จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1989 เหล่ามอ
จักรพรรดิบรรพกาล Emperor’s Domination – บทที่ 1989
ท่าทางของเหล่ามอดูสงบยิ่งนักในการเอ่ยดูในลักษณะแบบนี้ของหลี่ชิเย่ และไม่ได้อ่อนน้อมถ่อมตัว มิได้แสดงความพอใจใน ดูอย่างเป็นธรรมชาติมากมาย
“เจ้าท่องไปกี่ที่ในโลกมนุษย์แล้วหละ ท่องไปครั้งละทวีปๆจินโจว ชิงโจว เจียวเหิงโจว…ถึงแม้โลกนี้จะกว้างขวางกว่านี้ วันใดวันหนึ่งเจ้าก็สามารถท่องไปได้หมดทุกแห่ง แปลงสถานที่ทุกหนก็จะเปลี่ยนแปลงงานหัตถกรรมอย่างหนึ่ง ในหนึ่งช่วงจะตั้งอกตั้งใจบ่มนิสัยงานหัตถกรรมเพียงอย่างเดียวเพียงแค่นั้น นี่มันช่างเกิดเรื่องที่ปาฏิหาริย์อย่างมาก ของหวานแป้งทอด ทอเสื่อ ขายเต้าฮวย…งานหัตถกรรมปริมาณมากแค่ไหนที่ก้าวถึงระดับยอดเยี่ยมด้วยความสามารถของเจ้า” เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงที่ตรงนี้แล้วรู้สึกเศร้าโศกยิ่งนัก
“ให้แก่คุณปรมาจารย์เยาะเย้ยแล้วหละ เราก็แค่อาศัยมันมาฆ่าเวลาที่สุดแสนจะช้านานเพียงแค่นั้น” เหล่ามอหัวเราะและก็เอ่ยขึ้นมา
หลี่ชิเย่ก็หัวเราะออกมาด้วยเหมือนกัน แล้วก็พูดว่า “เกรงว่าเพียงแค่ฆ่าเวลาอาจไม่สามารถที่จะทำให้จิตที่การบำเพ็ญมุมานะมีการครุ่นคิดได้ มีเพียงแต่ผู้ที่ทำอย่างตั้งใจ ก็เลยสามารถทำเรื่องๆหนึ่งให้ก้าวถึงระดับสูงสุดได้ ทุกๆสาขาวิชาล้วนแต่เป็นความจริงกิ่งก้านสาขาหนึ่ง”
“โลกนี้จะต้องก้าวเดินผ่านมาแล้วจึงสามารถรับทราบถึงความยอดเยี่ยมของมัน” เหล่ามอพูดว่า “เราไม่อาจจะทำเป็นยิ่งใหญ่ราวกับอย่างท่านปรมาจารย์ และไม่ได้มีความกล้าหาญชาญชัยราวกับท่านปรมาจารย์ที่กำจัดไปตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแบบนี้ เราเป็นเพียงแค่ก้อนกรวดเล็กๆท่ามกลางสายน้ำที่ยุคสมัยช่วงนี้เพียงเท่านั้น ด้วยก้อนกรวดขนาดเล็กแบบนี้ทำเป็นเพียงแค่เคลื่อนย้ายขยับเขยื้อนท่ามกลางสมัยแล้วสมัยเล่า รับทราบถึงจารีตประเพณีที่แตกต่างของโลกมนุษย์แค่นั้น”
“แล้วมันไม่ดีที่ไหนเล่า” หลี่ชิเย่หัวเราะและก็พูดว่า “ถึงแม้ว่าจอมพระราชาเซียนหวังจะถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าเป็นคนที่มีความสง่าผ่าเผยที่สุดในหล้า เป็นผู้ก้าวขึ้นสู่จุดสุดยอด แม้กระนั้นในมุมมองอีกด้านหนึ่งใช่จะไม่ใช่เรื่องดี…”
“…เพียงจอมกษัตริย์เซียนหวังจำนวนไม่น้อยไม่เชื่อมั่นในตัวเองแค่นั้น พวกเขามีสรวงสวรรค์ลงโทษที่แขวนอยู่เหนือหัว ไม่กล้าก้าวย่างเผยตัวออกมา ในตอนที่เจ้ากลับปราศจากความไม่สบายใจแบบนั้น สามารถแลเห็นความเจริญก้าวหน้าทั้งมวลของโลกมนุษย์ สิ่งนี้ไหนเลยจะไม่ใช่ทางที่มีเพียงแค่หนึ่งไม่มีสองที่สุดยอดบนทางของจอมพระราชา”
“ความสามารถพิเศษข้ามีเพียงแค่น้อยนิดแค่นั้น ไม่เหมือนดั่งเหล่ากษัตริย์ซึ่งสามารถเย้ยหยันต่อผู้มีอำนาจ เป็นไปได้เพียงแค่ก้อนกรวดเล็กๆก้อนหนึ่งเพียงแค่นั้น เบาๆย้ายเคลื่อนร่างกายครั้งละก้าวๆบนโลกใบนี้เพียงแค่นั้น” เหล่ามอเองมิได้หยิ่ง เพียงแค่อาศัยคำบอกเล่าที่เรียบง่ายที่สุดบอกออกมาเป็นคำกล่าวลักษณะแบบนี้
หลี่ชิเย่เพียงแต่ยิ้มแล้วก็มองบ้านน้อยข้างหลังนี้ บ้านน้อยข้างหลังนี้ก็ราวกับเป็นโลกอีกโลกหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดสำหรับเหล่ามอแล้วมันเป็นแบบนั้น
“ท่านปรมาจารย์มาโอกาสนี้ไม่รู้มีอะไรจะชี้นำรึ?” ในที่สุด เหล่ามอได้แสดงเคารพแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ รวมทั้งเอ่ยถามด้วยทีท่ายกย่องยิ่ง
“แม้จะบอกว่า จิตที่การบำเพ็ญพยายามบนโลกนี้ที่มีคุณค่าให้เราไปจุดประกายขึ้นมาในช่วงของเราหละก็ นอกเหนือจากหัวใจดวงนี้ของเราแล้ว เรามีความรู้สึกว่าหัวใจดวงนั้นของเจ้าก็มีคุณค่าสูงที่สุดที่เหมาะไปจุดติดแล้ว” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา และก็พูดว่า “ถ้าหากเราพูดว่าที่ข้ามาตรงนี้ก็เพื่อจุดติดเจ้า เจ้าเชื่อหรือเปล่า?”
ถ้ากลายเป็นบุคคลอื่น รวมทั้งสามารถฟังแล้วเข้าใจในเรื่องความหมายที่หลี่ชิเย่กล่าวออกมาจึงควรตกอกตกใจหวาดหวั่นหวาดหวั่นแน่ๆ แม้กระนั้นเหล่ามอเพียงยิ้มๆเขาสั่นศีรษะเบาๆและก็พูดว่า “ร่างกายที่อ่อนด้อยไม่สมประกอบของเราไม่เข้าตาท่านปรมาจารย์อยู่แล้ว จุดติดเราก็เป็นประโยชน์อย่างจำกัดกี่ มิได้ประสิทธิผลในระดับที่ท่านปรมาจารย์อยาก”
หลี่ชิเย่หัวเราะ เพ่งมองมองเหล่ามอและก็บอกว่า “หยอกล้อเพียงแค่นั้น การมาทวีปเจียวเหิงโจวในคราวนี้เพียงแค่ทางผ่านเพียงแค่นั้น รวมทั้งเจ้าเองก็อยู่ตรงนี้ก็เลยแวะมาเยี่ยมเยือนเจ้า มาดูพระภูมิเป็นสิ่งอัศจรรย์ที่ฟ้าดินสักนิด ไม่ว่าใครก็ตามล้วนแต่คู่ควรมาดูสักหนึ่งครั้ง”
“ท่านปรมาจารย์ดูเกินความจำเป็นแล้ว เราเพียงแต่ได้รับการดูแลใส่ใจอย่างยอดเยี่ยมจากสรวงสวรรค์แค่นั้น ข่าวซุบซิบทั้งหมดไม่คู่ควรจะเอ๋ยถึง” เหล่ามอส่ายศีรษะเบาๆ
หลี่ชิเย่หัวเราะรวมทั้งพูดว่า “สรวงสวรรค์มิจฉาชีพไม่เคยดูแลเอาอกเอาใจใสคนใดอยู่แล้ว แม้กระทั่งเขาคิดต้องการจะเอาใจใส่ดูแลก็ทำไม่ได้ ซึ่งสามารถทำเป็นแบบนี้โน่นเป็นเนื่องจากว่าตัวเจ้าเองแค่นั้น เป็นพระภูมิสมดุลกับฟ้าดิน โดยเหตุนั้น เจ้าก็เลยสามารถมีชีวิตอยู่ได้แบบนี้”
“ประเด็นนี้ก็เป็นเนื่องจากว่าได้รับความเอ็ดมองจากเหล่ากษัตริย์” เหล่ามอกล่าวอ่อนน้อมถ่อมตัวว่า “เหล่ากษัตริย์เคยชี้นำต่อข้ามากมายอย่างยิ่ง พระราชาเทวดาควรครึ้มน กษัตริย์ซื่อตี้ กษัตริย์เชอะตี้ที่เป็นเหล่าจอมกษัตริย์เซียนหวัง ฯลฯ ล้วนแต่เคยแนะนำความลึกล้ำแปลกประหลาดของความจริงให้กับเรา”
“คำบอกเล่าแบบนี้ของเจ้าดูเหมือนนอบน้อมถ่อมตนเยอะเกินไปแล้วหละ” หลี่ชิเย่หัวเระขึ้นมา สั่นศีรษะและก็บอกว่า “แทนที่จะพูดว่าพวกเขาแนะนำเจ้า มิสู้พูดว่าเป็นพวกเขาที่อยากได้สอดส่องให้ได้มาซึ่งความลึกล้ำแปลกประหลาดของฟ้าดินบนตัวของเจ้า จักรพรรดิบรรพกาลสอดส่องให้ได้มาซึ่งความสมดุลของฟ้าดิน เสียดาย ทุกคนล้วนแต่ไม่อาจจะทำเป็น มีเพียงแต่เจ้าเพียงแค่นั้นที่ทำเป็นเพียงเท่านั้น”
“บรรดาเหล่ากษัตริย์เคยทดสอบมาแล้ว บางครั้งในอนาคตบางทีอาจทำเป็นเสร็จก็ไม่แน่”
หลี่ชิเย่สั่นหัว รวมทั้งบอกว่า “ยาก จอมกษัตริย์เซียนหวังของสิบสามทวีป พระราชาเซียนจากเก้าดินแดน มีคนไหนบ้างหละที่ไม่อยากให้ตนเองล้ำไปอีกขั้น? แล้วมีผู้ใดกันที่ไม่อยากป่ายปีนขึ้นไปยังจุดสุดยอดของโลกนี้? เราก็ดีแล้ว เหล่ากษัตริย์ก็ตาม ก้าวเดินมาถึงวันนี้ล้วนแต่สู้กับฟ้าดิน สู้กับตนเอง ในโลกนี้มีสิ่งใดที่ทำเพื่อไม่ฉกชิงไม่ชิงดีชิงเด่นเล่า? ในความหมายของจอมกษัตริย์บางบุคคลคำว่าไม่ชิงดีชิงเด่น เรื่องจริงก็คือถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เพื่อสามารถกระโจนได้ไกลกว่าเดิมเพียงแค่นั้น”
“แต่ เจ้ากลับสามารถทำเป็นแล้ว” หลี่ชิเย่มองเหล่ามอ ยิ้มซีดๆแล้วก็บอกว่า “ความเป็นต่อหรือเสียเปรียบของความจริง เมื่อไรที่อยู่ในระดับสมดุล ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถที่จะเป็นอมตะก็ห่างไม่ไกลกันนัก มิได้เทียบต่อฟ้าดิน ไม่เสียเปรียบต่อตัวเอง นี่แหละเป็นจุดสมดุลระหว่างจอมกษัตริย์แล้วก็ฟ้าดิน บอกให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแต่ปุถุชนคนธรรมดาปกติ แม้ว่าร่างกายของเขามิได้เปรียบเทียบเสียเปรียบก็สามารถอายุยืนเป็นร้อยปี การที่เจ้าสมดุลอยู่ท่ามกลางฟ้าดินที่นี้ ไม่เพียงแค่ทำให้เจ้าอายุยืนเพียงแค่นั้น นอกเหนือจากนี้ยังมีผลให้เจ้าเดินเหินบนโลกนี้ได้โดยที่สรวงสวรรค์ลงโทษไม่สอบถามหา”
“จอมกษัตริย์เซียนหวังปริมาณมากแค่ไหนที่หิวชีวิตความเป็นอมตะมากมายอย่างมาก รวมทั้งหิวหวังว่าจะผิดสรวงสวรรค์ลงโทษอย่างยิ่ง แต่ถ้าว่า มีใครกันแน่บ้างที่ทำเป็นเสร็จกันเล่า?” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆว่า “เจ้าคนหนึ่งหละ อีกหนึ่งก็คือมู่จั๋ว เพียงแต่ว่าเขาก้าวเดินได้สุดๆมากกว่า ทำเอาจนถึงสรวงสวรรค์ละเลยผีเกลียดชัง ผู้ใดกันแน่ก็เกลียดชัง แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ขโมยเองก็เกลียดชัง เขาคิดจะตายก็ตายมิได้”
“ความจริงของเพื่อนมู่จั๋วน่าเลื่อมใสยิ่งนัก” เมื่อมีการพูดถึงกษัตริย์เซียนเก้าดินแดนอีกผู้ที่สรวงสวรรค์ลงโทษไม่สอบถามหาทั้งคิดจะตายก็ตายไม่เป็นผลสำเร็จ เหล่ามอเองก็กล่าวด้วยความยำเกรงเลื่อมใสว่า “คราวนั้นเคยเจอกับเพื่อนมู่จั๋ว เมื่อมีการเอ๋ยถึงเรื่องของความจริง ได้แม้กระนั้นกล่าวว่า ความจริงของเพื่อนมู่จั่วไกลห่างรวมทั้งสูงอย่างมาก หาใช่รุ่นพวกเราสามารถเทียบได้”
หลี่ชิเย่ส่ายหัวรวมทั้งยิ้มบอกว่า “จริงอยู่ที่สรวงสวรรค์ไม่ลงโทษต่อมู่จั่ว ด้านความจริงของเขาก็ถือว่าก้าวเดินไปได้ไกลมากจริงๆไม่มีผู้ใดสามารถเปรียบเทียบได้อีกแล้ว แม้กระนั้น เขาน่ะรอคอยความตาย แต่ว่าเจ้ามีชีวิตอยู่ นี่แหละเป็นสิ่งที่แตกต่าง อีกอย่าง ในด้านความจริงของเจ้าเองก็ไม่คนใดกันแน่เปรียบเทียบได้เช่นเดียวกัน มีจอมพระราชาเซียนหวังปริมาณเยอะแค่ไหนที่อยากเอาอย่าง กลับทำไม่เสร็จกันเล่า”
“บอกได้แต่เพียงเราปราศจากความมักใหญ่ใฝ่สูง พึงพอใจแล้วกับชีวิตนี้” เหล่ามอกล่าวพร้อมทั้งแอบแฝงด้วยรอยยิ้มว่า “เหมือนกับท่านปรมาจารย์ กษัตริย์เทวดาควรดกน พระราชาซื่อตี้ล้วนแต่เป็นผู้มีความทะยานอยากสูง ตกทอดชะตาฟ้าสิบสองสาย ตกทอดพลังหมื่นสมัย ก้าวขึ้นจุดสุดยอดชั่วกัลปวสาน ประณิธานที่ยิ่งใหญ่แบบนี้เราไม่บางทีอาจเปรียบเทียบได้”
“มีผลกำไรย่อมมีขาดทุน” หลี่ชิเย่ได้แต่ว่าถอนใจออกมาเบาๆแล้วก็พูดว่า “ตกทอดชะตาฟ้าสิบสองสาย ตกทอดพลังหมื่นสมัย สามารถทำให้ก้าวขึ้นจุดสุดยอดชั่วนิจนิรันดร์ได้จริง แต่ตนเองเป็นต่อ ฟ้าดินเสียเปรียบ สรวงสวรรค์ลงโทษลอยอยู่เหนือหัว ยากจะมีชีวิตเป็นอมตะ ก็นับเกิดเรื่องมีเหตุผล”
meenovel.com/novel/emperors-domination/
“สามารถก้าวเดินมาจนกระทั่งวันนี้ได้นับว่าเป็นความมีโชคของเราแล้ว” เหล่ามอเฉยชาเป็นอย่างมาก กล่าวรวมทั้งหัวเราะขึ้นมา
“โลกนี้ไหนเลยมีความมีโชคอะไรแบบงี้” หลี่ชิเย่ส่ายหน้ารวมทั้งยิ้มบอกว่า “ก้าวเดินไปครั้งละก้าว ตกทอดชะตาฟ้า เจ้าเอื้อเฟื้อมากกว่าคนอื่นๆ วิถีทางที่มีความทุกข์ยากยากลำบาก หาใช่บุคคลภายนอกสามารถรับทราบได้ บนโลกต่างเห็นเกียรติศักดิ์ที่จอมพระราชาเซียนหวังได้รับ มีผู้ใดกันบ้างที่รับทราบว่าแลกเปลี่ยนมาด้วยความตรากตรำกันเล่า”
“ผู้คนบนโลกนี้ก็มิได้รับทราบถึงผลงานยิ่งใหญ่ตลอดกาลของท่านปรมาจารย์“ เหล่ามอพูดว่า “ แต่ว่าท่านปรมาจารย์มอบให้เฉยๆยังคงเฝ้าคุ้มครองปกป้องโลกนี้เอาไว้”
“ไม่” หลี่ชิเย่สั่นหน้ารวมทั้งยิ้มพูดว่า “การเฝ้าคุ้มครองโลกใบนี้ควรเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของบรรดาจอมพระราชาเซียนหวังตัวอย่างเช่นพวกเจ้า”
เหล่ามอมิได้รู้สึกเหนือความคาดหมาย และก็เผยยิ่ง เอ่ยขึ้นช้าๆว่า “ไม่เคยรู้ว่าท่านปรมาจารย์ต้องการที่จะให้เราทำอะไร? ขอเพียงแต่มีสิ่งที่เราสามารถทำเป็น เราจะอาศัยกำลังที่มีอยู่เพียงแต่น้อยนิดช่วยเหลืออย่างเต็มเปี่ยม ถึงแม้เรากับท่านปรมาจารย์จะคนละเชื้อสาย แต่ว่าความประพฤติของท่านปรมาจารย์ ควรที่เราจะให้ความให้การช่วยเหลืออีกแรง”
“ก็ไม่มีอะไรมากมาย” หลี่ชิเย่กล่าวเพิกเฉยว่า “เหมือนดั่งที่เราได้กล่าวไปเมื่อครู่ จุดติดเจ้า ซึ่งไม่ใช่เป็นคำบอกเล่าที่หยอกทั้งปวงเสียรู้เดียว แน่ๆที่สุด หาใช่เป็นเราที่มาจุดติดเจ้า และไม่ใช่ขณะนี้ เพียงแค่หวังว่าจะมีวันนั้น วันที่เจ้าจะเตือนโลกนี้ให้ตื่น”
“เรารู้เรื่อง ท่านปรมาจารย์ยังคงมีความปรารถนาดีในใจอยู่” เหล่ามอกล่าว
“ไม่ถึงกับขนาดประสงค์ดี ก็แค่ทำในสิ่งที่พึงกระทำเพียงเท่านั้น เรื่องง่ายๆเพียงแค่นั้น” หลี่ชิเย่เรียบเฉยเมยมากมาย รวมทั้งพูดว่า “เรามั่นใจว่า สิ่งที่ควรจะมาเช่นไรเสียก็จำเป็นต้องมา แต่ ยามที่ความมืดมนปกคลุมไปทั่วหล้า เจ้ามีความคิดว่ามีคนใดบ้างที่ยอมกระทำตัวล่มจม คนไหนกันแน่บ้างสุดที่รักษาไว้อย่างมุ่งมั่น?” คำบอกเล่าของหลี่ชิเย่ทำให้เหล่ามอนิ่งเงียบขึ้นมา ท้ายที่สุด เขาได้แม้กระนั้นเอ่ยขึ้นช้าๆว่า “ข้ามีอาการที่อ่อนด้อย ไม่อาจจะศึกษาเล่าเรียนถึงสายตาอันยาวไกลของเหล่าพระราชาทั้งหลายแหล่ ความคิดเห็นเรื่องสร้างฐานรากให้กับโลกหาใช่คนอย่างเราที่มีความสามารถเขินจะมีได้”
เหล่ามอกล่าวออกมาด้วยความระแวดระวังอย่างที่สุด ในฐานะที่เขาเป็นถึงระดับจอมพระราชาเซียนหวังเช่นเดียวกัน ไม่กล้าตัดสินอะไรง่ายมากนัก เพราะคำกล่าวเพียงแต่คำเดียวของเขาบางทีอาจมีผลถึงกิตติศัพท์ของจอมพระราชาเซียนหวังแต่ละองค์ จนกระทั่งมีผลถึงความเป็นความตายของจอมกษัตริย์เซียนหวังแต่ละองค์อีกด้วย ฉะนั้น เขาก็เลยระวังคำพุด ไม่กล้าพูดออกไปง่ายสุดๆ
“ประเด็นนี้เราไม่โทษเจ้า” หลี่ชิเย่เพียงแค่ยิ้มหน่อยนึง สิ่งนี้อยู่ในความคาดการณ์อยู่แล้ว แล้วก็บอกว่า “ในสิบสามทวีปนี้ ไม่ว่าใครก็มีความน่าจะเป็นไปได้ที่จะกระทำตัวย่ำแย่ แม้กระนั้น เรามั่นใจว่ามีคนผู้หนึ่งซึ่งสามารถถือมั่นได้อย่างไม่ต้องสงสัย สามารถรักษาจิตที่การบำเพ็ญบากบั่นของตนเองเอาไว้อย่างถาวรแน่ๆ คนๆนี้ก็คือเจ้า!”
“ขอบคุณมากยิ่งที่ท่านปรมาจารย์ให้เกียรติ” เหล่ามอรีบเอ่ยขึ้น
“นี่หาใช่เป็นการให้เกียรติ” หลี่ชิเย่ส่ายศีรษะเบาๆและก็ยิ้มพูดว่า “ที่ถูกควรจะพูดว่ามันเป็นยันต์มรณะ เจ้ารู้เรื่องไหมที่เรากล่าวออกมาแบบนี้แทบพอๆกับส่งเจ้าขึ้นสู่ทางมรณะเลยจ๊า”
เหล่ามอนิ่งเงียบเดี๋ยวเดียว แล้วบอกว่า “ถ้าเกิดเพื่อโลกนี้ ความตายของเราสามารถตายได้สมความต้องการแล้วก็บันเทิงใจได้ ใยจำเป็นต้องกลัวต่อความตายเล่า?”
“เรามั่นใจว่าเจ้าจำเป็นจะต้องก้าวเดินออกมาแน่ๆ” หลี่ชิเย่ผงกศีรษะรวมทั้งพูดว่า “จอมกษัตริย์เซียนหวังอื่นๆเราไม่ชัดแจ้ง แม้กระนั้นเรามั่นใจว่าเจ้าทำเป็น และก็มั่นใจว่าเจ้าสามารถรักษาเอาไว้ได้อย่างถาวร และก็นี่เป็นเหตุผลว่าเพราะอะไรเราถึงได้มาหาเจ้า”
“ความถนัดเราอ่อนด้อย ถ้าหากมีวันนั้นจริงในอนาคตก็ไม่อาจจะกลับเหตุการณ์ของโลกได้” เหล่ามอพูดว่า “ในโลกนี้ คนที่สามารถกลับเหตุการณ์ได้ก็ควรจะเป็นจอมพระราชาเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย”
“เรื่องราวบนโลกนี้ผู้ใดสามารถเจาะจงได้แน่ๆ” หลี่ชิเย่กล่าวเพิกเฉยว่า “การมีความสามารถเข้มแข็งก็ไม่แน่ว่าสามารถเป็นผู้แทนเพื่อความสำราญของโลกนี้ได้เสมอ บางครั้ง วันใดวันหนึ่งคนที่ยืนอยู่บนจุดสุดยอดไม่เป็นภัยต่อโลกใบนี้ ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่สุดยอดมากมายแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่ายินดีรักษาเอาไว้อย่างถาวรหรือเปล่า ยินดีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้กับมดปลวกบนโลกนี้หรือเปล่าคงจะบอกยากหรอกนะ”
“เรามั่นใจว่าจะต้องมีจอมกษัตริย์เซียนหวัง ที่ยินดีก้าวเดินออกมา มีจอมพระราชาเซียนหวังที่ยินดีเฝ้าคุ้มครองแน่ๆ” เหล่ามอเอ่ยขึ้นมาช้าๆ“อาทิเช่นกษัตริย์ซื่อตี้”
“ตาแก่เฉี่ยนน่ะหรือ” หลี่ชิเย่หัวเราะ รวมทั้งพูดว่า “เราเป็นศัตรูกับเขามาตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกยุคทุกสมัย เราไม่มีเจตนาจะไปมีค่าเพียงน้อยนิดในตัวเขา เกรงว่าเมื่อมีวันนั้นจริงๆบางครั้งตัวเขาก็ไม่มั่นใจในตัวเองแบบเดียวกัน”