จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1995 เผชิญเถาถิงอีกแล้ว
จักรพรรดิบรรพกาล Emperor’s Domination – บทที่ 1995
เมื่อหลี่ชิเย่เดินทางมาถึงภายนอกของสถาบันศึกษาเล่าเรียนทวยเทพเทวดา ช่วงเวลาการรายงานตัวของนิสิตในภาคการศึกษาใหม่ก็ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว รอบๆข้างนอกประตูมองซึมเซาลงไปๆมาๆกทีเดียว
หลี่ชิเย่ถึงกับถอนใจออกมา ขณะดูไปที่สถาบันเรียนรู้เทวดาจากระยะห่างไกล ผู้คนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาและก็ผ่านไป คนที่ดีเลิศแต่ละรุ่นจากไป ปรากฏบริเวณใบหน้าที่อ่อนวัยไม่รู้จักแต่ละดวงหน้าเข้ามาแทนที่ ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนอย่างใดก็ตาม สถาบันเรียนทวยเทพเทวดายังคงยืนหยัดไม่มีล้มลง
ถ้าวันใดวันหนึ่งสถาบันเล่าเรียนเทพเทวดากำเนิดล้มลงจริงๆเมื่อเป็นแบบนั้นร้อยเผ่าพันธุ์ก็จะเป็นอันตราย ในอนาคตร้อยเผ่าพันธุ์บางทีอาจโยกไปๆมาๆรวมทั้งมีความน่าจะเป็นไปได้ที่จะล้มลง
ใช่ว่าสถาบันเล่าเรียนทวยเทพเทวดาเป็นรากฐานของร้อยเชื้อชาติ แต่ ถ้าร้อยเชื้อสายจำต้องสูญเสียสถาบันเรียนรู้ทวยเทพไป เกรงว่าจะเป็นการสูญเสียพลังที่เปี่ยมด้วยความสดชื่น ขาดความสารภาพโน่นไป
สถาบันเล่าเรียนทวยเทพมีไม่เหมือนกันจากทุกๆสำนัก ทุกๆสำนักใต้หล้าล้วนแต่มีด้านที่แออัดของตัวเอง ในตอนที่สถาบันศึกษาเล่าเรียนเทวดากลับตรงกันข้าม มันสารภาพทั่วทุกหัวระแหง รับสมัครผู้รู้จากร้อยเผ่าพันธุ์
พูดได้ว่า นิสิตที่เรียนจบจากสถาบันเรียนเทวดาสักคนหนึ่ง มองไม่เห็นว่าความถนัดยุทธของพวกเขาจะรุ่งโรจน์ไปได้มากมายสักเยอะแค่ไหน แต่ว่าประสบการณ์ของพวกเขา แล้วก็การทำงานด้วยกันระหว่างร้อยเชื้อสายที่แน่นเฟ้นซึ่งกันและกัน มีการขยายตัวได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
สถาบันเรียนรู้ทวยเทพไม่เพียงแค่บ่มเพาะอัจฉริยะบุคคลขึ้นมาตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกยุคทุกสมัยแค่นั้น ยังได้เป็นตัวเชื่อมโยงให้กับร้อยเชื้อสายในแต่ละช่วง ให้ฝูงชนแบบใหม่ของร้อยเผ่าพันธุ์ได้มีพื้นที่ที่กว้างมากขึ้น มอบความเป็นไปได้ด้านการพบปะซึ่งกันและกัน แล้วก็ความเป็นเพื่อนภาพให้ร้อยเชื้อชาติได้มากเพิ่มขึ้น
โดยเหตุนั้น พูดได้ว่าในทวีปเจียวเหิงโจวไม่มีสำนักอย่างจวนกู่ได้ ไม่มีสำนักอย่างเขาไผ่แปลกได้ แม้กระนั้นไม่มีสถาบันเรียนรู้ทวยเทพมิได้
ไม่มีสำนักจวนกู่ที่เป็นเยี่ยมสำนักเจ็ดกษัตริย์ได้ ยังมีสายสำนักพระราชาเซียนอื่นๆขึ้นตอบแทนได้ในวันหลัง แม้กระนั้นถ้าเกิดไม่มีสถาบันเรียนเทพเทวดาไปแล้ว จะไม่อาจจะผลิตขึ้นมาได้ใหม่อีกต่อไป
เพราะโลกนี้ไม่มีพระราชาเซียนเฟยผู้ที่สอง และไม่มีพระราชาเทวดาต้องดกนผู้ที่สอง ถ้าหากจะว่ากันไปในระดับหนึ่ง สถาบันเรียนรู้ทวยเทพเทวดาไม่เพียงแค่เป็นอย่างยิ่งกายหัวใจของกษัตริย์เซียนเฟยแค่นั้น ยังสำเร็จงานดีของกษัตริย์เทวดาต้องดกนอีกด้วย
มองพื้นที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งของตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่อดที่จะถอนใจออกมา สถาบันเรียนทวยเทพเคยรองรับอัจฉริยะบุคคลจำนวนนับไม่ถ้วน กษัตริย์เซียนของเก้าดินแดนหลายชิ้นล้วนแต่เคยสอนอยู่ที่ตรงนี้ ในสมัยก่อนก่อนหน้าที่ผ่านมาตัวเขาเองก็เคยสอนอยู่ตรงนี้มาก่อน
ก็แค่เขาไม่เสมือนดังเช่นว่าพระราชาเซียนเฟยหยาง กษัตริย์เซียนเฮ่าไห่ที่สร้างชื่อทิ้งไว้ เขายังคงเป็นกาตัวนั้น ยังคงยังคงอยู่ในฐานะผู้อยู่เบื้องหลัง ด้วยเหตุดังกล่าว ถึงแม้เคยหรูหราไม่มีผู้ประมือแต่ละคนที่สอนโดยเขา แม้กระนั้นไม่เคยมีคำบอกเล่าหรือจารึกอะไรก็แล้วแต่และไม่ได้ทิ้งชื่อของเขาเอาไว้
เวลาผ่านไปรวดเร็วทันใจ ที่จำเป็นต้องจากไปเช่นไรเสียก็จำเป็นต้องจากไป ดังพระราชาเซียนหมิงเหริน หรือหลิ่วเต้าเหรินหวัง ไม่ว่าเจ้าจะยังอยู่ในฐานะไม่มีผู้ประมือเท่าใด อาจจะมีวันในช่วงเวลาที่จะต้องจากไปวันใดวันหนึ่ง แต่ว่าสถาบันเรียนทวยเทพเทวดายังคงอยู่ ยังคงเปี่ยมด้วยความสดชื่น
หลี่ชิเย่ ยังไม่ทันถึงประตู มองความงดงามของพื้นที่ที่ตั้งสถาบันเล่าเรียนเทพเทวดาจากระยะห่างไกล แล้วก็ทำเก็บภาพพื้นที่ที่นี้ทั้งหมดทั้งปวงเอาไว้ อดที่จะนึกถึงคนบางบุคคลรวมทั้งเรื่องราวบางเรื่อง
ด้านในสถาบันเล่าเรียนเทวดาเคยมีบริเวณใบหน้าที่อ่อนวัยแต่ละรูปหน้าที่แวะเวียนเข้ามา ท้ายที่สุดกลับออกไปเปลี่ยนเป็นคนดังทั่วหล้าไม่มีผู้ประมือ มาวันนี้ยามที่เขาได้กลับมา สถาบันเรียนเทวดายังคงอยู่ แม้กระนั้นคนกลุ่มนี้ไม่อยู่เสียแล้ว
จังหวะที่หลี่ชิเย่มาถึงนั้น ได้มีนักเล่าเรียนบางบุคคลที่มีท่วงท่ารีบเร่ง นิสิตพวกนี้ล้วนแต่รีบร้อนกลับเข้าโรงเรียน บรรดานิสิตที่กลับมายามนี้ส่วนมากจะเป็นคนที่มีชาติสกุลออกจะปกติ
เนื่องจากว่านิสิตที่มีชาติตระกูลจากสำนักพระราชาเซียน หรือแค้วนเจ้าลัทธิล้วนแต่สามารถกลับเข้าโรงเรียนได้ทัน ด้วยเหตุว่าพวกเขามีเงินทองทรัพย์สินมากมายก่ายกอง สามารถผ่านประตูมิติส่งตัวพวกเขามา ก้าวผ่านฟ้าดินที่ห่างไกล ทำให้พวกเขามีเวลากลับถึงโรงเรียนได้อย่างเกินพอ แล้วก็สามารถกับเพื่อนฝูงเด็กนักเรียนได้อย่างดีเยี่ยม
สำหรับผู้บำเพ็ญตนคนที่มีชาติสกุลมาจากสำนักขนาดเล็ก หรือมาจากชนชั้นรากต้นหญ้าจะไม่ง่ายขนาดนี้ ในตอนที่โรงเรียนปิดภาคเรียน ถ้าเกิดพวกเขาไม่ไปฝึกหัดหาประสบการณ์ก็จะกลับไปอยู่ที่บ้านไปเยี่ยมพี่น้อง มีจำนวนมากที่จะต้องอาศัยการเดินหรือการเหิน รวมทั้งหรืออาจจะสะสมเงินลงทุนได้ในระดับหนึ่งก็จะอาศัยประตูมิติก้าวผ่านพื้นที่ไปยังจุดมุ่งหมาย ด้วยเหตุนั้น ยามที่นิสิตพวกนี้กลับมาถ้าหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นกลางทางเพียงนิดหน่อย ก็จะก่อให้กลับมาถึงภายหลังที่หมดพิธีกรรมเปิดเทอมไปแล้ว
ด้วยเหตุดังกล่าว ช่วงเวลาที่หลี่ชิเย่จ้องดูไปที่สถาบันเล่าเรียนทวยเทพเทวดาจากระยะห่างไกล บรรดานิสิตที่เดินทางด้วยความเร่งรีบก็มิได้ไปจ้องมองหลี่ชิเย่เท่าไรนัก จะยังไงเสีย ใบหน้าของหลี่ชิเย่ก็มิได้มีความสะดุดตา ค่อนข้างจะมองปกติอย่างมาก อีกอย่าง นิสิตกลุ่มนี้รีบร้อนกลับเข้าไปยังโรงเรียน ไม่ว่างไปสนใจต่อหลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงแค่คนที่ไม่รู้จักคนหนึ่งแค่นั้น
meenovel.com/novel/emperors-domination/
ท้ายที่สุด หลี่ชิเย่ได้ละสายตากลับมา จักรพรรดิบรรพกาลก้าวเดินตรงไปยังสถาบันเรียนรู้ทวยเทพช้าๆ
พี่หลี่…จังหวะที่หลี่ชิเย่ก้าวเดินไปยังสถาบันเรียนทวยเทพช้าๆนั้น ปรากฏเสียงดังขึ้นมาจากข้างหลัง ในตอนนี้ สตรีคนหนึ่งก้าวตามเข้ามาอย่างรีบเร่ง
เป็นสตรีที่มีความสวยสดงดงามน่าประทับใจ นางเป็นเถาถิงที่หมู่บ้านเถานั่นเอง ในขณะที่นางติดตามหลี่ชิเย่จนกระทั่งทันนั้น บริเวณใบหน้าทรงกลมรีรูปไข่ของนางแดงอ่อน ดูอย่างกับว่าหอบน้อย ทรวงอกที่ยกชันกระเพื่อมขึ้นลงไม่อยู่นิ่ง
หลี่ชิเย่หยุดอยู่กับกลุ่มองดูนางและก็ยิ้มซีดๆหน่อยเดียว
“พี่หลี่ เราได้เจอกันอีกแล้ว” เถาถิงเองรู้สึกเหนือความคาดหมายเป็นอย่างมากกับการเจอกับหลี่ชิเย่ ถึงกับมีความสะดุ้งผสมกับยินดีอยู่สามส่วน
นางไม่นึกว่าจะได้เจอกับหลี่ชิเย่ที่ตรงนี้ นับจากจากกันที่หมู่บ้านเถาแล้ว นางรู้เรื่องว่าอาจมิได้เผชิญกับหลี่ชิเย่อีกแล้ว
“ชีวิตมนุษย์ได้โอกาสเจอกันได้ทุกแห่ง” หลี่ชิเย่ยิ้มเพิกเฉย กล่าวด้วยทีท่าเอ้อระเหยว่า “ขอเพียงแต่มีบุญบารมี จะต้องได้เจอกันอยู่แล้ว”
ไม่ว่าจะบอกแม้กระนั้น การที่เถาถิงสามารถพบเจอหลี่ชิเย่อีกครั้ง ยังคงมีความตระหนกตกใจผสมกับความรู้สึกชื่นชมอยู่สามส่วน ถึงแม้นางจะมีความหวาดระแวงต่อหลี่ชิเย่ขณะที่อยู่ที่หมู่บ้านเถา แม้กระนั้นลึกๆในใจกลับมีความรู้สึกที่อบอุ่นวางใจอย่างบอกผิดเสมอ เป็นความรู้สึกที่บอกผิดอย่างสิ้นเชิง สรุปก็คือความรู้สึกที่หลี่ชิเย่มีให้กับนางก็เหมือนราวกับเป็นคนครอบครัวเดียวกันแบบงั้น
เถาถิงเพ่งมองมองหลี่ชิเย่ด้วยสะดุ้งผสมกับความปิติยินดีอยู่สามส่วน การที่ได้เจอกับหลี่ชิเย่ข้างหน้าของสถาบันศึกษาเล่าเรียนเทวดา ยิ่งทำให้นางรู้เรื่องว่าหลี่ชิเย่เป็นนิสิตของสถาบันเล่าเรียนเทวดา แล้วก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ที่จริงพี่หลี่ก็เป็นนิสิตของสถาบันศึกษาเล่าเรียนเทพเทวดานะเนี่ย น้องเป็นนิสิตชั้นศตาติดอยู่ร ไม่เคยทราบว่ารุ่นพี่อยู่ชั้นไหนรึ?”
ถ้าว่ากันด้วยเรื่องของความสามารถพิเศษ ความสามารถพิเศษของเถาถิงถือว่าอยู่ระดับต้นๆของโลกปุถุชนคนธรรมดา ถ้าว่าสถาบันเรียนทวยเทพเทวดาเป็นสถานที่ที่เป็นศูนย์รวมอัจฉริยะบุคคลของร้อยเผ่าพันธุ์ ฉะนั้น ความสามารถพิเศษระดับเถาถิง ก็เลยมิได้เด่นในสถาบันเล่าเรียนทวยเทพเทวดา บอกได้เพียงแค่ไม่เลวนัก
ในสถาบันเรียนรู้เทวดา ชั้นเรียนระดับมหาบุรุษทุกคนเลิกฝันถึงได้เลย ส่วนระดับจวนกษัตริย์ถ้าเกิดจะเข้าเรียนก็ยากยิ่งนัก กล่าวได้ว่าคนที่สามารถเข้าชั้นเรียนชั้นจวนกษัตริย์ได้ก็ควรเป็นอัจฉริยะบุคลที่มีพรสวรรค์เยี่ยมยอดที่สุดในยุคนี้ โดยบุคคลระดับอัจฉริยะแบบนี้พูดได้ว่าเป็นยอดเยี่ยมอัจฉริยะบุคคลในหล้า เช่นดังเช่นว่าเหรินเซิ่นก็เป็นผู้แทนที่แจ้งชัดที่สุด ส่วนเหมยซู่เหยาในรุ่นนี้ก็เป็นอีกหนึ่งแบบอย่าง
ชั้นเรียนระดับหอพักศักดิ์สิทธิ์ก็รับสมัครบุคคลภายนอกเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ก็แค่ลูกศิษย์ของหอพักศักดิ์สิทธิ์ก็มีความรู้และมีความเข้าใจสูงมากมาย รวมทั้งจะต้องเป็นนิสิตที่มีพรสวรรค์สูงมากมายก็เลยเข้าชั้นเรียนชั้นนี้ได้ เพราะฉะนั้น นิสิตจำนวนหลายชิ้นของชั้นหอพักศักดิ์สิทธิ์จะเป็นคนที่มีชาติตระกูลมาจากประเทศเจ้าลัทธิ จนถึงเป็นผู้สืบทอดของประเทศเจ้าลัทธิ
ชั้นเรียนศตาค้างรเป็นชั้นเรียนที่มีลักษณะแตกต่างกันผสมคละเคล้าแปเยอะที่สุด พูดได้ว่านิสิตที่เข้าห้องเรียนในชั้นเรียนมีมากมายมากมาย มีอีกทั้งนิสิตที่มาจากชนชั้นรากต้นหญ้า และก็มีนักเรียนรู้ที่มาจากสำนักเจ้าลัทธิ จนกระทั่งอาจมีนิสิตนิดหน่อยที่ตั้งใจปกปิดฐานะของตัวเอง
ทั้งยังชั้นเรียนศตาค้างรก็เป็นชั้นเรียนที่เข้าชั้นเรียนได้ง่ายที่สุด แม้อยากเข้าห้องเรียนในชั้นศตาคารมีอยู่ร่วมกันสองแนวทาง หนึ่งเป็นผ่านการตรวจสอบจากสถาบันเรียนรู้ทวยเทพเทวดา สองเป็นจ่ายหินขมุกขมัวตามปริมาณที่ระบุ
ราวกับชั้นเรียนจวนกษัตริย์ ชั้นเรียนหอพักศักดิ์สิทธิ์ ชั้นเรียนพวกนี้หาใช่มีเงินก็สามารถเข้าชั้นเรียนได้ ช่วงเวลาที่ชั้นเรียนศตาค้างเกลื่อนกลาดลับผิดแผกแตกต่าง ถึงแม้ว่าจะบุคคลนั้นห่วยแตกจนกระทั่งเสมือนดั่งกองสวะกองหนึ่ง ขอเพียงแต่สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนได้ตามที่มีการกำหนด ก็สามารถเข้ามาเป็นนิสิตในชั้นเรียนชั้นนี้ได้
ด้วยเหตุดังกล่าว ก็เลยเรียกได้ว่าชั้นเรียนศตาค้างรเป็นชั้นเรียนที่มีนักเรียนผิดแผกปะปนสูงที่สุด ในชั้นนี้จะมีนักเรียนรู้ที่หลากลายลักษณะ แม้จะบอกว่า นิสิตที่เสร็จจากจวนพระราชา รวมทั้งหอพักศักดิ์สิทธิ์สามารถเป็นคนที่มีความรู้และมีความเข้าใจได้แน่ๆ แบบนั้นแล้ว นิสิตที่เสร็จจากศตาติดอยู่รล่ะก็ไม่แน่ จนกระทั่งคนที่เสร็จจากศตาค้างรอาจเป็นเพียงแต่พวกไม่มีสมอง พวกเศษสวะคนหนึ่งแค่นั้น
บางบุคคลเป็นลูกหลานของคนมั่งมี อาศัยทรัพย์สินส่งเข้ามาชุบตัวที่ศตาติดอยู่ร หวังอาศัยความโด่งดังของสถาบันศึกษาเล่าเรียนทวยเทพเทวดา
แน่ๆ สิ่งกลุ่มนี้มิได้มีความหมายว่าชั้นเรียนศตาค้างรไม่มีจุดเด่นเอาเสียเลย ตรงกันข้าม นิสิตในชั้นเรียนศตาคารมีรูปทรงปริมาณร้อยละแปดสิบของนิสิตที่มีอยู่ในสถาบันเรียนเทวดาทั้งหมดทั้งปวง ทั้งยังในรอบพันล้านปีที่ล่วงเลยไป ชั้นเรียนศตาติดอยู่รได้ผลิตผู้รอบรู้ความรู้ความเข้าใจเยอะมากๆให้กับร้อยเชื้อสาย มียอดความสามารถหลายชิ้นในแต่ละช่วงล้วนแต่เสร็จมาจากชั้นเรียนศตาติดอยู่รทั้งมวล
ทั้งชั้นเรียนศตาค้างรก็เคยให้กำเนิดระดับจอมเทวดาที่สุดยอดมาก่อน ดังเช่นว่าเซียนหวังฉีหลิน ผู้จัดตั้งเครือญาติพระราชาฉีหลินก็เคยเป็นนิสิตของศตาติดอยู่ร ช่วงเวลาที่จอมเทวดาท่าสิงก็เคยเป็นนิสิตของศตาคารมาเหมือนกัน
อาจจะกล่าวว่า ศตาติดอยู่รเคยผลิตเจ้าหน้าที่ผู้รอบรู้ความรู้ความเข้าใจให้กับร้อยเชื้อชาติออกไปไม่น้อยเลยทีเดียว ระดับจอมเทวดาจำนวนหลายชิ้นก็เคยเรียนอยู่ที่ชั้นเรียนศตาคารมาก่อน
เถาถิงย่อมขาดเงินที่จะซื้อที่นั่งเข้ามาเรียน นางถูกเลือกสรรเข้ามาโดยคุณครูของชั้นเรียนศตาติดอยู่ร ในที่สุดสอบได้กระทั่งเข้ามาเป็นนิสิตของสถาบันเรียนทวยเทพ
กล่าวได้ว่า เถาถิงในฐานะที่เป็นเด็กหญิงที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆที่ห่างไกล การนางสามารถเข้าชั้นเรียนที่สถาบันเรียนรู้เทวดาได้ โน่นพอๆกับเปลี่ยนชะตากรรมของนางไปอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั้งแว่นแคว้นอันเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านเถาที่ห่างไกลความเจริญก้าวหน้าเมื่อรู้ข่าวสารว่าเถาถิงได้เข้ามาเป็นนิสิตของสถาบันเล่าเรียนทวยเทพเทวดาแล้ว กษัตริย์ผู้ครอบครองแว่นแคว้นที่นี้ยังจัดพิธีการใหญ่ให้การต้อนรับนางด้วยท่านเอง
หลี่ชิเย่ดูเถาถิงแวบหนึ่ง ยิ้มจางและก็พูดว่า “ความสามารถพิเศษเจ้าไม่จัดว่ายอมยอดเยี่ยมในหล้า แม้กระนั้นฐานรากถือว่ามั่นคง พื้นฐานเต๋าถือว่าดี ฝึกหัดเคล็ดลับเหล่าพระราชาได้ดิบได้ดีมากมาย อาศัยผลงานในวันนี้ของเจ้า สามารถเข้าห้องเรียนชั้นหอพักศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว”
การศึกษาเล่าเรียนในสถาบันเรียนทวยเทพเทวดา นิสิตใช่ว่าไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงชั้นเรียนได้ ดังเช่นว่าทีแรกที่เข้าห้องเรียนเป็นชั้นศตาติดอยู่ร ถ้าหากเจริญได้เร็ว ผลงานดี บุคคลผู้นั้นก็มีสิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นไปอยู่ชั้นหอพักศักดิ์สิทธิ์ได้ ในเวลาที่นิสิตของหอพักศักดิ์สิทธิ์ก็มีสิทธิ์เลื่อนขึ้นไปเรียนในชั้นเรียนจวนกษัตริย์ได้
“ขอบคุณมากพี่หลี่ที่ยกย่อง” เถาถิงที่สุภาพนุ่มนวลดุจหชูมิได้วางท่าเนื่องจากคำยกย่องนี้ นางมองสุภาพแล้วก็พูดว่า “เรายังจะต้องได้รับการขัดเกลา คุณครูท่านพูดว่า ภายหลังจบภาคการศึกษานี้แล้ว สามารถทดลองมองได้”
ควรรู้ดีว่า สำหรับเด็กหญิงคนหนึ่งที่มีชาติสกุลมาจากปุถุชนคนธรรมดาปกติที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านบ้านนอกแล้ว การเลื่อนชั้นจากศตาค้างรไปยังหอพักศักดิ์สิทธิ์เกิดเรื่องที่ไม่ง่ายสุดๆนัก สิ่งนี้พูดได้ว่าเป็นเกียรติการถือยศถือศักดิ์หนึ่ง เกิดเรื่องที่ชมเชยวงศ์สกุลอย่างหนึ่ง
ถ้าหากว่าเถาถิงได้เลื่อนชั้นขึ้นไปเป็นนิสิตชั้นหอพักศักดิ์สิทธิ์จริงหละก็ เกรงว่าประเทศซึ่งเป็นที่ตั้งหมู่บ้านเถาของพวกเขา กษัตริย์ผู้ครอบครองประเทศอาจจะจำต้องชวนให้เถาถิงไปครอบครองตำแหน่งราชครูของวงศ์สกุลนี้แล้วหละ
“เรื่องราวบนโลกนี้มักเลี่ยงมิได้” หลี่ชิเย่ที่ดูเถาถิงที่สุภาพนุ่มนวลราวกับหชูเบื้องหน้าถึงกับถอนใจออกมา บรรพบุรุษของพวกเขาเคยเคยต้องการจะให้บุตรหลานดำรงชีวิตปกติเช่นปุถุชนคนธรรมดาปกติคนหนึ่ง ตัดขาดจากบุญบารมีด้านการฝึกหัดบำเพ็ญพยายามทุกชาติไป แต่ว่าตอนท้ายแล้ว หมู่บ้านเล็กๆที่ห่างไกลความรุ่งโรจน์ลักษณะแบบนี้ของพวกเขายังคงมีเด็กสาวตัวน้อยๆแบบนี้ก้าวเดินบนทางของบรรพบุรุษจนได้ เพียงนางไม่เคยรู้หรอกว่าบรรพบุรุษของนางเคยทรงเกียรติตำแหน่งสูงศักดิ์มาก่อนเพียงแค่นั้น
ความหมายของพี่หลี่…เถาถิงไม่รู้เรื่องในความหมายของหลี่ชิเย่ ก็เลยเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความข้องใจ
“ไม่มีอะไร” หลี่ชิเย่เพียงแค่ยิ้มๆกล่าวขึ้นช้าๆว่า “วิถีทางอันยาวไกล ก้าวเดินไปบำรุงกันไป ซึ่งก็คือบุญบารมีอย่างหนึ่งมัง”