเมื่อครู่ว่า เขาเพียงแค่เอามือคว้าไปตามอารมณ์จากศาลเจ้าทองก็ดีแล้วกว่าพวกเศษเหล็กกลุ่มนี้มากไม่น้อยเลยทีเดียวแล้ว
ไม่มีผู้ใดกล้าพร่ำบ่น และไม่มีผู้ใดกันแน่กล้าสงสัยในคำบอกเล่าของหลี่ชิเย่
พอหลี่ชิเย่พาลูกสาวพระราชาฉีหลินจากไปแล้ว บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เลยทยอยกันเข้าไปค้นเอาของยอดเยี่ยมของตัวเองกลับ และก็พวกเขาไม่กล้าไปถือของของบุคคลอื่น เนื่องจากว่าอำนาจบารมีของหลี่ชิเย่ที่ยังคงวนเวียนอยู่กึ่งกลางหัวใจของพวกเขา พวกเขาไม่กล้าทำบุ่มบ่าม ถ้าหลี่ชิเย่ทราบเข้าล่ะก็ พวกเขาต้องตายอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ เพียงแค่คำกล่าวที่กล่าวออกมาตามอารมณ์ของหลี่ชิเย่ มันเป็นกฎข้อกำหนดเหล็กที่ไม่มีผู้ใดกล้าฝืน
หลี่ชิเย่พาบุตรสาวพระราชาฉีหลินจากไป ขณะเดินผ่านรอบๆที่ตั้งของระฆังใบนั้น หลี่ชิเย่แหงนหน้ามองขึ้นไปยังจักรวาลครั้งหนึ่ง
ท่ามกลางจักรวาลที่ตรงนั้น ระฆังพุทธะยังคงห้อยแขวนอยู่บนที่สูงที่ตรงนั้น จักรพรรดิบรรพกาลภายใต้อวกาศที่มีเพียงแต่ซากปรากฎยอดความสามารถแต่ละคนที่ซ่อนตัวอยู่ และระดับจอมเทวดา พวกเขาต่างรอโอกาสที่จะดึงเอาระฆังใบนี้ลงมาให้ได้
ในช่วงเวลานี้ หลี่ชิเย่มองคราวหนึ่งแล้วก็ยื่นมือออกไป โดยพลันทะลุไปถึงจักรวาลคว้าไปที่ระฆังใบนั้น
“ตึง…” ระฆังราวกับถูกเคาะตีให้ดังขึ้น แม้กระนั้นระฆังใบนั้นขณะนี้กลับไม่จู่โจมต่อหลี่ชิเย่ โดยตัวระฆังเองได้เปล่งรัศมีพุทธออกมา เหมือนดุจประสานเสียงแบบงั้น ด้วยเสียงที่ปลาบปลื้มอย่างบอกผิด
ท่ามกลางเสียงระฆังที่ดังขึ้น มันถูกหลี่ชิเย่คว้าลงมาได้อย่างไม่ยากเย็น เหมือนดั่งแหงนแล้วเก็บเอาผลไม้ผลหนึ่งลงมาแบบงั้น ทำเอาบรรดายอดความสามารถ แล้วก็จอมเทวดาคนที่ซ่อนตัวตัวอยู่ตามดวงดาวขนาดใหญ่ หรืออุกาบาตรถึงกับจ้องดูกระทั่งตาไม่กะพริบ
ทุกคนต่างทราบดีว่า ระฆังพุทธะใบนี้องอาจห้าวหาญยิ่งนัก มีความยอดเยี่ยมมากมาย ไม่ด้อยไปกว่าศาสตราวุธเต๋าของจอมกษัตริย์เซียนหวังอะไรก็ตามด้วยเหตุนั้น หลายคนก็เลยอยากได้ครองกระทั่งน้ำลายไหล ไม่ว่าใครก็อยากได้มันมาครอง
แม้กระนั้น ตลอดระยะเวลาก่อนหน้านี้ไม่มีผู้ใดทำเป็นเสร็จ แม้กระทั้งจอมเทวดาระดับล่างก็ล้มเหลว ในช่วงเวลานี้หลี่ชิเย่เอื้อมมือด้านเดียวก็คว้าเอามาได้ง่ายๆ ช่างสร้างความมึนให้กับผู้คนอย่างยิ่ง
“เพศชายผู้ที่เปลี่ยนไปเป็นพระคนนั้น…” ถ้ากลายเป็นคนอื่นที่คว้าเอาระฆังพุทธะลงมาล่ะก็ จำต้องถูกยอดความสามารถหลายชิ้นล้อมจู่โจมอย่างแน่แท้ เกรงว่าบรรดาคนที่รอคอยจังหวะระฆังพุทธะพวกนั้นจำเป็นต้องยืนขึ้นมาจู่โจมอย่างไม่ต้องสงสัย
meenovel.com/novel/emperors-domination/
แม้กระนั้น เมื่อพวกเขามีความคิดเห็นว่าคนที่คว้าเอาระฆังใบนั้นลงมาก็คือหลี่ชิเย่แล้ว พวกเขาได้แต่ว่าถอนใจออกมา ได้แม้กระนั้นรับว่าตัวเองนั้นโชคร้าย การเฝ้ารอมาหลายสิบปีกระทั่งหลายพันปีของตนเองได้มาเพียงแต่ความว่างเพียงเท่านั้น
เพราะว่าทุกคนต่างเห็นภาพที่หลี่ชิเย่บดขยี้ระดับจอมเทวดาเสมือนขยี้มดปลวกตัวหนึ่งเพียงแค่นั้น ถ้าเกิดพวกเขากล้าไปพบเรื่องหลี่ชิเย่ล่ะก็ พอๆกับเป็นการรนหาที่ตายเอง!
ท้ายที่สุด บรรดายอดความสามารถจนกระทั่งระดับจอมเทวดาที่เผ้าคอยอยู่ทั้งปวงก็ได้ย่อยสลายกันไป แม้กระทั่งพวกเขาอยากได้ระฆังพุทธะใบนี้มหาศาลก็ได้แต่ว่ามองรวมทั้งถอนใจออกมา
ภายหลังที่หลี่ชิเย่คว้าเอาระฆังพุทธะใบนี้ลงมาได้แล้ว ยื่นมือปัดเบาๆคราวหนึ่ง ปัดเอากฎแห่งกรรมออกไป หลังจากนั้นมอบระฆังใบนี้ให้กับบุตรสาวพระราชาฉีหลินที่อยู่ข้างกาย กล่าวเรียบว่า “เจ้ามีบุญบารมีกับศาสนาพุทธ นำเอาระฆังพุทธะใบนี้ประจำตัวเอาไว้ตามใจ จะก่อให้เจ้าได้ประโยชน์”
“กฎแห่งกรรมนี้…” บุตรสาวพระราชาฉีหลินถึงกับตกใจรวมทั้งเอ่ยขึ้นมา แม้ว่าจะบอกว่าหลี่ชิเย่ได้ปัดเอากฎแห่งกรรมออกไป แม้กระนั้นกฎแห่งกรรมมิได้หายไปไหน มันไปเพิ่มอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่
“กฎแห่งกรรมที่เราแบกรับอยู่หาใช่เจ้าสามารถจินตนาการได้ กับกฎแห่งกรรมเพียงเท่านี้กล่าวสำหรับเราแล้วไม่มีคุณค่าคู่ควรจะพูดถึง” หลี่ชิเย่ยิ้มซีดๆและก็บอกว่า “นอกเหนือจากนั้น เรายังสามารถลอกจากรอยเปื้อนของพุทธะได้”
ท่ามกลางฝอเหย่ยังจะมีกฎแห่งกรรมใดน่าขนลุกเสียมากกว่าเมล็ดพันธุ์พุทธะเสียอีก บนตัวของเขาปัจจุบันนี้มีเมล็ดพันธุ์พุทธะอยู่ แม้กระทั่งเอากฎแห่งกรรมของระฆังใบนี้รวมเข้าไปบนตัวของเขา เมื่อเปรียบเทียบกับกฎแห่งกรรมของเมล็ดพันธุ์พุทธะแล้ว ไม่นับเป็นอะไรเลย
“ขอบพระคุณคุณผู้ชาย” ลูกสาวกษัตริย์ฉีหลินคืนสติกลับคืนมา รับระฆังพุทธะใบนั้นเอาไว้ แล้วเคารพต่อหลี่ชิเย่อปิ้งลึกซึ้งโดยมิได้ไม่ยอมรับ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า หลานสาวคนเก่ง ไม่คิดเลยว่าเจ้าก็มาที่ฝอเหย่แบบเดียวกัน” ในขณะนี้เอง ผู้เฒ่าผู้หนึ่งโผบินฟ้าลงมา กล่าวพร้อมด้วยหัวเราะด้วยท่วงท่าเผยไม่อ้อมค้อม
คนที่โผบินฟ้าลงมาเป็นผู้เฒ่าคนหนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่ มีคู่ดวงตาที่โตมากมายดุจกระดิ่งโค ไว้หนวดสั้นแล้วก็แข็งดุจแปรงเหล็ก มองดูทรงกำลังอำนาจยิ่ง จากผมสีดอกเลาสามารถมองออกว่าเขาแก่มากมายแล้ว แม้กระนั้นยังคงกระชุ่มกระชวยเช่นมังกรแลพยัคฆี ควรเป็นขุนศึกที่ดุเดือดอย่างไม่ต้องสงสัย
“ท่านคุณลุงหลิน…” บุตรีพระราชาฉีหลินเองให้รู้สึกเหนือความคาดหวังที่ได้มองเห็นผู้เฒ่าผู้นี้ พูดว่า “ท่านก็อยู่ตรงนี้นะเนี่ย”
“ฮ่า ฮ่า นังหนู นับเป็นเวลาหลายปีมานี้มิได้ประสบพบเห็นเจ้าถึงกับโตได้ขนาดนี้แล้ว คราวหลังจะไปกินเหล้าที่บ้านของเจ้า” ผู้เฒ่าผู้นี้หัวเราะฮ่าฮ่าเสียงดัง
“เพราะอะไรท่านคุณลุงหลินก็มาอยู่ที่ฝอเหย่ด้วย?” การที่บุตรีพระราชาฉีหลินได้เจอผู้ใหญ่ที่ฝอเหย่รู้สึกเหนือความคาดหวังเหมือนกัน
“เฮ่อ อย่าเอ่ยถึงมันอีกเลย” ผู้เฒ่าผู้นี้ขึงตาไปที่หลี่ชิเย่ ดูดริมฝีปากแล้วก็ยิ้มเจื่อนๆบอกว่า “นับเป็นเวลาหลายปีมานี้ เราเองก็ต้องการจะได้ระฆังใบนี้มาถือครอง ก็เราเองกำลังขาดอาวุธที่เหมาะมืออยู่นี่ โชคร้ายที่เผ้าคอยรอมายาวนานหลายปีก็เอามามิได้ ตอนนั้นถือว่านับเป็นเวลาหลายปีที่รอเป็นเสียเวลาเปล่าแล้วหละ”
เมื่อได้ฟังคำร้องของผู้เฒ่าแล้วลูกสาวกษัตริย์ฉีหลินก็เลยได้รู้เรื่องว่า ที่จริงเขาก็แอบตัวอยู่บนจักรวาลรอรอจังหวะระฆังพุทธะใบนั้นเช่นกัน
“คุณผู้ชาย เขาผู้นี้เป็นท่านคุณลุงหลินของเรา เป็นจอมเทวดาองค์หนึ่ง” เมื่อบุตรีกษัตริย์ฉีหลินฟื้นกลับมาก็เลยชี้แนะให้กับหลี่ชิเย่
“นังหนูอย่าได้เอ่ยถึงจอมเทวดาแล้ว เทวดาตัวน้อยๆอย่างเราไม่เข้าตาท่านพี่คนนี้หรอกนะ” ผู้เฒ่าหัวเราะจนตัวสั่น แสดงเคารพแบบจีนรวมทั้งพูดว่า “เรา ตาชราน้อยซึหุนหลิน เป็นผู้บำเพ็ญตน ตัวน้อยๆเกิดที่ชิงโจว วันนี้สามารถรู้จักกับท่านพี่ ถือว่าโชคดีอย่างมาก”
บุตรีกษัตริย์ฉีหลินถึงกับถูกความเป็นมนุษย์ขบขันของผู้เฒ่าแหย่กระทั่งหัวเราะออกมา แม้กระนั้นนางมิได้นับว่าเป็นเรื่องที่จำต้องตระหนกตกใจปนกับสนเท่ห์ใจอะไร จะยังไงเสียเมื่อเปรียบเทียบกับผู้มีอิทธิพลอาทิเช่นหลี่ชิเย่แล้ว ซึหุนหลินก็ไม่นับเป็นอะไรได้
ผู้เฒ่าผู้นี้ที่ชื่อว่าซึหุนหลิน เป็นคนที่คบค้าสมาคมกับเชื้อสายพระราชาฉีหลินมาหลายชั่วคน ยิ่งกับพ่อของลูกหญิงกษัตริย์ฉีหลินแล้วเป็นเพื่อนที่ร่วมดื่มสุราที่ใกล้ชิดมากมาย ตัวเขาเองก็มีความแข็งแกร่งยิ่ง เป็นระดับจอมเทวดาที่มีดวงยี่ห้อเครื่องหมายสามดวง ทั้งเป็นดวงตราเครื่องหมายสามดวงที่ผสานเข้าด้วยกัน
แม้ว่าจะบอกว่าซึหุนหลินเป็นจอมเทวดาที่มีดวงยี่ห้อเครื่องหมายสามดวง ในสายตาของคนอื่นๆถือว่าอยู่ในฐานะสูงศักดิ์ แต่ถ้าว่า ถึงแม้อายุของเขาจะมากมาย รวมทั้งกำลังความรู้ความเข้าใจสูงศักดิ์ เมื่ออยู่เฉพาะหน้าหลี่ชิเย่แล้วกลับมีความถ่อมตัวยิ่งนัก เชิดชูหลี่ชิเย่ว่าเป็นพี่ เรียกตัวเองว่าเป็นตาแก่น้อย
เนื่องมาจากก่อนหน้านั้นเขาแลเห็นกับตาตัวเองขณะหลี่ชิเย่เปลี่ยนไปเป็นพระ หลี่ชิเย่ที่เปลี่ยนเป็นพระพุทธเจ้าทองคำนั้นเป็นผู้ยังคงอยู่ในฐานะเจอเทวดาฆ่าเทวดาอยู่แล้ว ราวกับตัวเขาที่เป็นเพียงแต่จอมเทวดากับดวงตราเครื่องหมายสามดวงเทียบกับพวกจอมเทวดามังกรหลวงที่มีดวงยี่ห้อเครื่องหมายสิบเอ็ดดวงแล้วนับเป็นอะไรได้
พวกของจอมเทวดามังกรหลวงบทจะถูกฆ่าก็ถูกฆ่าไปเลย ไร้คุณค่าคู่ควรจะเอ่ยถึงอยู่แล้ว
ด้วยเหตุดังกล่าว เมื่อซึหุนหลินอยู่ซึ่งๆหน้าหลี่ชิเย่ก็เลยไม่กล้าจะชูตนหยิ่งยโสแม้แต่น้อย แล้วก็ชมเชยให้หลี่ชิเย่เป็นพี่
หลี่ชิเย่เพียงแต่มองซึหุนหลิแม่น้ำหนึ่งรวมทั้งผงกศีรษะเฉยๆถือว่าเป็นการทักตอบ
ในสายตาของคนอื่นๆบางครั้งก็อาจจะคิดว่านี่เป็นคำกริยาที่ถือตัว แม้กระนั้นซึหุนหลินกลับไม่คิดว่าเป็นแบบนั้น คนที่สามารถกลายเป็นพระพุทธเจ้าทองคำได้ ย่อมมีคุณลักษณะแล้วก็ทีท่าที่สูงเด่นแบบนี้ได้
“หลานสาวคนเก่ง พวกเจ้ามาคราวนี้จะไปที่แห่งใดรึ?” ซึหุนหลินยิ้มกล่าว
“ไกลแห้งแล้ง…” ลูกหญิงพระราชาฉีหลินกล่าวตอบ
ซึหุนหลินโดยพลันมีแววตาที่เปล่งปลั่งขึ้นมา ยิ้มพูดว่า “ไหนๆเราก็มิได้ติดธุระอะไร ถ้าหากไม่รังเกียจล่ะก็เราขอไปที่ไกลแห้งแล้งด้วยได้หรือไม่?”
ถึงแม้คำกล่าวนี้ซึหุนหลินจะกล่าวกับบุตรีพระราชาฉีหลิน แต่ว่าดวงตาทั้งคู่ของเขายังคงมองดูไปที่หลี่ชิเย่ เพราะเหตุว่าเขารู้ดีว่ามีเพียงแค่หลี่ชิเย่แค่นั้นที้ตกลงใจได้
ลูกหญิงพระราชาฉีหลินย่อมไม่กล้าตกลงใจอยู่แล้ว นางได้แต่ว่าเพ่งมองไปที่หลี่ชิเย่
“ก็ได้” หลี่ชิเย่ยิ้มเพิกเฉย บอกออกมาตามอารมณ์ และก็เดินหน้าถัดไป
ซึหุนหลินรีบตามติดให้ทัน เสมือนเป็นขี้ข้าคนหนึ่ง โดยมิได้วางโตในฐานะที่เป็นจอมเทวดา หัวเราะลั่นออกมาแล้วก็พูดว่า “สถานที่ที่อันตรายดังเช่นไกลแห้งแล้ง ตัวน้อยๆอย่างเราน้อยเกินไปให้พวกมันยัดขี้ฟัน มาวันนี้สามารถติดตามพี่หลี่เข้าไปเปิดหูเปิดตา ถือว่าโชคดีมากมาย โชคดีอย่างมาก”
ถึงแม้คำกล่าวของซึหุนหลินออกจะเกินเลยไปบ้าง แต่ว่าก็เป็นความจริงที่ไกลทุรกันดารนั้นอันตรายยิ่งนัก แม้กระทั้งระดับจอมเทวดาก็ไม่กล้าเสี่ยง เคยหรูหราจอมพระราชาที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายเสียชีวิตที่ไกลทุรกันดาร ยิ่งไม่ต้องเอ๋ยถึงจอมเทวดาที่มีดวงยี่ห้อเครื่องหมายสามดวงอย่างเช่นเขาเลย
ไม่นานนัก พวกของหลี่ชิเย่ก็ได้กลับไปถึงเรือนิรันดร จังหวะที่หลี่ชิเย่พึ่งกลับมาบนเรือนิรันดร กัปตันเรือนิรันดร์ก็ได้มารอเขาอยู่ที่หน้าห้องแล้ว
“ออกไปเหอะ” เมื่อหลี่ชิเย่เห็นท่าทีของกัปตันเรือนิรันดร์ ก็เลยโบกไม้โบกมือเบาๆให้ลูกสาวกษัตริย์ฉีหลินหลบไปก่อน
ติดตามอ่านต่อพอดี meenovel.com
“ท่านเซียน นี่เป็นรายนามผู้โดยสารที่อยู่บนเรือนิรันดร” เมื่อเหลือหลี่ชิเย่กับตัวเองแค่นั้น กัปตันเรือนิรันดร์ได้ถวายคำนับต่อหลี่ชิเย่อปิ้งสวย รวมทั้งมอบรายนามให้กับหลี่ชิเย่
หลี่ชิเย่รับเอามากลับเปิดมอง ยิ้มเรียบรวมทั้งบอกว่า “ดูท่าพวกผีชูมากันไม่น้อยเลยนี่ จัดแจงก่อการใหญ่ขึ้นที่ไกลแห้งแล้งน่ะสิ”
“น่าจะเป็นแบบนั้น พวกเขายังได้หามเอาหีบศพใบหนึ่งมาด้วย เนื้อหาด้านในเป็นอะไรไม่เคยทราบ รวมทั้งเราน้อยก็ไม่กล้าคาดการณ์มากนัก” กัปตันเรือนิรันดร์รายงานอย่างนอบน้อม
“ถึงจะหามอะไรมาก็ไร้ประโยชน์” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบนิ่งว่า “ของอะไรบางอย่างในไกลทุรกันดารใช่ว่าพวกเขาสามารถแตะได้! อย่ามีความรู้สึกว่าอาศัยความเกี่ยวพันอันน้อยนิดก็สามารถไปแตะข้าวของในไกลทุรกันดารได้ พวกเขาจนถึงคำว่า ‘ตาย’ ยังสะกดไม่เป็น”
กัปตันเรือยืนแขนทิ้งตัวลงข้างลำตัวไม่กล้าเอ่ยถาม ถึงแม้ว่าตัวเขาจะมีความแข็งแกร่งเช่นกัน ทว่า สิ่งนี้อยู่นอกจากขอบเขตที่เขาจะถามได้ เพราะในนี้ได้เกี่ยวเนื่องถึงส่วนของจอมพระราชาเซียนหวังแล้ว!
