จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1956 รัศมีศักดิ์สิทธิ์ เรายังคงอยู่
จักรพรรดิบรรพกาล Emperor’s Domination – บทที่ 1956
“แว้งค์” เสียงหนึ่งดังขึ้น เวลานี้รัศมีบนตัวของจอมพระราชาที่ต่อสู้พิพากษากับโคทรายเริ่มมัวลง ช่วงเวลาที่ตัวหนังสือยันต์แต่ละตัวเปลี่ยนไปเป็นสว่างไสวเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ย่อมไม่ต้องสงสัย จอมพระราชาผู้นี้ได้รับผลพวงจากโคทรายเสียแล้ว พลังที่เลื่อมใสได้มีผลกระทบโดยตรงต่อจิตที่การบำเพ็ญมุมานะของเขาแล้ว
กล่าวสำหรับจอมพระราชาแล้ว ถ้าจิตที่การบำเพ็ญพยายามถูกโหยกเหยกเมื่อไรล่ะก็ มันมากยิ่งรุนแรงมากยิ่งกว่ากายเนื้อถูกทำลายเสียอีก เพราะเหตุว่ามันจะฝากเงามืดที่ไม่อาจจะเลือนหายไปได้ชั่วกับชั่วกัลป์เอาไว้
ถ้าว่า โชคยังดีตรงที่ยามเมื่อรัศมีบนตัวของจอมกษัตริย์ผู้นี้มืดมัวลงนั้น ชะตาฟ้าทั้งยังสามสายที่รอคุ้มครองป้องกันเขาอยู่ก็จะเปล่งประกายเจิดจ้าขึ้นมาโดยทันทีทันใด แล้วก็ได้ยินเสียงดัง “แว้งค์” ขึ้นมาภายในเวลาอันสั้น รัศมีบนตัวของจอมพระราชาโดยพลันสว่างไสวขึ้นมาอีกที
ย่อมไม่เป็นที่สงสัย ในจังหวะที่กำลังเกิดอันตราย ชะตาฟ้านั้นเป็นประโยชน์อย่างคิดไม่ถึง มันได้ให้การช่วยเหลืออีกแรงให้กับจอมพระราชาอีกทีหนึ่ง ช่วยรักษาจิตที่การบำเพ็ญอุตสาหะของเขาเอาไว้
“อดทนอย่างมาก น่าสยองขวัญมากมายอย่างยิ่ง แม้กระทั้งจอมกษัตริย์ยังได้รับผลพวงได้” ระดับจอมเทวดาที่มองออกถึงความลึกล้ำและก็ลึกลับที่หลบซ่อนอยู่ถึงกับสะดุ้งเมื่อได้เห็นภาพนี้ จิตที่การบำเพ็ญพยายามของจอมพระราชาเซียนหวังหาใช่ยอดความสามารถทั่วๆไปสามารถเปรียบเทียบได้ จิตที่การบำเพ็ญมุมานะของพวกเขากล่าวได้ว่ามั่นคงยากจะมีในโลก แม้กระนั้นยังคงได้รับผลพวงจากโคทราย ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่า พลังเชื่อถือของโคทรายนั้นสยองขวัญแค่ไหนแล้ว
เวลาเดียวกัน ก็ทำให้ระดับจอมเทวดาจำต้องริษยา เมื่อถึงเวลาอันตรายแล้ว ชะตาฟ้าชอบมีผลสำคัญอยู่เป็นประจำๆจนกระทั่งสามารถช่วยเอาไว้ได้ เหมือนกับจอมพระราชาผู้นี้ ในจังหวะที่ตกอยู่ในยามฉุกเฉิน ชะตาฟ้าได้ช่วยทำให้เขามั่นในจิตที่การบำเพ็ญมุมานะเอาไว้
ข้อนี้ ดวงตราเครื่องหมายของจอมเทวดาไม่สามารถที่จะเทียบเคียงได้เลย แม้ว่าจะบอกว่าดวงตราเครื่องหมายได้ตกทอดพลังความจริงของจอมเทวดา และก็ตกทอดลัคนาของจอมเทวดา แม้กระนั้น ยังไงเสียก็ไม่อาจจะเทียบกับชะตาฟ้าได้เลย เมื่อเปรียบเทียบกับชะตาฟ้าแล้ว มันเป็นความผิดพลาดแต่กำเนิดของดวงตราเครื่องหมายเอง ซึ่งตอนห่างที่เกิดจากข้อเสียนี้ ใช่ว่าจะทดแทนกันง่ายมากด้วยดวงตราเครื่องหมายเพียงแต่หนึ่งถึงสองดวงแค่นั้น
พวกจอมพระราชาเซียนหวังอีกทั้งสี่ของพระราชามารเซ่าเจี้ยนที่ต่อสู้ตัดสินกับสี่จอมชั่วร้ายที่ไกลทุรกันดารนั้นมิได้เปรียบเทียบอะไร จนกระทั่งมีจอมกษัตริย์เซียนหวังที่กลายเป็นรองอยู่ พูดได้ว่าไม่เป็นผลดีต่อพวกจอมพระราชาเซียนหวังของกษัตริย์มารเซ่าเจี้ยนอปิ้งยิ่ง พวกเขาไม่ทันได้สัมผัสแม้กระทั้งชายเสื้อของหลี่ชิเย่ก็ถูกสยบเสียแล้ว
หลายคนถึงกับใจหายใจคว่ำเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว นี่มันระดับจอมกษัตริย์เซียนหวังนะเนี่ย เพียงแค่เริ่มทำสงครามก็ถูกสยบเสียแล้ว พูดได้ว่าลางไม่ดีเสียแล้ว นอกเหนือจากนั้น ตั้งแต่ต้นกระทั่งจบหลี่ชิเย่ยังมิได้ลงมือจริงๆด้วย
“ฉึก…”เสียงหนึ่งดังขึ้น เวลานี้พวกของพระราชามารเซ่าเจี้ยนกำลังสู้กับสี่จอมโหดเหี้ยมที่ไกลแห้งแล้งไม่อาจจะวินิจฉัยแพ้ชนะได้อยู่นั้น ทันทีนั้น ประกายใจเย็นสายหนึ่งได้พุ่งเข้าเจาะคอหอยของหลี่ชิเย่ โดยที่ประกายสายนี้มีขนาดเล็กแล้วก็คมมากมาย อีกทั้งเร็วทันใจไม่มีผู้เทียบเคียงเทียม โดยพลันที่ประกายสายนี้ถูกยิงออกไป กล่าวได้ว่าสามารถยิงทะลุกาแลคซี่ทางช้างเผือก ทั้งยังเป็นการจู่โจมที่มุ่งถึงชีวิต มันเหมือนดังเป็นหางพิษของแมงป่องชั่วร้ายที่อยู่ในความมืดมน ฉวยโอกาสจังหวะที่คู่อริไม่ทันดูแลตัวเยอะที่สุด จู่โจมครั้งเดียวจนตาย
นี่เป็นการลอบโจมตีครั้งเดียวให้จนตาย แม้กระทั่งระดับจอมเทวดาที่มีแปดหรือสิบดวงตราเครื่องหมายในถือครอง เมื่อเห็นประกายสายนี้ที่ถูกยิงออกมาอย่างเร็ว ถึงกับรูม่านตาหดตัว ประกายจู่โจมที่ตายสายนี้เป็นการจู่โจมระดับฆ่าฟันเทวดาอย่างไม่ต้องสงสัย
เสียง “ปุ ปุ ปุ…” ดังขึ้น ประกายขนาดเล็กโดยพลันยิงทะลุช่องว่าง แม้กระนั้นเป็นการยิงทะลุผ่านมิติแล้วมิติเล่า ทิ้งเอาไว้เพียงแค่รูเข็มขนาดเล็ก เมื่อประกายขนาดเล็กนี้ยิงไปถึงคอหอยของหลี่ชิเย่จริงๆนั้น อำนาจของมันคงเหลือในระดับที่อ่อนมากมาย เพียงแค่ยื่นนิ้วออกไปคีบเบาๆก็คีบติดมือได้แล้ว
ถ้าเกิดไม่ใช่ระดับจอมเทวดาจะไม่อาจจะเข้าใจในเรื่องการจู่โจมในคราวนี้ จักรพรรดิบรรพกาลในตอนที่ระดับจอมเทวดาเข้าใจในเรื่องความลึกล้ำแปลกประหลาดของมัน เพราะว่าหลี่ชิเย่มิได้อยู่ที่ตรงนี้แล้ว การลอบจู่โจมในคราวนี้จำต้องทะลุผ่านมิติจำนวนนับไม่ถ้วนไปแล้วจึงสามารถถึงมิติที่หลี่ชิเย่อยู่จริงๆ
นี่เป็นวิชาช่องว่างไม่ถูกที่ ถึงแม้ดูอย่างกับว่าหลี่ชิเย่จะอยู่ใกล้เพียงนี้เอง กลับไม่ทราบว่าความจริงแล้ว มันมีการไม่ถูกที่ไปแล้วไม่ทราบกี่ช่องในเฉียบพลัน แม้กระทั่งการจู่โจมคราวนี้ทรงประสิทธิภาพแค่ไหนก็ตาม ควรต้องทะลุผ่านช่องว่างแล้วช่องว่างเล่าไปแล้วจึงสามารถเข้าถึงตัวของเขาได้
“หมาย่อมแก้นิสัยไม่ให้รับประทานมูลได้” หลี่ชิเย่คีบประกายนั้นด้วยท่าทางราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น กล่าวเรียบว่า “ขโมยเช่นไรก็ยังคงเป็นมิจฉาชีพ แม้กระทั่งเปลี่ยนเป็นจอมเทวดาที่มีดวงยี่ห้อเครื่องหมายสิบเอ็ดดวง ก็ยังคงเป็นมิจฉาชีพอยู่ดี! หมาตัวหนึ่งแม้กระทั่งแปลงเป็นหมาเทวดาไปรวมทั้งยังคงรับประทานมูลดังเดิม คำบอกเล่าประโยคนี้หมายความว่าเจ้า!”
คนที่ลงมือลอบจู่โจมก็คือจอมเทวดามังกรหลวงนั่นเอง ณ เวลานี้หลี่ชิเย่เป็นต่อตัวเขาเป็นหมาตรงๆทำให้สีหน้าท่าทางของเขาดูไม่ได้ถึงจุดสุดยอด
เขาอยากได้ทดสอบลอบจู่โจมหลี่ชิเย่ในจังหวะที่ไม่ทันดูแลตัวเยอะที่สุด ไม่คิดเลยว่าการลอบจู่โจมไม่ประสบความสำเร็จ เรื่องจริงแล้วเขามิได้คาดหมายว่าจะได้โอกาสเสร็จสักกี่ส่วน เพียงแค่อยากได้ทดลองมองเพียงเท่านั้น
meenovel.com/novel/emperors-domination/
“คนบางบุคคลไม่อาจจะเป็นจอมพระราชาเซียนหวังได้ตลอดไป โน่นมันมีเหตุมีผลอยู่แล้ว จอมกษัตริย์เหี้ยมโหดได้ ไร้ความปราณีได้ แม้กระนั้นเหลวแหลกมิได้!” หลี่ชิเย่โยนประกายที่อยู่ในมือทิ้งไป ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายออกมา เกิดขึ้นตวามคิดขึ้นมา
“แว้งค์ แว้งค์ แว้งค์…” ทันทีนั้นเอง ทั่วทั้งยังไกลทุรกันดารปรากฎประกายศักดิ์สิทธิ์ลอยขี้นมา โดยประกายศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ได้ลอยขึ้นไปรวมกลุ่มอยู่บนฟ้า
“แว้งค์ แว้งค์ แว้งค์” เสียงที่เบามากดังขึ้นมาเป็นระลอก ประกายศักดิ์สิทธิ์มีเยอะๆขึ้นเรื่อยภายในช่วงระยะเวลาอันสั้น ประกายศักดิ์สิทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วนได้รวมตัวกัน ราวกับเป็นน้ำในลำคลองที่ไหลรวมกันจนถึงเปลี่ยนเป็นห้วงมหาสมุทรภายในเวลาอันสั้น ตลอดขั้นตอนนั้นเป็นไปเป็นอย่างมากใหญ่รวมทั้งน่านับถือ
น่าจะรู้ว่า ทั่วอีกทั้งไกลแห้งแล้งมีสีเทาเข้มรวมทั้งความตายเป็นหลัก ที่ตรงนี้เคยถูกเก็บเกี่ยวมายุคแล้วสมัยเล่า เลือดใหม่ๆในแต่ละช่วงได้ย้อมพื้นปฐพีจนกระทั่งแดงเถือกไปทุกตารางนิ้ว แม้กระทั้งบนฟ้าก็อบอวลไปด้วยหมอกเลือกที่แห้งกรังไปแล้ว
ทว่า ยามที่ประกายศักดิ์สิทธิ์กลุ่มนี้ปรากฏขึ้น ราวกับมอบความคาดหมายที่ไม่มีจบให้กับไกลแห้งแล้งทั้งปวง โดยที่ประกายศักดิ์สิทธิ์กลุ่มนี้เสมือนถูกฝังลึกลงไปในส่วนที่ลึกที่สุดของช่วงนี้ มันรวมทั้งการสู้ทนดื้อของทุกสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนของช่วง มันแบกรับความเฝ้าต้องการของทุกสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนของช่วง ประกายศักดิ์สิทธิ์พวกนี้เคยทำให้เกิดแสงไฟให้กับช่วงนั้นอีกทั้งสมัย นำพาความมุ่งหวังให้กับช่วงทั้งยังสมัย
ยามที่ประกายศักดิ์สิทธิ์แบบนี้รวมตัวกันนั้น ทั่วทั้งยังไกลทุรกันดารทันทีเงียบกริบลงโดยทันที วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนที่เคยร้องด้วยความเศร้า เหล่าวิญญาณที่อาฆาตแค้นซี่งวนเวียนไม่ไปไหนเป็นระยะเวลาที่ยาวนานท่ามกลางสายน้ำที่เวลาต่างทยอยกันสงบลง ประกายศักดิ์สิทธิ์ได้ปลอบโยนความทุกข์ทรมานของพวกเขาจนถึงสิ้น ประกายศักดิ์สิทธิ์ไม่เพียงแต่ส่องสว่างไปทั่วช่วง เวลาเดียวกันยังได้ปลอบทั่วอีกทั้งช่วง ให้คนที่เศร้าเสียใจไม่เจ็บอีกต่อไป
ยามที่ประกายศักดิ์สิทธิ์แบบนี้รวมกลุ่มอยู่บนฟ้านั้น ลึกลงไปในไกลแห้งแล้ง ผู้มีอิทธิพลแต่ละคนที่หลับอยู่ในความมืดดำถูกทำให้ตกอกตกใจตื่น เมื่อพวกเขาถูกทำให้สะดุ้งตื่นมาแล้ว แลเห็นประกายศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนฟ้า พวกเขาถึงกับสะดุ้งหวาดหวั่นหวั่น ม่านตาถึงกับหดตัว
ด้วยเหตุว่าพวกเขาทราบดีว่าประกายศักดิ์สิทธิ์ลักษณะแบบนี้เป็นของคนใด ประกายศักดิ์สิทธิ์ลักษณะแบบนี้เกือบจะทำให้ความมืดดำสมัยของพวกเขาจำต้องสิ้นสุดลง แสงไฟแทบจะได้ส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเท่าเทียมได้แล้ว
คราวหลังมีการล้มเหลวเกิดขึ้น ประกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดทั้งปวงถูกสยบ และก็ฝังลึกลงไปในส่วนที่ลึกที่สุดของใต้ดิน ไม่อาจจะปรากฏออกมาได้ชั่วนิจนิรันดร์ แต่ว่ามาวันนี้ประกายศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ได้รวมตัวกันอีกรอบ ซึ่งสร้างความกลัวตามสัญชาตญาณขึ้นในใจของบรรดาผู้มีอิทธิพลที่อยู่ในความมืดดำ
“แว้งค์” ทันทีทันใด ประกายศักดิ์สิทธิ์ได้รวมกลุ่มอยู่บนร่างของหลี่ชิเย่ทั้งผอง โดยพลันทำให้หลี่ชิเย่ได้รับเอาประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีหมดเข้าไปภายในร่างกายทั้งผอง
ได้ยินเสียงดัง “ตูม” ข้างหลังของหลี่ชิเย่ปรากฎปีกคู่หนึ่งกางออกมา ปีกคู่นี้มีสีขาวราวกับหิมะศักดิ์สิทธิ์รวมทั้งบริสุทธิ์ โดยที่ปีกคู่นี้ไม่มีคราบเปื้อนเลอะเทอะซึ่งมีความสกปรกแม้แต่น้อย ประหนึ่งว่ามันเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์และก็บริสุทธิ์ที่สุดในโลก
“ปุ” เสียงหนึ่งดังขึ้น ปีกที่ศักดิ์สิทธิ์รวมทั้งบริสุทธิ์คู่นี้ทำลายช่องว่างจนกระทั่งแหลกละเอียดอย่างสบาย หลี่ชิเย่ก้าวผ่านมิติออกมาได้เพียงแต่ก้าวเดียว
นาทีนี้ ตัวของหลี่ชิเย่เปลี่ยนไปเป็นคนที่ศักดิ์สิทธิ์และก็บริสุทธิ์สูงสุด คราบเปื้อนเลอะเทอะซึ่งมีความสกปรกอะไรก็ตามก็ไม่อาจจะทำให้ด่างพร้อยได้ ภูตผีปีศาจใดๆก็ตามล้วนแต่หลีกลี้หนีหายไปไกล
นาทีนี้ หลี่ชิเย่เหมือนกับเปลี่ยนเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังของความศักดิ์สิทธิ์ เขาเป็นตัวเทนของความสว่างบนโลกมนุษย์ เขาเป็นผู้แทนที่ความมุ่งมาด!
ไม่รู้จักว่ามีผู้คนปริมาณมากแค่ไหนจำเป็นต้องเรือนจำเขาลงกราบกับพื้น เมื่อแลเห็นลักษณะแบบนี้ของหลี่ชิเย่ เกิดขึ้นจิตที่ต้องการจะบูชาขึ้นมา นี่เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดที่สมัย เป็นผู้แทนของความสว่างทุกๆสิ่งทุกๆอย่างบนโลกมนุษย์ ทำให้ความมืดมนไม่มีที่ที่จะซ่อนตัวได้!
“ตั้งแคมป์มายากล…” สีหน้าท่าทางของจอมเทวดามังกรหลวงแปรไปมากมายทีเดียวเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว หากว่าเขาจะเป็นจอมเทวดาที่มีดวงยี่ห้อเครื่องหมายสิบเอ็ดดวง เมื่อแลเห็นพลังของประกายศักดิ์สิทธิ์แบบนี้แล้วหลังจากนั้นก็ให้รู้สึกเย็นวาบในใจ เพราะว่ามันเป็นพลังที่คนอย่างพวกเขากลัวสูงที่สุด กล่าวได้ว่าเป็นคู่แข่งขันของพวกเขาอย่างยิ่งจริงๆ
“ตูม…ตูม…ตูม…” เสียงดังกึกก้องดังขึ้น ในเสี้ยววินาทีนี้เอง พวกของจอมเทวดามังกรหลวงที่เป็นจอมเทวดาทั้งยังเก้าคนโดยพลันปรากฎดวงตราเครื่องหมายแต่ละดวงที่พุ่งขึ้นเขาฟ้า กลิ่นขมุกขมัวได้ทิ้งตัวลงมา ดังว่าต้องการที่จะให้โลกทั่วโลกแปลงเป็นสมุทรขมุกขมัวอย่างงั้น
เกรงว่าอาจจะมีไม่กี่ผู้ที่ตลอดชีพของพวกเขาสามารถเห็นภาพของจอมเทวดาเก้าคนลงมือพร้อมเพียงกัน เห็นภาพของดวงตราเครื่องหมายแต่ละดวงที่พุ่งขึ้นสู่ฟ้า ฟ้าดินกลายเป็นสมุทรขมุกขมัว ช่างเป็นภาพที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
“ปัง” ในช่วงเวลานี้ อัศวินมังกรหลวงได้เข้าค่ายมายากลเป็นระเบียบแล้ว พวกเขารู้จักกันมาตลอดชีพ ผ่านการสู้รบร่วมทุกข์ร่วมสุขนับครั้งไม่ถ้วน พูดได้ว่ารู้ใจกันอย่างยอดเยี่ยม การลงมือรวมทั้งร่วมมือสามารถทำเป็นอย่างเลิศเลอในฉับพลันทันที
ครั้นเมื่อได้ยินเสียง “ปัง” ดังขึ้น เห็นดวงตราเครื่องหมายแต่ละดวงของพวกเขาได้ครอบลงบนค่ายมายากล ชั่วพริบตาเดียวปรากฏประกายที่กระจัดกระจายออกมาทุกทิศทาง เวลานี้ พวกของจอมเทวดามังกรหลวงที่เป็นจอมเทวดาอีกทั้งเก้าคนได้ล่องหนไป ปรากฏเป็นอสูรกายขนาดยักษ์ขึ้นมาแทน เฉพาะหน้าผู้คนทุกคน
เจ้าตัวประหลาดตัวนี้มองไปแล้วมีส่วนเหมือนแมลงเต่าทอง แม้กระนั้นก็ราวกับแมลงปีกแข็งชนิดด้วง บนข้างหลังมีปีกที่แข็งแล้วก็ดก ด้วยปีกที่ดกอย่างนี้เหมือนหนึ่งสามารถหามหรือชูเอาฟ้าขึ้นไปได้แบบงั้น
เสียง “ตูม ตูม ตูม” ดังกระหึ่ม ยามที่เจ้าอสูรกายที่ราวกับแมลงเต่าทองรวมทั้งเหมือนพวกด้วงตัวนี้มันคลานไปด้านหน้าสามารถผลักเทือกเขาศักดิ์สิทธิ์แต่ละลูกให้กลับหมู่ลงได้ง่ายๆ จนถึงเพียงแค่กระดกเบาๆคราวหนึ่งก็สามารถแงะเอาดวงดาวแต่ละดวงลอยไปยังจักรวาล
ผู้คนจำนวนมากรู้สึกงง และก็รู้สึกขี้กลัวในใจเมื่อมองเห็นแมลงเต่าทองที่สยองขวัญเพียงนี้
“แมลงไถคราดสรวงสวรรค์อัศวินมังกรหลวง” ระดับจอมเทวดาผู้หนึ่งได้งึมงำออกมาว่า “คราวนั้น พวกเขาเคยอาศัยค่ายมายากลแบบนี้จัดแจงขุดไถสายสำนักพระราชาเซียนแห่งหนึ่งกระทั่งล่มสลายรวดเดียว โดยที่ฐานรากที่ผลิตขึ้นโดยจอมพระราชาที่มีอยู่เพียงแค่องค์เดียวของสายสำนักกษัตริย์เซียนที่นี้ ถูกพวกเขาแงะลอยขึ้นเขาฟ้า”
แมลงไถคราดสรวงสวรรค์เป็นหนึ่งในท่าทีเด็ดของอัศวินมังกรหลวง พวกเขาได้อาศัยยอดเยี่ยมกลยุทธ์วิชาสูงสุดสร้างค่ายมายากลแบบนี้ขึ้นมา โดยพึ่งพาดวงตราเครื่องหมายของพวกเขา ทำให้ค่ายมายากลนี้มีพลังจากดวงตราเครื่องหมายทั้งหมดทั้งปวงของพวกเขา
อย่างไรก็ดี การคุ้มครองป้องกันของแมลงไถคราดสรวงสวรรค์มีความแข็งแกร่งยิ่งนัก นอกจากจะจู่โจมทะลุผ่านดวงตราเครื่องหมายของพวกจอมเทวดามังกรหลวงแล้ว มิฉะนั้นก็ยากที่จะตีแตกแนวคุ้มครองของแมลงไถคราดสรวงสวรรค์ตัวนี้ไปได้
ลองนึกดูมอง คิดจะจู่โจมให้ทะลุผ่านดวงตราเครื่องหมายจากจอมเทวดาเก้าคนมันง่ายสุดๆเสียที่ไหน กล่าวสำหรับจอมเทวดาแล้ว ถ้าสามารถจู่โจมกระทั่งทะลุผ่านดวงตราเครื่องหมายของพวกเขาได้ พอๆกับว่าแทบจะฆ่าพวกเขาได้แล้ว