จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1940 บดขยี้จอมพระราชา
จักรพรรดิบรรพกาล Emperor’s Domination – บทที่ 1940
“ตูม…” นาทีนี้เอง ตัวของหลี่ชิเย่ได้ระเบิดพลังออกมา กระทันหันพลานุภาพพระราชาเซียนพุ่งขึ้นร้ายแรง วงแหวนมารแต่ละวงถ่างออก แต่ละวงพอเพียงที่จะคำจนถึงเหล่าชั้นฟ้าให้แยกขยายออก ยามที่วงแหวนมารแต่ละวงถ่างออกได้รวบเอาโลกทั่วโลกเข้าไปอยู่ในนั้นทั้งผอง
ในเวลาเดียวกัน ทั่วตลอดตัวของหลี่ชิเย่ได้พวยพุ่งประกายเซียนที่ไม่มีหมดออกมา ทำให้ตัวเขาดูเหมือนกับว่าเป็นเซียนอย่างงั้น
พลานุภาพพระราชาเซียนก่อกวนไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบดินแดน วงแหวนมารกลืนเอาโลกทั่วทั้งโลกเข้าไป ประกายเซียนที่ไม่สิ้นสุด ในช่วงเวลานี้หลี่ชิเย่เป็นเทวดามารผสานร่าง มีกิริยาอาการที่สูงสุดในครอง สามารถก้มมองเก้าชั้นฟ้าสิบบริเวณ ควบคุมจักรวาลแลหมื่นดินแดน สามารถก้าวผ่านเวลาตั้งแต่สมัยก่อนถึงตอนนี้
ภายใต้พลังแบบนี้ อย่าว่าแต่ว่ายอดความสามารถปกติเลย แม้กระทั่งเป็นระดับจอมเทวดาก็จึงควรสั่นเทากับสิ่งนี้ ทันทีนั้น หลี่ชิเย่เหมือนหนี่งเป็นผู้มีอิทธิพลสูงสุดที่ตื่นมาแบบงั้น
ยามที่ฝ่ามือของเขากางออก เห็นสุริยันดวงจันทร์แล้วก็กาแลคซี่ทางช้างเผือกที่วนอยู่ตรงปลายนิ้วของเขา ระหว่างที่นิ้วมืออีกทั้งห้าลากผ่านจักรวาล ยุคสมัยไหลรินอยู่ท่ามกลางปลายนิ้วของเขา เหมือนกับแม้กระทั้งเวลาก็อยู่ในความดูแลของเขา
ด้วยสองกายเซียนขั้นบริบูรณ์ รวมทั้งท่วงทีของกษัตริย์เซียนเก้าดินแดน ซึ่งเป็นภาวะของหลี่ชิเย่ก่อนก้าวขึ้นสู่ดินแดนสิบ เขาได้จัดแจงให้ภาวะแบบนี้เก็บไว้ในเทวดามารทั้งยังสิบสอง นาทีนี้ระหว่างที่ภาวะแบบนี้ได้กลับมาอีกรอบ หลี่ชิเย่ก้มดูเหล่าชั้นฟ้าแล้วก็เทวดามาร เยาะเย้ยต่ออดีตกาลตอนนี้แล้วก็ทุกดินแดน
“นี่เป็นอย่างไร?” ทุกคนถูกทำให้รู้สึกกระเทือนหวั่นไหว เมื่อแลเห็นหลี่ชิเย่ได้เปลี่ยนไปเป็นคนที่ก้มมองดูเหล่าชั้นฟ้าและก็เทวดามาร ดูแลหมื่นอาณาจักรรวมทั้งจักรวาล นาทีนี้หลี่ชิเย่เสมอเหมือนถูกผู้มีอิทธิพลสูงสุดสิงร่างแบบงั้น
“นี่เขาถูกจอมพระราชาเซียนหวังสิงร่างแบบงั้นรึ?” จนถึงระดับจอมเทวดาก็มองความลึกล้ำอัศจรรย์นี้ไม่ออก จำเป็นต้องกล่าวคาดคะเนขึ้นมา
“ฆ่า…” ขณะเดียวกันนั้น พระราชาสรวงสวรรค์ขวางเส้าตกลงใจลงมือเด็ดขาด ขู่คำรามเสียงยาวคำหนึ่ง เขามองออกได้ว่า เกรงว่าแม้ปลดปล่อยให้หลี่ชิเย่ระเบิดพลังตามอารมณ์ถัดไปเรื่อยอำนาจของเขาจำเป็นจะต้องมากขึ้นอย่างคลั่งแน่ๆ
“ตึง…” เสียงกระบี่สู้หมื่นอาณาจักรดังขึ้น ในตอนนี้กษัตริย์สรวงสวรรค์ขวางเส้ารวมเอาสามกระบี่เป็นเยี่ยมต่อสู้ลงมาอย่างหนัก ประกายกระบี่ส่องสว่างนิรันดร จุดสว่างไปทั่วสิบสามทวีป
“หนึ่งกระบี่ปราบราบคาบนิรันดร…” พระราชาสรวงสวรรค์ขวางเส้าหยิ่งรวมทั้งระรานยิ่ง หมายปัดกวาดทุกสิ่งทุกอย่างกระทั่งราบคาบในกระบี่เดียว ยามอันดับหนึ่งกระบี่ต่อสู้ออกไป ครึ่งเดียวชะตาฟ้าส่อง อีกกึ่งหนึ่งฟุ้งไปด้วยประกายเลือด หนึ่งกระบวนท่าแบบนี้มองน่าสยองขวัญถึงจุดสุดยอด
ระหว่างที่หนึ่งกระบี่นี้สู้ลงมานั้น ได้ทำลายหยินและก็หยาง สะบั้นเวลา หยุดเวลาเอาไว้ ภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ จนกระทั่งดวงดาวรวมทั้งที่ว่างเปล่าเปลี่ยนเป็นผงละเอียดในกระทันหัน ทั่วทั้งยังสนามรบรบเปลี่ยนเป็นหลุมดำหลุมหนึ่ง
“ปุ…” บางบุคคลถึงกับเลือดออกเป็นทางจากหัวลงมา ยอดความสามารถผู้บำเพ็ญตนมากไม่น้อยเลยทีเดียวที่ยืนมองอยู่ทยอยกันได้รับเจ็บไปยี่ห้อมๆกัน
คนที่ดูการต่อสู้ถือว่าออกห่างจากสนามรบรบไกลห่างพอเพียงแล้ว แต่เมื่อกษัตริย์สรวงสวรรค์ขวางเส้าต่อสู้หนึ่งกระบี่ออกมาด้วยความกราดเกรี้ยว ยังคงทำให้ผู้คนจำนวนมากถูกทำให้เจ็บจากประณิธานของกระบี่ สร้างความตระหนกตกใจให้หลายๆคนจะต้องทยอยกันถอยห่างออกไปอีก ถึงกับไม่กล้าดูการต่อสู้แบบนี้อีก
“ปัง…” จังหวะอันดับหนึ่งกระบี่ที่ต่อสู้ลงมา ทันทีนั้นฝ่ามือคู่นั้นตามติดเข้าพบกัน แล้วก็คีบกระบี่ที่ต่อสู้ลงมาเอาไว้ได้ ท่ามกลางเสียง “ปัง” ที่ดังขึ้นมานั้น มือคู่นั้นได้ตบทำลายประณิธานกระบี่ กระบวนท่า พลังของกระบี่กระทั่งแหลกละเอียดไปหมดไป ทั้งหมดทุกอย่างล้วนแต่ถูกทำลายแตกละเอียดไปโดยทันทีทันใด เสมือนเป็นการไหลย้อนกลับไปอย่างงั้น เมื่อพลังกระบี่ถูกทำลายไปทั้งปวง ทุกสิ่งได้กลับคืนสู่ธรรมดาอย่างเดิม
ละเว้นมือคู่นั้นที่ได้คีบกระบี่นั้นเอาไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่ไม่มีความเคลื่อนไหว สร้างภาพในใจให้กับผู้คนเสมือนเวลาได้ไหลย้อนกลับไปแบบงั้น
คนที่ลงมือก็คือหลี่ชิเย่นั่นเอง ภายใต้อาการของพระราชาเซียน และก็สองกายเซียนขั้นบริบูรณ์ มันเป็นท่าทางที่ไม่มีผู้ประมืออยู่แล้ว การที่จะเอาชนะกษัตริย์สรวงสวรรค์ขวางเส้าที่มีชะตาฟ้าเพียงแต่หนึ่งสาย มันช่างง่ายดายอย่างมาก
“ตึง” นาทีนี้เห็นมือคีมจับกระบี่เอาไว้บิดครั้งหนึ่ง ถึงกับทำให้กระบี่พระราชาของกษัตริย์สรวงสวรรค์ขวางเส้าถูกหักทิ้งซุกซนๆ
ภาพนี้สร้างความหวั่นไหวให้กับทุกคน การจัดการกับอาวุธกษัตริย์ด้วยมือไม่นั้นช่างเป็นการทำที่เย่อหยิ่งยิ่ง แม้กระนั้นที่ระรานมากกว่าก็คือการหักอาวุธพระราชาด้วยมือไม่ มันเป็นการหาเรื่องจนกระทั่งขั้นไม่มีผู้เทียบเคียงเทียมแล้ว ยากจะหาคำพูดใดมาเปรียบเทียบได้อีกต่อไป
นี่มันเป็นอาวุธพระราชาจำพวกมีพลังมาโดยกำเนิด ทั้งยังเป็นชั้นประสิทธิภาพสรวงสวรรค์ตราตั้ง แม้กระนั้นเดี๋ยวนี้กลับถูกมือเปล่าหักทิ้งเอาซุกซนๆความระรานลักษณะแบบนี้ทำให้ทุกคนหวั่นไหวจนกระทั่งกล่าวอะไรไม่ออก
แม้กระทั้งพระราชาสรวงสวรรค์ขวางเส้าเองก็มีสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนแปลงไปโดยทันที แล้วก็รู้สึกหวาดสะดุ้งยิ่งนัก นี่เป็นการนำเอากระบี่สามเล่มผสานรวมเป็นเยี่ยม โดยกระบี่พระราชาทั้งยังสามของเขาไม่รู้เรื่องว่าต่อกรกับอาวุธมาแล้วเท่าไร จนกระทั่งเคยจัดการกับอาวุธของจอมพระราชาเซียนหวังอื่นๆมาแล้ว กระบี่พระราชาอีกทั้งสามเล่มของเขาก็ไม่เคยระคายผิวมาก่อน
แม้กระนั้น มาวันนี้กลับถูกเด็กคนหนึ่งอาศัยมือเปล่าหักทิ้งไปได้ แม้กระทั้งตัวเขาที่อยู่ในฐานะจอมพระราชาก็ถูกทำให้จำต้องสยบรวมทั้งหวั่นไหว นาทีนี้เขาเข้าใจดีแล้วว่าตนเองชนตอเข้าให้แล้ว
ทันทีนั้น พระราชาสรวงสวรรค์ขวางเส้าไม่พูดเรื่อยเปื่อยทำเพลง หันหลังวิ่งหนีในทันที การที่เขาในฐานะจอมพระราชาถ้าหากคิดจะหนี ความไวนั้นพูดได้ว่าต้องการจะหาคนใดกันแน่เทียม ทันควันได้ก้าวผ่านมิติยุคสมัย
แต่ถ้าว่า จังหวะที่พระราชาสรวงสวรรค์ขวางเส้าหันหลังจะออกวิ่งนั้น เขากลับถูกห้ามเอาไว้ วงแหวนมารบนตัวของหลี่ชิเย่ทันทีขยายออกแล้วก็ขวางมิติระยะเวลาเอาไว้ ตัดขาดทางหนีของกษัตริย์สรวงสวรรค์ขวางเส้าไปในทันที เมื่อมิติเวลาถูกขัดขวาง คิดจะแอบหนีในขณะนี้ก็ไม่สามารถที่จะทำเป็นอีกแล้ว นอกจากจำเป็นต้องล้มหลี่ชิเย่ลงให้ได้
สีหน้าท่าทางของพระราชาสรวงสวรรค์ขวางเส้าเดี๋ยวนี้ดูไม่ได้เอาเสียเลย ถึงกับถลึงตาไปที่หลี่ชิเย่
“คิดจะหนีในขณะนี้เกรงว่าอาจไม่มีจังหวะแล้วหละ” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทางเอ้อระเหยออกมา มองเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากเย็นถาง สบายๆอะไรแบบงั้น ดุจว่าคนที่อยู่ข้างหน้าของเขาไม่ใช่ระดับจอมกษัตริย์ เป็นเพียงแค่บุคคลที่ไม่มีคุณค่าคู่ควรจะเอ่ยถึงเพียงแค่นั้น
ผู้มีฐานะเป็นถึงระดับจอมพระราชา กลับถูกเยาวชนคนหนึ่งไล่ฆ่ากระทั่งหนีไปไหนมิได้ ทำให้เรื่องตกอยู่ในความเงียบเงียบสงบ ทุกคนถึงกับเสียวสันหลังวาบ จนถึงเหงื่อเย็นไหลออกมา
แม้กระทั่งเป็นจอมกษัตริย์ที่มีชะตาฟ้าสายเดียว แม้กระนั้นเขาก็ยังคงเป็นจอมพระราชาอยู่ดี มาวันนี้หลี่ชิเย่กลับดูแคลนเขาถึงเพียงนี้ ทั้งไล่ล่าจนถึงพระราชาสรวงสวรรค์ขวางเส้าหมดทางหนีได้อย่างง่ายๆ มันช่างเกิดเรื่องที่อันธพาลยิ่งแค่ไหน พฤติกรรมแบบนี้พูดได้ว่าสร้างความหวั่นไหวรวมทั้งสยบทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบบริเวณแล้ว
อู่ชีที่เห็นภาพนี้ถึงกับอ้าปากหวอหุบไม่ลงเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน เนื่องมาจากก่อนหน้านั้น เขาตีตัวเสมอเรียกพี่เรียกน้องกับหลี่ชิเย่ตลอดมา เดี๋ยวนี้มองเห็นหลี่ชิเย่ทันทีลงมือก็สยบและก็ฆ่าจอมกษัตริย์ได้ ไม่พอๆกับว่าเขาได้ตีตัวเสมอว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกับคนที่ยังคงอยู่ในฐานะจอมกษัตริย์เซียนหวังตลอดมาหรือนี่
เวลานี้ อู่ชีก็เลยได้รู้เรื่องว่าตนเองนั้นช่างไม่ฉลาดอะไรอย่างงั้น เรียกว่ามีตาแต่ว่าไม่มีแวว ถูกปกปิดสายตาด้วยใบไม้เพียงแค่ใบเดียวเพียงแค่นั้น
สำหรับลูกหญิงกษัตริย์ฉีหลินนั้นถือว่ามีภาวะดีมากยิ่งกว่ากันมากมาย นางรู้อยู่แล้วว่าหลี่ชิเย่เป็นผู้มีอิทธิพลสูงสุดคนหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าอยู่ในความคาดหมายของนางอยู่แล้ว
ตัวอู่ฟ่งอวดดีเองที่มีท่วงท่าบุคลิกภาพห้าวหาญเปี่ยมด้วยกำลังอำนาจตลอดมา ในเวลานั้นเปลี่ยนไปเป็นเพศหญิงปกติคนหนึ่ง กำมือแน่น ท่าทีดูเหมือนตื่นเต้นดีใจ แผดเสียงร้องออกมากับความไม่มีผู้ประมือของหลี่ชิเย่ แล้วก็เผลอไผลไปกับบุคลิกภาพที่ยอดเยี่ยมของเขา
ซึหุนหลินถึงกับถอนใจออกมาเบาๆรู้สึกกระเทือนหวั่นไหวในใจยิ่งนัก ความแข็งแกร่งของหลี่ชิเย่นั้นมิได้อยู่เหนือความคาดหมายของเขา แต่ว่าที่เขาไม่คาดฝันก็คือเข้มแข็งได้ถึงระดับนี้
“ฆ่า…” เวลานี้ พระราชาสรวงสวรรค์ขวางเส้าไม่มีอะไรจะบอกอีกแล้ว มีเพียงแค่ต่อสู้ให้ถึงที่สุด แม้ไม่ใช่ศัตรูตายก็คือตัวเองม้วย โดยเหตุนั้น ขู่คำรามเสียงดังออกมา แสดงสรรพวิชาออกมา “ตูม” ความจริงจอมพระราชาบดขยี้ลงมา
ท่ามกลางการบดขยี้ของความจริงจอมกษัตริย์ แลเห็นช่องว่างที่แตกละเอียดดัง “ปัง ปัง ปัง” ฟ้าที่รกร้างว่างเปล่าถูกบดขยี้จนถึงเปลี่ยนเป็นคริสตัล แล้วต่อจากนั้นแตกละเอียดแปลงเป็นเศษคริสตัลที่ลอยละล่องว่อน เป็นภาพที่มองดูตระการตามากมาย
หลี่ชิเย่มิได้เอาใจใส่ต่อการบดขยี้ของความจริงจอมกษัตริย์แม้แต่น้อย “ตูม” เสียงดังกึกก้องเกิดขึ้น กายสยบนรกอเวจี กายเซียนเหาะฉับพลันปะทุพลังขึ้นมาด้วยความเร็วที่เกินกว่าขีดสูงสุด แล้วก็น้ำหนักที่ไร้ขีดจำกัด ภายใต้ภาวะของกษัตริย์เซียนเก้าดินแดน พลังได้มากขึ้นถึงจุดสุดยอดอย่างเร็ว
“ปัง” เสียงดังลั่น แค่เพียงหมัดๆเดียวเพียงแค่นั้นก็จู่โจมทะลุความจริงแล้วก็หมื่นวิชา ทะลุทลวงผ่านหน้าอกของพระราชาสรวงสวรรค์ขวางเส้าไปในทันทีทันใด ตัวของกษัตริย์สรวงสวรรค์ขวางเส้าถูกชนจนถึงลอยออกไป กระอักเลือดไหลมาอย่างแรง
ภาพแบบนี้ถือว่าสร้างความหวั่นไหวต่อสถาพทางจิตใจของมนุษย์เป็นอย่างมาก ภาพข้างหน้าราวกับแปลงเป็นภาพนิ่ง ภาพของจอมพระราชาผู้หนึ่งที่ถูกจู่โจมทะลุอกและก็ลอยละล่องไปตามแรง โดยที่เลือดใหม่ๆได้ย้อมฟ้าสีครามจนกระทั่งแปลงเป็นแดงเถือก ยังจะมีภาพอะไรซึ่งสามารถสร้างการสั่นไหวหวั่นไหวได้มากไปกว่าภาพที่มองเห็นอยู่เบื้องหน้า
“ปัง” ก่อนที่จะร่างกายของพระราชาสรวงสวรรค์ขวางเส้าจะตกถึงพื้น พระราชาสรวงสวรรค์ขวางเส้าโดยพลันระเบิดพลังแอบแฝงออกมา สิบสองลัคนายิงทำลายช่องว่า ล็อกวัตถุประสงค์เอาไว้และก็อยากได้นำพากษัตริย์สรวงสวรรค์ขวางเส้าหนีออกไป
“ปัง” เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่พระราชาสรวงสวรรค์ขวางเส้ากำลังคิดจะแอบหนีไป แม้กระนั้นตอนนั้นปรากฎเท้าข้างหนึ่งลงมาจากฟ้า เหยียบทำลายความจริงแล้วก็สรรพวิชา ทำลายมิติ เหยียบลงบนตัวของพระราชาสรวงสวรรค์ขวางเส้าสุดกำลัง
“ปัง” แลเห็นกษัตริย์สรวงสวรรค์ขวางเส้าที่ถูกเท้าขนาดใหญ่เหยียบอยู่กับพื้น ได้ยินเสียงดัง “คร๊ากก” ดังขึ้น เท้าด้านเดียวนี้ได้เหยียบกระทั่งกระดูกของพระราชาสรวงสวรรค์ขวางเส้าแตกละเอียดไปหลายชิ้น
เป็นที่รู้ดีว่า ร่างกายของจอมกษัตริย์นั้นมีความแข็งแกร่งมากกว่าโลหะศักดิ์สิทธิ์เหล็กเซียนเสียอีก แม้กระนั้นในขณะนั้นกลับถูกเท้าขนาดใหญ่ข้างนี้ของหลี่ชิเย่เหยียบกระทั่งหักชิ้นแล้วชิ้นเล่า ช่างเกิดเรื่องที่น่าสั่นสะเทือนหวั่นไหวต่อสภาพทางด้านจิตใจผู้คนอย่างยิ่ง
ไม่เคยรู้ว่ามีผู้คนปริมาณเยอะแค่ไหนที่จำต้องสั่นเทิ้ม เมื่อแลเห็นกษัตริย์สรวงสวรรค์ขวางเส้าถูกเหยียบจนกระทั่งกระดูกแหลกละเอียดไปชิ้นแล้วชิ้นเล่าจากเท้าเพียงแต่ด้านเดียว ถึงแม้มิได้เหยียบลงบนตัวของพวกเขา แต่ว่าในตอนนั้นทุกคนกลับรู้สึกเป็นภาพในใจขึ้นมา ดังว่าเท้าข้างนี้ได้เหยียบลงบนตัวของตัวเอง ให้รู้สึกปวดไปทั่วตัว ไม่เคยทราบว่ามีผู้คนปริมาณมากแค่ไหนที่จำเป็นต้องไม่มีแรงเสมือนเป็นอัมพาตนอนอยู่บนพื้น
“อ๊ากก…” กษัตริย์สรวงสวรรค์ขวางเส้าขู่คำรามเสียงดังเพียรพยายามดิ้นรนเพื่อลุกขึ้นยืนมาให้ได้ ทว่า เท้าขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ดังเทือกเขาศักดิ์สิทธิ์นิรันดรกาลมากมายดทับลงบนตัวเขาไม่ปลดปล่อยให้เขาต่อสู้ได้ ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนยังไงก็ไม่เกิดผล
“เพียงแค่จอมพระราชาที่มีชะตาเพียงแต่หนึ่งสายยังกล้าทำเป็นกระโดดโลดเต้นไปทั่ว หยิ่งถือดี” หลี่ชิเย่มองพระราชาสรวงสวรรค์ขวางเส้าที่ถูกเหยียบอยู่ใต้ฝ่าตีน กล่าวเรียบว่า “ทั่วทั้งโลกาจอมพระราชาเซียนหวังมีอยู่เยอะแยะ อย่าว่าแต่ว่าจอมกษัตริย์ที่มีชะตาฟ้าเพียงแต่หนึ่งสายเป็นต้นว่าเจ้า ถึงแม้ว่าจะเป็นจอมพระราชาที่มีสิบสองชะตาฟ้า เมื่อมาอยู่เฉพาะหน้าเราก็จะต้องมีมรรยาทหน่อย!”
คำกล่าวลักษณะแบบนี้หาเรื่องแบบไม่มีผู้เทียบเคียงเทียม นี่มิได้เพียงดูแคลนต่อทุกๆชีวิตเสียแล้ว แม้กระนั้นเป็นการก้มดูบรรดาพระราชาและก็เหล่าเทพ แม้กระทั้งจอมกษัตริย์ที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายยังกล้าท้า ความระรานแบบนี้เรียกว่าไม่มีที่ว่ากล่าวแล้ว
“ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นขโมย ไม่มีอะไรจำต้องขี้บ่นความ เก่งก็ให้เราตายอย่างสบาย” พระราชาสรวงสวรรค์ขวางเส้ารู้เรื่องว่าตัวเองนั้นแพ้แน่ๆแล้ว ถือว่าเขาก็เป็นผู้กล้า ร้องขู่คำรามเสียงดังออกมา
“ไหนเลยมีเรื่องมีราวง่ายมากเพียงนี้” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบนิ่งว่า “เรากำลังปรารถนาเฉือนไก่ให้ลิงมอง ในเมื่อสวะอย่างเจ้าหลงตกอยู่ในมือของเรา โน่นเป็นการรนหาที่ตายเอง! วันนี้เราจะเลาะกระดูกของเจ้า ให้คนอื่นได้รู้เรื่องว่า ทางไหนที่เดินได้ ทางไหนที่เดินมิได้!”