จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1915 ถึงไกลแห้งแล้งแล้ว

จักรพรรดิบรรพกาล Emperor’s Domination – บทที่ 1915
เรือนิรันดรเบาๆแล่นเข้าไปหยุดในอ่าวที่เป็นท่าเรืออย่างช้าๆมันเป็นผาที่มีขนาดใหญ่ยากจะหาใดเทียม เรือนิรันดรนับว่าใหญ่พอแล้วสินะ ถ้าว่า ผาที่นี้ใหญ่มากกว่าเสียอีกเสมอเหมือนเป็นกำแพงศักดิ์สิทธิ์ขนาดล้านล้านหลบที่ไม่สามารถที่จะก้าวผ่านไปได้ กระทำการกันขวางฟ้าที่นี้เอาไว้ ดังว่าไม่มีผู้ใดสามารถก้าวผ่านไปได้แบบงั้น
อ่าวที่เป็นท่าเรือที่นี้ก็คือปากทางเข้าสู่ไกลแห้งแล้ง ช่วงเวลาเดียวกันมันเป็นสถานที่ที่ห่างจากไกลทุรกันดารใกล้รวมทั้งไม่มีอันตรายเยอะที่สุด เนื่องเพราะมีหน้าหน้าผาที่ทอดผ่านฟ้ากันขวางที่ตรงนี้เอาไว้ มันสามารถขวางแรงปะทะทุกๆอย่างได้ ฉะนั้นเรือทุกลำที่มายังไกลแห้งแล้งก็จะแวะหยุดอยู่ที่ตรงนี้
ณ เวลานี้ มีหลายคนยืนบนดาดฟ้าแล้วก็จ้องไปยังไกลทุรกันดารที่อยู่ในระยะห่างไกล เห็นไกลแห้งแล้งที่มืดมัวอยู่ท่ามกลาง ความมัวของอากาศ เหมือนกับเป็นสัตว์ขนาดยักษ์ยากจะหาใดเทียมนั่งยองๆอยู่ท่ามกลางฟ้าที่นี้ มันทอดผ่านทั่วฟ้าที่นี้ ยิ่งใหญ่ไม่มีขอบเขต
แม้การมองไกลแห้งแล้งจากระยะห่างไกลจะไม่อาจจะแลเห็นภาพของมันได้ทั้งหมดทั้งปวง แต่ เพียงแค่แลเห็นเพียงแค่เสี้ยวเดียวก็พอเพียงที่จะกระเทือนหวั่นไหวต่อสภาพทางด้านจิตใจของมนุษย์แล้ว
สามารถเห็นเทือกเขาแต่ละลูกที่ยอดดอยทะลุถึงจักรวาล ยอดดอยทุกลูกมีขนาดใหญ่โตไม่มีขอบเขต ยอดดอยทุกๆลุกล้วนแต่ มีทางช้างเผือกโอบล้อม ยอดดอยทุกลูกล้วนแต่ทะลุไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของกาแลคซี่ทางช้างเผือก มองดูวิจิตรตระการตารวมทั้งเป็นที่หวั่นไหวต่อสภาพจิตใจของคนเรายิ่งนัก
แต่ ยอดดอยแต่ละลูกมีไม่น้อยเลยทีเดียวที่ถูกทำลาย บ้างถูกผ่าออกเป็นสองด้าน บ้างถูกตัดขาดจากกันเป็นสองท่อน แล้วก็บางลูกถูกถอนขึ้นมาอีกทั้งลูกลอยลอยอยู่อยู่ท่ามกลางจักรวาล นอกจากนี้ยังมีเศษหิน เศษดินนับไม่ถ้วนที่ลอยอยู่ท่ามกลางจักรวาล เป็นที่หวั่นไหวต่อสภาพจิตใจผู้คนยิ่งนัก
บนฟ้าของไกลแห้งแล้ง จักรพรรดิบรรพกาลมีดวงดาวขนาดใหญ่แต่ละดวงที่ลอยอยู่ในอากาศ ทั้งยังมิได้มีเพียงแค่ดวงดาวขนาดใหญ่แต่ละดวงแค่นั้น เมื่อดูอย่างละเอียด ปรากฎเป็นกาแลคซี่ทางช้างเผือกแต่ละสายที่ถูกดึงเข้ามาอยู่บนฟ้า
แต่ ไม่ว่าจะเป็นดวงดาวขนาดใหญ่แต่ละดวง หรือกาแลคซี่ทางช้างเผือกแต่ละสายก็ตาม ทั้งหมดทั้งปวงล้วนแต่ถูกทำให้แตกละเอียด ดวงดาวขนาดใหญ่บางดวงถูกยิงจนถึงทะลุ เหมือนกับมีสาเหตุจากนิ้วๆหนึ่งที่จิ้มเข้ามา ทำให้พวกมันทะลุ บ้างถูกเหยียบจนกระทั่งพังทลาย เสมือนดั่งมีมนุษย์ยักษ์เดินผ่าน แล้วเหยียบจนถึงกาแลคซี่ทางช้างเผือกแต่ละสายจะต้องแตกละเอียดไป แล้วก็มีดวงดาวขนาดใหญ่ที่แตกไม่มีชิ้นดี เสมือนมีต้นเหตุมาจากการจู่โจมกระทั่งกาแลคซี่ทางช้างเผือกแตกละเอียดไป…
แต่ละภาพที่มองเห็นอยู่เบื้องหน้านั้นกระเทือนหวั่นไหวต่อสภาพจิตใจของคนเรา ไม่ว่าใครที่แลเห็นจำเป็นต้องรู้สึกใจหายใจคว่ำ บอกได้ว่าไกลทุรกันดารช่างวิจิตรตระการตาอย่างยิ่ง ไม่ว่าใครก็ตาม เมื่อได้เห็นภาพของไกลทุรกันดารภาพนี้แล้ว แม้กระทั่งมิได้ดูหมิ่นเข้าไปยังไกลแห้งแล้งก็ถือว่าคุ้มแล้ว
“ไกลทุรกันดาร!” ผู้คนปริมาณมากแค่ไหนเวลาที่จ้องดูไกลแห้งแล้งนั้น ถึงกับถูกภาพแต่ละภาพของไกลแห้งแล้งทำให้จะต้องหวั่นไหวกันเล่า
ยอดความสามารถผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยภายหลังมองดูไกลทุรกันดารจากระยะห่างไกลแล้ว ถึงกับจะต้องดูจ้องตากันแล้วก็กัน นาทีนี้ไม่ทราบว่ามีผู้คนปริมาณเยอะแค่ไหนที่เกิดความลังเลใจขึ้นมา ผู้คนจำนวนหลายชิ้นที่นำพาประณิธานยิ่งใหญ่มาด้วยจากการที่เพิ่งได้มาที่ไกลทุรกันดารเป็นครั้งแรก จนกระทั่งลั่นคำที่ฮึกเหิมว่า จำเป็นที่จะต้องประสบโชคบุญบารมีใหญ่จากไกลทุรกันดารก็เลยยอมกลับ
แม้กระนั้น พอได้เห็นภาพที่ตระการตาของไกลแห้งแล้งด้วยสายตาของตนแล้ว คนไม่ใช่น้อยฉับพลันรู้สึกกลัวขึ้นในใจ โดยพลันหมดสิ้นความแน่ใจไปโดยทันที พลังซึ่งสามารถทำลายโลกนี้กระทั่งแตกละเอียดได้นั้น ช่างเป็นพลังที่น่าหวาดผวาแค่ไหน
ผู้คนปริมาณเยอะแค่ไหนก่อนเดินทางมาที่ไกลทุรกันดารต่างได้ยินคำกล่าวเล่าลือกันมาต่างๆนานา ต่างเคยรับรู้มาว่า ไกลทุรกันดารเป็นสถานที่ที่ทารุณมากมาย บางครั้งบางคราวจนถึงจอมกษัตริย์เซียนหวังก็ยากจะรอดตายกลับมา แต่ว่า จะเช่นไรเสียมันก็เพียงแค่คำกล่าวเล่าลือมิได้เห็นมากับตาตัวเอง ไม่มีพลังที่ก่อให้เกิดผลกระทบแบบนั้น มาวันนี้พวกเขามาถึงไกลแห้งแล้งจนได้ แล้วก็ได้แลเห็นภาพที่ตระการตาด้วยสายตาของตัวเอง สร้างความหวั่นไหวต่อสภาพทางด้านจิตใจของพวกเขาท้ายที่สุด ทำให้พวกเขากำเนิดความกลัวขึ้นในใจ และก็สูญเสียความมั่นใจและความเชื่อมั่นไป
โดยเหตุนั้น เยาวชนที่ภายหลังได้เห็นภาวะของไกลทุรกันดารด้วยสายตาของตัวเองแล้ว ถึงกับเอ่ยถามเสียงแผ่วเบากับผู้ใหญ่ของตนเองที่อยู่ข้างกาย “จะขึ้นไปมั้ย?”
ผู้หลักผู้ใหญ่ถึงกับนิ่งอึ้งกับปริศนาของเด็ก ไม่อาจจะตกลงใจได้ในเวลานี้
“เอี๊ยด…” ปัจจุบันนี้หลี่ชิเย่ได้เปิดประตู และก็เดินออกมาจากภายใน
meenovel.com/novel/emperors-domination/
“คุณผู้ชาย…” บุตรสาวพระราชาฉีหลินรีบรีบเดินเข้าไปหา เมื่อแลเห็นหลี่ชิเย่
หลี่ชิเย่ผงกศีรษะ มองพวกเขา ในช่วงเวลานี้อู่ฟ่งจองหองก็เปิดเผยรอยยิ้มออกมา ถึงแม้อู่ฟ่งจองหองในวันนี้ยังคงสวมเกราะ แต่ว่า มีความไม่เหมือนเมื่อเทียบกับยามธรรมดาก่อนหน้า เห็นได้ชัดว่านางมีการแต่งองค์อย่างสนใจเป็นพิเศษ นางได้ไว้ทรงผมที่สมควรรับกับชุดเกราะของนางอย่างที่สุด ทำให้ภาพรวมของนางดูสุภาพขึ้นไม่น้อย ทั้งภายใต้การสอดรับของชุดเกราะทำให้มองงามเพิ่มขึ้น ลักษณะแบบนี้ของนางไม่เพียงแต่มีบุคลิกห้าวหาญองอาจ ทั้งมีความอ่อนน้อมถ่อมตนดุจสายน้ำอยู่สามส่วน ท่าทีของนางมองไปแล้วเรียกว่าสวยเลิศ ยามนางเปิดเผยรอยยิ้มออกมา ทำให้ผู้คนมีจิตใจที่เคลิ้มคลั่งไคล้
“ฮิ ฮิ ฮิ พี่ใหญ่ เราเข้าไปในไกลทุรกันดารกันมั้ย?” ภายหลังที่อู่ชีแลเห็นหลี่ชิเย่แล้วจึงยิ้มแต้รวมทั้งกล่าวขึ้น
หลี่ชิเย่ชำเลืองมองเขาแวบหนึ่งโดยมิได้บอกอะไรออกมา ขณะนั้นเขายืนอยู่บนยอดดอยดูไปที่ไกลทุรกันดารจากระยะห่างไกล
สถานที่ที่พวกหลี่ชิเย่อาศัยอยู่นั้นเป็นจุดที่สูงที่สุดทั่วอีกทั้งลำเรือนิรันดรลำนี้ ด้วยเหตุดังกล่าว การยืนมองดูไประยะห่างไกลจากจุดนี้ก็เลยสามารถแลเห็นสถานที่ที่อยู่ไกลห่างออกไปได้อย่างเห็นได้ชัด
เดี๋ยวนี้ ถึงแม้เรือนิรันดรได้หยุดทิ้งสมออยู่ด้านหน้าเขาหินรวมทั้งทิ้งบันไดลงไปแล้ว ไม่ว่าใครก็สามารถลงจากเรือเพื่อขึ้นบกได้ แม้กระนั้นยังไม่มีผู้ใดขึ้นบกชั่วครั้งชั่วคราวขณะนี้ ผู้โดยสารจำนวนหลายชิ้นถ้าเกิดไม่เป็นเนื่องจากกำลังลังเลก็คือกำลังจัดเตรียมขึ้นบกเป็นหนสุดท้าย จะเช่นไรเสีย ไกลแห้งแล้งเต็มไปด้วยอันตรายยิ่ง ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าขึ้นบกโดยง่ายถาง แม้ไม่ทันระวังบางทีอาจยากจะรอดชีวิตกลับมาก็เป็นไปได้
ตอนที่ยังไม่มีผู้ใดขึ้นบกนั่นเอง ทันทีทันใด ปรากฏฝูงคนกรุ๊ปหนึ่งขึ้นมาทันทีทันใด พวกเขาจัดเตรียมลงจากเรือเพื่อขึ้นบกไปยังไกลแห้งแล้ง
กลุ่มชนกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มชนขบวนแรกที่อยากขึ้นบกไกลทุรกันดาร ก็เลยเป็นที่พึงพอใจของคนเรามากไม่น้อยเลยทีเดียว สิ่งที่ทำให้หลายคนพึงพอใจไม่เพียงแค่ด้วยเหตุว่าเป็นกลุ่มชนที่ขึ้นบกไกลทุรกันดารเป็นกรุ๊ปแรก ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็เป็น กลุ่มของผู้คนกลุ่มนี้ได้เปิดเผยกลิ่นที่ลึกลับออกมา ก็เลยเป็นด้ามจับจ้องมองของคนเรามากมายเป็นพิเศษ!
ฝูงคนกลุ่มนี้มีปริมาณคนไม่มากมาย เพียงแค่หลายสิบคนแค่นั้น สมาชิกทั้งปวงของฝูงคนกลุ่มนี้ล้วนแต่สวมชุดสีดำที่กว้างมากมาย พวกเขาไม่เพียงแต่อาศัยชุดสีดำมาปิดบังรูปร่างรวมทั้งบริเวณใบหน้าของตนเองเพียงแค่นั้น นอกเหนือจากนั้น ยังอาศัยกระบวนการพิเศษมาปกปิดซุกซ่อนตัวเอง ถึงแม้ว่าจะเปิดเนตรฟ้าก็ดูพวกเขาได้ไม่ทะลุ ไม่สามารถที่จะแลเห็นเค้าหน้าที่จริงจริงของพวกเขา!
กลุ่มของผู้คนกลุ่มนี้ที่มีสมาชิกหลายสิบคนกลุ่มนี้หามโลงเอาไว้โลงศพหนึ่ง โดยที่หีบศพหีบศพนี้ก็ถูกหุ้มด้วยผ้าสีดำ ไม่เห็นรูปลักษณ์ที่จริงจริงของมัน
“กลุ่มของผู้คนมีประวัติภูมิหลังเช่นไร?” คนจำนวนไม่น้อยที่เห็นขบวนของคนกลุ่มนี้กำลังจะขึ้นบกของไกลแห้งแล้ง ก็เลยเป็นที่พอใจของคนเราเยอะมากๆแล้วก็เต็มไปด้วยความสนเท่ห์ใจ
ถึงแม้หลายคนจะรู้สึกฉงนใจต่อขบวนของคนกลุ่มนี้ แม้กระนั้นไม่มีผู้ใดสามารถพูดได้ว่า ขบวนของกลุ่มชนกลุ่มนี้มีประวัติที่ไปที่มาเช่นไรกันแน่ เพราะว่าขณะที่อยู่บนเรือนิรันดรไม่มีผู้ใดเคยได้เห็นกลุ่มชนกลุ่มนี้มาก่อน
เกรงว่านับแม้กระนั้นฝูงคนกลุ่มนี้ขึ้นเขาเรือนิรันดรรวมทั้งมิได้แสดงตัวออกมาเลย พวกเขาขลุกอยู่แม้กระนั้นข้างในห้องของตัวเองไม่ออกมา กระทั่งถึงไกลแห้งแล้งแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยเผยตัวออกมา
โดยเหตุนี้ ในขณะนี้ก็เลยไม่มีผู้ใดสามารถบอกถึงประวัติความเป็นมาของฝูงชนกลุ่มนี้ได้ แน่ๆ กัปตันเรือนิรันดร์จะต้องเข้าใจแน่ในฐานะที่เป็นกัปตันเรือ เขาไม่ได้อยากต้องการไปเอ่ยถึงผู้โดยสารของตัวเองกับบุคคลอื่น
“กลุ่มชนกลุ่มนี้มีกลิ่นทารุณ โหดร้ายทารุณมากมาย!” ซึหุนหลินที่ยืนจ้องไปยังที่ที่ห่างไกลบนยอดดอยเช่นกันฉับพลันถูกเย้ายวนใจโดยฝูงคนกลุ่มนี้ในทันที เขาจ้องดูไปที่ฝูงคนกลุ่มนี้แล้ว ถึงกับกล่าวพร้อมทั้งมีอารมณ์ที่แสดงออกทางบริเวณใบหน้า
จะเช่นไรเสีย ซึหุนหลินก็มีฐานะเป็นระดับจอมเทวดาที่มีดวงยี่ห้อเครื่องหมายสามดวงผู้หนึ่ง ด้วยกำลังความรู้ความเข้าใจของเขา การรับทราบต่อสิ่งกระตุ้นนั้นมีความไวมากมาย โดยพลันตรวจเจอเส้นสนมายากลในบางสิ่ง
“กลิ่นทารุณไร้มนุษยธรรม ชั่วช้าเช่นไร?” อู่ชีเองกมองดูฝูงคนกลุ่มนี้เหมือนกัน รวมทั้งพูดว่า “ความเร้นลับน่ะมีอยู่ มองกะผลุบกะโผล่หรือทำในสิ่งที่เผยมิได้?”
“สิ่งนี้เจ้าไม่สามารถที่จะรับทราบได้อยู่แล้ว” ซึหุนหลินได้กล่าวกับอู่ชีอย่างช้าๆว่า “คนกลุ่มนี้ไม่มีกลิ่นของความมีชีวิต ไม่เสมือนพวกเดียวกันกับเรา! ไม่เพียงแค่ร้อยเผ่าพันธุ์เพียงแค่นั้น พวกเขาไม่นับเป็นเชื้อสายอะไรก็แล้วแต่ทั้งมวล”
“พวกเขาเป็นเผ่ารอยเลือด!” หลี่ชิเย่เพ่งมองหีบศพไม้โลงศพนั้น กล่าวเพิกเฉยขึ้นมา
“เผ่ารอยเลือด!” ซึหุนหลินถึงกับหวั่นไหว กล่าวด้วยความตกใจว่า “นี่เป็นเผ่ารอยเลือดในตำนานแบบนั้นรึ! พวกเขายังคงยังอยู่จริงๆ!”
“การดำรงชีพของพวกเขาดึกดำบรรพ์มากมายแล้ว มากมายกระทั่งเกินเลยกว่าที่เจ้าสามารถจินตนาการได้ถึง” หลี่ชิเย่กล่าวทีท่าเพิกเฉย
“เผ่ารอยเลือดเป็นอย่างไร?” แม้กระทั้งอู่ฟ่งอวดดีถึงกับเอ่ยถามขึ้นมาเบาๆถึงแม้ว่านางที่มีประสบการณ์มากมายก่ายกองในฐานะเจ้าผู้ครองเมืองเมืองหลงเฉิน แต่ว่าไม่เคยรับรู้เผ่ารอยเลือดมาก่อน
“เป็นเชื้อสายหนึ่งในตำนาน เชื้อสายที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก” ซึหุนหลินจ้องดูมองกลุ่มชนกลุ่มนี้กล่าวขึ้นมาช้าๆว่า “ลือกันว่าพวกเขาเป็นเชื้อสายที่โหดร้ายทารุณไร้มนุษยธรรมมากมาย จนกระทั่งมีเพียงตายสถานที่เดียวสำหรับสิ่งมีชีวิตอะไรก็แล้วแต่ที่เข้าไปใกล้รังของพวกเขา เพราะฉะนั้น ก็เลยลือกันว่า รอบๆที่ตั้งรังของพวกเขาเป็นพื้นที่ที่ความตายที่น่าหวาดผวาสูงที่สุด…”
“…ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเราก็ไม่เคยประสบพบเห็นเชื้อสายนี้มาก่อน เนื่องมาจากพวกเขาไม่เคยชมรมกับบุคคลภายนอก และไม่คบค้าสมาคมกับเชื้อสายอะไรก็ตามหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง พวกเขาเป็นเชื้อสายที่หลงเหลือแล้วก็อยู่เป็นเอกเทศ มีความเร้นลับ และก็แปลกยิ่งนัก แต่ว่าก็มีคนพูดว่า พวกเขามากับความอัปมงคล ขอเพียงแค่พวกเขาแสดงตัวออกมาก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไรทั้งหมด” เมื่อพูดถึงที่ตรงนี้แล้ว ท่าทางของเขามองหนักแน่นมุ่งมั่น
“ทำไม่ถึงจำเป็นต้องอวมงคล? หรือพวกเขาสามารถกระจายเชื้อระบาดอย่างหนักแบบนั้นรึ?” อู่ชีรู้สึกเปี่ยมด้วยความอยากรู้ต่อฝูงชนกลุ่มนี้ยิ่งนัก
“เพราะพวกเขากินเนื้อคน” ในเวลาที่อู่ชีกำลังรู้สึกพึงพอใจเป็นพิเศษ หลี่ชิเย่ได้กล่าวเรียบเฉยเมยขึ้นมาว่า “ทั้งยังเป็นการกัดรับประทานอย่างเป็นๆไม่มีการคายถึงแม้ว่าจะกระดูก”
“พูดเล่นๆบอกจริง?” อู่ชีตะลึงนิดเดียว รวมทั้งพูดว่า “โลกนี้มีคนเถื่อนมากมายก่ายกอง ในสิบสามทวีปก็เคยมียอดความสามารถที่ทารุณไร้มนุษยธรรมทารุณไร้มนุษยธรรมกินเนื้อคนมาก่อน ประเด็นนี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกมั๊ง”
โลกที่กว้างใหญ่ไพศาลมีเรื่องมีราวแปลกเยอะมาก และก็เป็นความจริงที่เคยมีผู้บำเพ็ญตนที่เหี้ยมโหดอำมหิตทารุณไร้มนุษยธรรมเคยกินเนื้อมนุษย์ ทั้งมีจำนวนมาก เรื่องแบบนี้ไม่ถือว่าจำเป็นต้องไปตื่นเต้นอะไรจำนวนมาก
“เพราะเหตุว่าพวกเขารับประทานแม้กระนั้นคนสิ่งเดียว” หลี่ชิเย่ดูอู่ชีด้วยท่าทางเพิกเฉย รวมทั้งบอกว่า “ถ้าหากพวกเขาคิดจะให้มีการเกิดผู้สืบสกุล ควรต้องรับประทานฝั่งตรงข้ามเสีย มีเพียงแต่กินเนื้อคนอีกคนหนึ่งเสียพวกเขาก็เลยสามารถให้กำเนิดผู้สืบสกุลรุ่นหลานได้ มิฉะนั้นแล้วพวกเขาก็จำเป็นต้องสิ้นซาก”
ติดตามต่อถึงที่กะไว้ meenovel.com
“รับประทานหญิงหรือเพศชายผู้ใดผู้หนึ่ง?” อู่ชีถึงกับสะดุ้งยิ่งเมื่อได้ยินคำบอกเล่าแบบนี้
“พวกเขาไม่แยกเป็นเพศชาย เป็นเพียงแค่ตัวประหลาดฝูงหนึ่งแค่นั้น หรือจะเรียกว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิตฝูงหนึ่ง” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบว่า “พวกเขาไม่นับเป็นพวกที่อยู่ในโลกใบนี้ โดยเหตุนั้น พวกเขาก็เลยคิดบากบั่นขยายชนิดเต็มกำลัง แต่ว่าทำไม่เสร็จ พวกเขาทำเป็นเพียงแต่รับประทานพวกเดียวกันเองคนหนึ่งแล้วจึงสามารถให้กำเนิดผู้สืบสกุลรุ่นลูก เมื่อเป็นแบบนี้ ผู้สืบสกุลรุ่นหลานของพวกเขาก็เลยลดลงทุกครั้ง…”
“…พวกเขาเคยมีช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งที่คลั่งยิ่งนัก เคยจับยอดความสามารถของร้อยเผ่าพันธุ์ เผ่าเทวดา เผ่ามาร รวมทั้งเผ่าสรวงสวรรค์มากินอปิ้งเพ้อคลั่ง ยิ่งผู้บำเพ็ญตนมีความแข็งแกร่งมากมายมากแค่ไหน พวกเขายิ่งถูกใจรับประทาน เนื่องจากว่าพวกเขาอยากได้กลั่นเอาเลือดแก่นจากของกินพวกนี้ คาดหมายว่าสามารถอาศัยสิ่งนี้มาให้กำเนิดผู้สืบสกุลรุ่นหลานขึ้นมาใหม่ แต่ ช่องทางแบบนี้ต่ำมากมายกระทั่งสามารถปล่อยทิ้งมันได้ แต่ว่าสำหรับพวกเขาแล้ว อย่างต่ำนั่นก็คือจังหวะ ฉะนั้น พวกเขาเคยก่อมหกรรมกลืนรับประทานสิบประเทศแปดอาณาจักรในครั้งเดียว”
“กลืนรับประทานผู้บำเพ็ญตนจากสิบดินแดนแปดอาณาจักรในครั้งเดียว” ทั้งยังอู่ฟ่งถือตัว แล้วก็ลูกสาวกษัตริย์ฉีหลินต่างรู้สึกสะท้านขึ้นมา เมื่อได้ฟังคำจากหลี่ชิเย่
