จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1972 ก้าวออกมาจากอดีตกาล
จักรพรรดิบรรพกาล Emperor’s Domination – บทที่ 1972
เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น ภายใต้การเกื้อกูลของประกายวิสุทธิ์ ประกายศักดิ์สิทธิ์ของผู้รู้เปลี่ยนไปเป็นหนักแน่นเพิ่มขึ้น เดิมประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ติดๆดับๆเริ่มโหมลุกโหมขึ้นมา เหมือนดังไฟที่ไหม้ฟืนแบบนั้นยิ่งลุกโชนร้ายแรงขึ้น จากการที่ประกายศักดิ์สิทธิ์มีความแรงขึ้นเรื่อยเริ่มกระทำการเผาผลาญความมืดมน แม้ยังคงเป็นแบบนี้ถัดไป ช้าหรือเร็วประกายศักดิ์สิทธิ์ของผู้รู้ก็จำต้องไหม้ไปถึงแหล่งกำเนิดของบรรพบุรุษไกลแห้งแล้งหลุนหุย
“แนวทางไม่จบไม่สิ้น” บรรพบุรุษไกลทุรกันดารหลุนหุยที่มองดูมองหลี่ชิเย่ สายตามองล้ำลึก กล่าวขึ้นช้าๆว่า “เพื่อน ที่เราโน้มน้าวเจ้าใช่ว่าเจ้ากับเราเป็นศัตรูกัน ไม่ว่าเราก็ดีแล้ว เจ้าดีแล้ว หรือแม้กระทั้งปราชญเพื่อนเก่าก็เป็นแบบนี้ วิถีทางด้านหน้าอันตรายกันขวาง ถ้าเกิดเพียงแต่อยากได้ทำลายผูกมัดฟ้าดินนี้แค่นั้นหละก็ เจ้าน่าจะมองดูไปด้านหน้า ไม่ใช่ดูที่ดำหรือขาว”
“เรากับเพื่อนเก่าก็จะไม่กล่าวกันถึงเรื่องถูกหรือไม่ถูก เพียงแค่โชคร้ายที่คราวนั้นเพื่อนเก่ายึดแต่ว่าเรื่องของทุกสิ่งมีชีวิต หาไม่แล้ว ถ้าเกิดเรากับเขาได้ร่วมมือกันหละก็ ไม่แน่นักได้เปิดเหตุการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนขึ้นรวมทั้งเป็นไปได้ ไม่แน่นักบางครั้งก็อาจจะปล่อยจองจำของฟ้าดินที่นี้ไปแล้ว ไม่แน่นักช่วงไกลแห้งแล้งได้สืบต่อกันไปอีกไปนานแล้ว” บรรพบุรุษไกลทุรกันดารหลุนหุยได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ
ท่ามกลางการต่อสู้เพื่อพิจารณาแบบนี้ หากว่าเหตุการณ์จะไม่เอื้อต่อตน แต่ว่าบรรพบุรุษไกลทุรกันดารหลุนหุยยังคงพูดจาชัดถ้อยชัดคำไม่เกรงกลัว
“เมื่ออุดมการณ์ไม่เหมือนกันก็อย่าคบกันเลย!” ปราชญพูดเสียงน่านับถือออกมาว่า “ความสำราญของสรรพสัตว์ไหนเลยเอามาแลกกันได้! แม้ไม่ทำลายความมืดมนให้ราบคาบ จะไม่ยินยอมเลิกราโดยเด็ดขาด”
“เพื่อนเก่า เราน่ะเลื่อมใสในจิตใจที่ยิ่งใหญ่ของเจ้า” บรรพบุรุษไกลทุรกันดารหลุนหุยยิ้มเพิกเฉย และก็พูดว่า “แม้จะเอ่ยถึงการโปรดสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นจากห้วงที่ความทุกข์ทรมานโดยทั่ว เราสู้เจ้ามิได้ ถูก เราเก็บเกี่ยวช่วงเว้นเสียแต่อยากได้สั่งสมเพื่อการทำลายผูกมัดฟ้าดินที่นี้แล้ว ยังทำเพื่อตัวเราเองได้มีชีวิตอยู่ถัดไป เราเห็นด้วย เราเกรงว่าตัวเองจึงควรตายอยู่บนทางที่ยังไม่บรรลุ ซึ่งหาใช่เรื่องที่จะจำเป็นต้องอับอายขายหน้ากัน…”
“…ทว่า เพื่อนเก่าได้เคยรำลึกถึงหรือเปล่าว่า แม้เจ้ากับเราร่วมมือกัน จักรพรรดิบรรพกาลความสว่างความมืดดำดำรงอยู่ร่วมกัน กำจัดฟ้าดินทำศึกจนกระทั่งถึงที่สุด ถ้าเกิดเราทำสำเร็จจะสามารถทำลายผูกมัดฟ้าดินนี้ได้ บางเวลาช่วงของไกลแห้งแล้งเราสามารถต่อเนื่องถัดไปได้ ในเวลานั้นช่วงเราไม่มีเสียแล้ว จะเป็นความสว่าง ความมืดดำมิดอะไร ที่สุดและก็เพียงแค่ความว่างแค่นั้น” บรรพบุรุษไกลแห้งแล้งหลุนหุยกล่าวเรียบเฉยเมยขึ้นมา
“ถ้าเกิดจะแลกเปลี่ยนมาซึ่งการการเวียนว่ายตายเกิดของความมืดมนสมัยแล้วสมัยเล่า แลกเปลี่ยนมาซึ่งการเก็บเกี่ยวด้วยเหม็นกลิ่นคาวเลือดสมัยแล้วสมัยเล่า ช่วงแบบนี้ไม่ต้องมีก็ได้” ท่าที่ของปราชญมั่นคงมากมาย ทุกคำบอกเล่าที่กล่าวออกมามีน้ำหนัก กล่าวน่านับถือว่า “เจ้าปราศจากความกล้าหาญชาญชัยที่จะรบจนกระทั่งถึงที่สุด ได้แม้กระนั้นอาศัยการเก็บเกี่ยวช่วงแล้วมีชีวิตอยู่ไปวันๆถึงแม้ว่าจะที่สุดแล้วเจ้าสามารถเป็นข้างชนะได้ แล้วมันจะเช่นไรกันเล่า? เจ้ายังคงปราศจากความหาญกล้าที่จะไปเปลี่ยนตัวเอง ไปเปลี่ยนช่วงของเรา จิตที่การบำเพ็ญหมั่นเพียรของเจ้าจมลงไปแล้ว ไม่มีทางขึ้นมาได้อีกต่อไป!”
“ถ้าเกิดเพื่อนเก่ารู้เรื่องแบบนี้ เราก็หมดปัญญาคิด เราถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าต้องตายไปข้างหนึ่ง” บรรพบุรุษไกลแห้งแล้งหลุนหุยก็ไม่รู้จักสึกสนเท่ห์ใจ เพียงแค่ยิ้มๆเขาเพ่งมองไปที่หลี่ชิเย่ กล่าวขึ้นช้าๆว่า “เพื่อนกับเพื่อนเก่าของข้ามีดวงใจด้วยกัน ข้อนี้เราสามารถรู้เรื่องได้ แสงไฟส่องทั่วหล้าอย่างเท่าเทียมกัน เป็นช่วงที่ทำให้ผู้คนใฝ่หา…”
“…แต่ว่า เพื่อนเคยคิดถึงหรือเปล่าว่า ลำพังอาศัยกำลังของตัวเองผู้เดียวสามารถทำลายสรวงสวรรค์ได้หรือ? เจ้าสามารถรบจนกว่าจะถึงที่สุดรึ? สามารถเป็นข้างชนะได้สุดท้ายรึ? ถ้าว่าทำไม่ได้ ไฉนเพื่อนไม่เปลี่ยนแปลงมุมมองความนึกคิดมอง ใช่ว่าเราปรารถนาเจียนให้ทะเลาะกัน เพียงแค่การได้มายืนอยู่ระดับเราแล้ว เราก็หวังเช่นเดียวกันว่าเพื่อนสามารถรบจนกว่าจะถึงที่สุด ทำลายสรวงสวรรค์นี้เสีย”
คำบอกเล่าของบรรพบุรุษไกลทุรกันดารหลุนหุยบอกได้สุจริตใจมากมาย แล้วก็บอกได้ขวานผ่าซากยิ่ง
จอมพระราชาเซียนหวังจำนวนหลายชิ้นจำต้องกลั้นใจกับคำบอกเล่าของบรรพบุรุษไกลทุรกันดารหลุนหุย ในขณะนี้ไม่ทราบว่ามีผู้คนปริมาณมากแค่ไหนที่เพ่งมองไปที่หลี่ชิเย่
การร่วมแรงกับบรรพบุรุษไกลทุรกันดารหลุนหุย นับเป็นมุมมองอีกประเด็นที่ราวกับเป็นการเปิดประตูบานใหม่ขึ้นอีกบานหนึ่ง
“เจ้าบอกไม่ถูกแล้ว” หลี่ชิเย่อมยิ้ม แล้วก็บอกว่า “ยังไม่ต้องเอ๋ยถึงเรื่องความสว่างกับความมืดดำ เพียงแค่จะบอกว่า ในเมื่อเราปรารถนารบจนกระทั่งถึงที่สุด มีความหมายว่าเราสามารถกลับสรวงสวรรค์ขึ้นมาได้ กล้วยๆเท่านี้ล่ะ วันนี้ที่เราช่วยเหลือปราชญฆ่าเจ้ามิได้เกี่ยวโยงอะไรกับความสว่างหรือความมืดมน เพียงแค่ปรารถนาเฉือนไก่ให้ลิงมองเพียงแค่นั้น ให้ผู้คนทั่วหล้าได้รับทราบ ให้คนที่ยังอยู่ในช่วงนี้ได้ทราบว่า นี่เป็นช่วงของเรา ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้มีอิทธิพลของความมืดมน หรือเป็นยอดเยี่ยมปฐมบรรพบุรุษสูงสุด ขอเพียงแต่เรายังอยู่ที่โลกมนุษย์นี่ เป็นมังกรก็ต้องงอตัวเอาไว้ เป็นเสือก็ให้หมอบไว้ อย่าได้แอบส่องอยู่ข้างหลัง หรือกำลังคิดจะเคลื่อนก่อการ หาไม่แล้ว ฆ่าไม่มียกเว้น!”
คำบอกเล่านี้ของหลี่ชิเย่ก็บอกได้เรียบเฉยเมยมากมาย แม้กระนั้นมีความหาเรื่องยากจะหาคนไหนเทียม คำกล่าวแบบนี้เมื่อบอกออกมาพอๆกับเป็นการประกาศศึกกับคนที่ยืนอยู่ตรงกันข้ามกับเขาทั้งปวงในเก้าชั้นฟ้าสิบดินแดน ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะเป็นผู้มีอิทธิพลที่อยู่ในความมืดมน หรือเป็นปฐมบรรพบุรุษสูงสุด ไม่ก็อยู่อย่างเจียมตัวแม้กระนั้นโดยดี ไม่ก็ถูกฆ่าโดยหลี่ชิเย่
การประกาศศึกด้วยทีท่าที่อันธพาลยากจะหาผู้ใดกันเทียมของหลี่ชิเย่ ทำให้บรรดาจอมพระราชาเซียนหวังขั้นสูงที่มีสิทธิ์ได้มองเห็นต่างรู้สึกเย็นวาบในใจ ทราบดีแล้วว่ายุคนี้หลี่ชิเย่จำต้องกระทำการใหญ่แน่ๆ ผู้ใดกันใครกันแน่กล้ากีดขวางของเขา เป็นฆ่าไม่มียกเว้น!
meenovel.com/novel/emperors-domination/
“กลับเข้ามาที่เนื้อแท้ของการรบในคราวนี้” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบและก็พูดว่า “ในจุดนี้เราเห็นด้วยกับมุมมองของปราชญ ถึงแม้ว่าจะเจ้าไม่มีผู้ประมือมากยิ่งกว่านี้แล้วเช่นไร จิตที่การบำเพ็ญอุตสาหะเจ้าจม แม้กระทั่งเจ้ากลับสรวงสวรรค์นี้ได้ สำหรับโลกนี้แล้วมันก็มิได้แสดงว่าเป็นผลในด้านดี โดยเหตุนั้น ก็เลยเรียกได้ว่า อุดมการณ์แตกต่างกัน ไม่อยากคบกัน วันนี้ส่งผลเพียงอย่างเดียว โน่นเป็นเจ้าถูกตาย!”
เมื่อจะต้องพบเจอกับผู้มีอิทธิพลสูงสุดอย่างบรรพบุรุษไกลแห้งแล้งหลุนหุย หลี่ชิเย่ไม่เพียงแต่พูดจาชัดถ้อยชัดคำไม่หวั่นใจ ทั้งประกาศโดยตรงว่าบรรพบุรุษไกลแห้งแล้งหลุนหุยถูกตาย ความหาเรื่องแบบนี้เกรงว่าอาจจะยากที่จะหาคนใดกันแน่เทียมในหล้าอีกแล้ว
“ในเมื่อเพื่อนมีความแน่ใจถึงเพียงนี้ ถ้าหากว่าเราไม่แสดงวิชาออกมาทั้งปวงอาจทำให้ทุกคนจำเป็นต้องผิดหวังเสียแล้ว” บรรพบุรุษไกลทุรกันดารหลุนหุยยิ้มกล่าวโดยไม่มีการแสดงอาการโกรธว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ วันนี้ก็จำเป็นต้องมองว่าผู้ใดกันจะเป็นผู้ชนะกันแน่”
เสียงตูม…ดังลั่น นาทีนี้เอง แท่นบูชาที่อยู่ลึกเข้าไปในไกลทุรกันดารฉับพลันพวยพุ่งเป็นความมืดที่ไม่มีจบออกมาทันทีทันใด นาทีนี้ปรากฏคนผู้หนึ่งก้าวเดินออกมาจากความมืดดำ เวลาที่เขาก้าวเดินเข้ามาครั้งละก้าวๆทำให้ทุกช่วงจะต้องสั่นเทา
“อดีตกาลไม่สามารถที่จะติดตามกลับมา แต่ว่าสามารถคงจะเอาไว้ได้” คนผู้นี้ที่ก้าวเดินออกมาจากความมืดดำได้กล่าวขึ้นมาช้าๆคำบอกเล่าของเขามองสุภาพอ่อนโยนและก็เด่น
“บรรพบุรุษไกลแห้งแล้งหลุนหุย!” ไม่ทราบว่ามีจอมกษัตริย์เซียนหวังปริมาณเยอะแค่ไหนที่รู้สึกกระตุกในใจนิดนึง เมื่อเห็นคนที่ก้าวเดินออกมาจากความมืดมนคนนี้
ผู้ที่ก้าวออกมาจากแท่นบูชาก็คือบรรพบุรุษไกลแห้งแล้งหลุนหุยนั่นเอง เขามีรูปพรรณสัณฐานราวกับอาทิเช่นบรรพบุรุษไกลแห้งแล้งหลุนหุยราวกับแกะ ทั้งยังยังไม่ใช่ภาพฝันลมๆแล้งๆ และไม่ใช่ร่างผู้แทน แม้กระนั้นเป็นร่างตามที่เป็นจริงแน่ๆ
คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกเย็นวาบในใจเมื่อได้แลเห็นภาพนี้ จอมพระราชาเซียนหวังถึงกับมองดูไปที่บรรพบุรุษไกลทุรกันดารหลุนหุย
“เพื่อนสามารถทำสำเนาร่างของตนเองเอาไว้ แม้กระนั้นเรามิได้มีของยอดเยี่ยมแบบนี้” บรรพบุรุษไกลแห้งแล้งหลุนหุยถึงกับหัวเราะแล้วก็พูดว่า “แม้กระนั้น เราสามารถตัดร่างที่เป็นอดีตออกมาแล้วเก็บเอาไว้”
คำกล่าวของบรรพบุรุษไกลทุรกันดารหลุนหุยบอกได้ตามอารมณ์ยิ่งนัก แม้กระนั้นบรรดาจอมพระราชาเซียนหวังต่างรู้สึกเย็นวาบในใจ ด้วยเหตุว่ารู้ดีว่าหัวข้อนี้ทำเป็นยากมากมาย
การตัดเอาร่างที่เป็นอดีตของตัวเองออกมาเกิดเรื่องที่ทำเป็นยากมากมาย โน่นเป็นจึงควรทำตัดขาดระยะเวลา ตัดขาดกรรม ตัดตนเองออกไปในวันใดวันหนึ่ง ให้ร่างในอดีตกาลกับร่างในขณะนี้แยกออกมาจากกัน ในที่สุดยังจำต้องรักษาร่างในสมัยก่อนของตัวเองเอาไว้อย่างยอดเยี่ยมไม่ให้มีการแตกสลาย ช่างเป็นขั้นตอนการที่น่าหวาดกลัวยิ่ง เป็นพลังที่น่าขนลุกเท่าใด
ถึงแม้ว่าจะเป็นจอมกษัตริย์เซียนหวังระดับที่ถือว่าสูงทดลองถามดวงใจตัวเอง เกรงว่าก็ไม่อาจจะทำข้อนี้ได้
“ด้านความจริงเราสู้เจ้ามิได้จริงๆการที่เราอัดสำเนาร่างของตัวเองเอาไว้เป็นการอาศัยเล่ห์กลจริง” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเพิกเฉยว่า “แต่ เจ้ามีร่างในอดีตกาล แม้กระนั้นไม่มีร่างในอนาคต”
“ถูก ข้อนี้เราสู้เพื่อนมิได้” บรรพบุรุษไกลทุรกันดารหลุนหุยผงกศีรษะ ซ่อนเร้นด้วยรอยยิ้ม และก็พูดว่า “เป็นความจริงที่เราไม่มีร่างในอานาคต แม้กระนั้น เพื่อน ร่างในอนาคตของเจ้าก็ไม่แน่เสมอว่าสามารถทำให้เจ้ากลับเหตุการณ์ได้ วันนี้จะให้ร่างในอดีตกาลของเราฆ่าร่างในตอนนี้ของเจ้า”
บรรพบุรุษไกลแห้งแล้งหลุนหุยหัวเราะ ช่วงเวลาที่ร่างในอดีตกาลของบรรพบุรุษไกลแห้งแล้งหลุนหุยที่อยู่บนแท่นบูชาก็หัวเราะ แล้วก็กล่าวขึ้นช้าๆว่า “ยอดเยี่ยมพลังอำนาจยิ่งใหญ่นี้ที่ฝ่าฝืนลิขิตสรวงสวรรค์ยิ่ง พูดได้ว่าเพอร์เฟ็ค แม้กระนั้นในสายตาของเรากลับมองมีข้อตำหนิอยู่หน่อยนึง ข้อตำหนินิดเดียวเพียงเท่านี้พอเพียงแล้ว มากพอที่จะทำให้จนตายได้”
เสียงตูม…อึกทึก ในเวลานี้ร่างในอดีตกาลของบรรพบุรุษไกลแห้งแล้งหลุนหุยได้ลงมือแล้ว แลเห็นมือข้างหนึ่งของเขาที่คว่ำเข้าพบ ไม่มีกระบวนท่า ปราศจากความลึกซึ้งแปลกประหลาดของความจริง ภายใต้ฝ่ามือของเขามีเพียงแต่อนัตตาเพียงแค่นั้น
ภายใต้อนัตตา ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเป็นผุยผง ทุกๆอย่างถูกบดขยี้ทำลายในทันที ทั้งหมดทุกอย่างจะหายไปในทันทีทันใด
โดยเหตุนี้ ตอนที่มือขนาดใหญ่บดขยี้ลงมานั้น ได้ยินเสียงดังปัง ปัง ปังดังขึ้น ทุกๆอย่างกลายเป็นอนัตตา เวลา ช่องว่าง ความจริง สรรพวิชาทุกสิ่งโดยพลันถูกบดขยี้จนถึงเปลี่ยนเป็นผุยผง โดยพลันเปลี่ยนเป็นขี้เถ้าผงลอยล่องไปเป็นอนัตตา
เสียงปังดังขึ้นเหนือหัวของหลี่ชิเย่จากมือขนาดใหญ่ข้างนี้ แน่ๆ หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ท่ามกลางอำนาจที่ยิ่งใหญ่เป็นหลี่ชิเย่ในขณะนี้ เวลาที่ไล่ติดตามไปท่ามกลางสายน้ำที่ระยะเวลาคนนั้นเป็นหลี่ชิเย่ในอนาคต
การที่บรรพบุรุษไกลทุรกันดารหลุนหุยพุ่งเป้าตรงไปที่หลี่ชิเย่ก็เพื่อฆ่าหลี่ชิเย่ในตอนนี้ หากว่าหลี่ชิเย่ในโลกปัจจุบันนี้ถูกฆ่า ก็จะไม่มีหลี่ชิเย่ในโลกอนาคต ซึ่งข้อนี้จะตรงกันข้ามกับบรรพบุรุษไกลแห้งแล้งหลุนหุย
ถ้าเกิดหารร่างปัจจุบันนี้ของบรรพบุรุษไกลแห้งแล้งหลุนหุยถูกฆ่า แม้กระนั้นร่างในสมัยก่อนของเขาก็ยังคงอยู่
เสียงตูม…ดังตูมตามขึ้นเป็นระลอก สรรพวิชาถูกทำลาย โลกทั่วโลกโดยพลันสลายเป็นขี้เถ้าละออง ภายใต้มือขนาดใหญ่ของบรรพบุรุษไกลทุรกันดารหลุนหุยไม่มีสิ่งใดสามารถกันขวางเอาไว้ได้ แม้กระทั่งเป็นระดับจอมกษัตริย์เซียนหวัง เกรงว่าอาจจำต้องถูกบดขยี้เปลี่ยนเป็นหมอกเลือดโดยฉับพลันภายใต้มือขนาดใหญ่ข้างนี้
แต่ นาทีนี้มือขนาดใหญ่ของบรรพบุรุษไกลทุรกันดารหลุนหุยกลับไม่อาจจะตีเข้าไปที่ร่างของหลี่ชิเย่ได้ ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้น พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ได้ปะทุขึ้นมา ประกายที่เสมือนดั่งเป็นคริสตัลหลายสีปรากฏขึ้นมา และก็ประกายแบบนี้ทันทีเปลี่ยนเป็นแนวคุ้มครองป้องกันที่อดทนที่สุด คุ้มครองการจู่โจมจากฝ่ามือของบรรพบุรุษไกลทุรกันดารหลุนหุย
แนวคุ้มครองป้องกันที่แวววาวราวกับคริสตัลหลายสีมิได้เป็นเพียงแต่การปกป้องในทางกายภาพเพียงแค่นั้น มันยังได้แยกช่องว่างระยะเวลาออกไปด้วย แยกพลังทั้งหมดทุกอย่างออก แยกทุกๆสิ่งทุกๆอย่างออกมาจากกัน กล่าวได้ว่าหลี่ชิเย่ที่อยู่ด้านในพลังอำนาจยิ่งใหญ่ถูกแยกออกมาจากกันกับบรรดาจอมกษัตริย์เซียนหวังทั้งยังสิบเจ็ดองค์อีกด้วย
ถ้าเกิดบรรพบุรุษไกลแห้งแล้งหลุนหุยปรารถนาฆ่าหลี่ชิเย่ จึงควรทำลายการแยกออกมาจากกันแบบนี้ให้ได้
การปรากฎของพลังอำนาจยิ่งใหญ่ไม่เพียงแค่อาศัยความลึกล้ำแปลกประหลาดไม่มีผู้ประมือพัฒนาการขึ้นมายังได้อาศัยหินขมุกขมัว หินผาแข็ง โลหะศักดิ์สิทธิ์ โลหะเซียนเป็นปริมาณเป็นอันมากโดยเบื้องต้น ยังอาศัยผลึกเซียนปีศาจร้ายระกาสามสิบชิ้นเป็นฐานรากโดยที่ ผลึกเซียนภูติผีระกาสามสิบชิ้นนี้สามารถส่งพลังให้กับจอมกษัตริย์เซียนหวังทั้งยังสิบเจ็ดองค์อย่างไม่มีทิ้งช่วง รวมทั้งพอๆกับส่งพลังให้กับหลี่ชิเย่ รวมทั้งสามารถเสริมพลังได้กับหลี่ชิเย่ได้
ภายใต้พลังอำนาจยิ่งใหญ่นี้ บวกกับพลังชะตาฟ้าของหลี่ชิเย่ และก็สิบสองจอมพระราชาเซียนหวัง ทำปกปักรักษาพลังอำนาจยิ่งใหญ่เอาไว้ ทำให้มีความมั่นคงและยั่งยืนไม่อาจจะตีแตกได้ เกรงว่าคนที่จะทำลายพลังอำนาจยิ่งใหญ่นี้ได้คงจะมีเพียงแค่ไม่กี่คนเพียงแค่นั้น
หากว่าบนโลกนี้มีคนไหนกันซึ่งสามารถทำลายพลังอำนาจยิ่งใหญ่นี้ได้ล่ะก็ แบบนั้นแล้วบรรพบุรุษไกลแห้งแล้งหลุนหุยที่อยู่เบื้องหน้าเป็นหนึ่งในคนนั้น