จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2594
ตอนที่ 2594 หักพุทธหัตถ์
ทุกคนต่างจ้องมองมือทั้งสองที่บดขยี้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างจนเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น มีผู้คนจำนวนเท่าไรที่สามารถรองรับกับการบดขยี้ทำลายของฝ่ามือสองข้างนี้ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองตากันและกัน แม้แต่ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ เกรงว่าแม้แต้สำนักของพวกเขาก็ต้องหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว เมื่อฝ่ามือลักษณะเช่นนี้ที่บดขยี้ลงมา
“ถูกบดขยี้จนแหลกเหลวไปแล้วรึ?” ทุกคนต่างคิดจะมองเข้าไปด้านใน ต้องการดูว่าใช่ว่าหลี่ชิเย่ถูกบดขยี้จนแหลกเหลวไปแล้ว
ตูม ตูม ตูมในขณะที่ทุกคนล้วนแล้วแต่อดที่จะสงสัยไม่ได้นั้น ปรากฏเสียงดังตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก เมื่อทุกคนมองไปเห็นเพียงฝ่ามือสองข้างที่ประกบเข้าหาถูกดันให้เปิดออกอย่างช้าๆ
“ดูนั่น อยู่ข้างใน” มีผู้ที่ตาแหลมพลันมองเห็นหลี่ชิเย่แล้ว และร้องเสียงดังขึ้นมา
ทุกคนเบิ่งตามองออกไป เห็นมือทั้งสองของหลี่ชิเย่ที่ดันออก ค่อยๆ ดันเอาพุทธหัตถ์ที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารให้แยกออก ขณะที่เขาค่อยๆ ดันให้พุทธหัตถ์ค่อยๆ แยกออกนั้น ฟ้าดินล้วนแล้วแต่สั่นเทา
ตูม ตูม ตูมเสียงดังตูมตามดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ช่องว่างเกิดการกระเพื่อมไม่หยุด ทุกคนต่างรับรู้ได้ถึงการสั่นไหวที่รุนแรงยิ่งเป็นระลอกๆ ในพริบตาเดียวนั่นเอง ทุกคนรู้สึกว่าที่ถูกหลี่ชิเย่ดันให้แยกออกไม่ใช่พุทธหัตถ์สองข้างนี้ แต่เขาได้ดันเอาฟ้าดินแยกออกทั้งหมด
“อมิตาพุทธ” ในเวลานี้เสียงภาวนาดังขึ้นไม่หยุด ประกายพุทธะพวยพุ่ง พลังพุทธะไม่มีสิ้นสุดพลันรวมตัวกันอยู่บนฝ่ามือทั้งสองในชั่วพริบตา ท่ามกลางเสียงตูมตามดังตูม ตูม ตูมขึ้นมาเป็นระลอกไม่ขาดสาย พุทธหัตถ์ที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารพยายามหุบประกบเข้าหาอย่างเต็มที่ ต้องการจัดการกับหลี่ชิเย่ที่ดันเอาพุทธหัตถ์ให้แยกออกกลายเป็นร่างแหลกเหลวไป
“ต่อให้พระพุทธแท้จริงพวกเจ้ามาด้วยตนเอง ก็ต้องคุกเข่าต่อหน้าข้าเท่านั้น อย่าว่าแต่พระพุทธปลอมๆ เช่นพวกเจ้าเลย” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบเฉย และในพริบตาเดียวนี่เอง มือทั้งสองข้างของเขาได้เปล่งเป็นประกายขึ้นมา
ตูมเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พริบตาเดียวนั่นเอง มือคู่นั้นของหลี่ชิเย่พลันขยายใหญ่ขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัด ในพริบตาเดียวนั่นเองมือใหญ่คู่นี้สามารถคว้าจับฟ้าดิน หมื่นอาณาจักรล่มสลาย
ได้ยินเสียงดังตูมเสียงหนึ่ง พุทธหัตถ์ที่บดขยี้หลี่ชิเย่ถูกดันให้ง้างออกไปโดยสิ้นเชิง และการดันให้พุทธหัตถ์ทั้งสองให้แยกออกดูช่างง่ายดายอะไรอย่างนั้น เหมือนว่าแค่ผลักเบาๆ ก็ออกแล้ว โดยไม่ได้สิ้นเปลืองพลังอะไรเลย
ในเวลานี้เอง มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ได้ยกเอาพุทธหัตถ์คู่นี้ขึ้นมาอย่างง่ายดาย และในขณะที่มือขนาดใหญ่ของเขาได้ล็อคพุทธหัตถ์คู่นี้เอาไว้นั้น พุทธหัตถ์คู่นี้ไม่สามารถกระดิกตัวเคลื่อนไหวไปได้เลย
“แย่แล้ว” สิบวัชระอดรู้สึกผวาดผวาไม่ได้ หลังจากที่พวกเขาพบว่าพุทธหัตถ์ถูกหลี่ชิเย่ล็อคจับเอาไว้แล้ว ไม่สามารถสำแดง ‘คัมภีร์พุทธหัตถ์’ ได้อีก
“นี้หรือที่เรียกว่าพุทธหัตถ์? เอาไว้สำหรับผัดกับข้าวแบบนั้นรึ? ข้าจะหักเอากลับไปเพื่อแกล้มเหล้าบ้าง” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉยพลันมือใหญ่ทำการบิดทีหนึ่ง
เสียงแตกละเอียดคร๊ากกกดังขึ้น ทุกคนต่างเห็นกับตาตนเอง เมื่อมือทั้งคู่ของหลี่ชิเย่บิดทีหนึ่ง ถึงกับบิดเอาพุทธหัตถ์คู่นี้จนหักติดมือมาดื้อๆ
ทุกคนที่มองเห็นพุทธหัตถ์คู่ที่ถูกหลี่ชิเย่หักขาดออกจากกันดื้อๆ ถึงกับตาค้างและพูดอะไรไม่ออก เหมือนว่าพุทธหัตถ์ที่ปราศจากผู้ต่อกรคู่นี้เมื่อมาอยู่ในมือของหลี่ชิเย่แล้วก็คล้ายดั่งเป็นขนมแป้งทอดที่กรอบยิ่งนัก
“พุทธหัตถ์อร่อยมั้ย?” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “อร่อย” ขาดคำ ได้ยินเสียงคร๊ากกกดังขึ้น ได้หักนิ้วจนขาดมานิ้วหนึ่ง
“ไม่อร่อย” จากนั้นก็ได้หักนิ้วออกมาอีกนิ้วหนึ่ง หลังจากนั้นยิ้มทีหนึ่ง แล้วพูดขึ้นอีกว่า “อร่อย”
หลี่ชิเย่พูดคำว่า “อร่อย” คำหนึ่ง และคำว่า “ไม่อร่อย” คำหนึ่ง ได้ยินเสียงดัง “คร๊ากกก คร๊ากกก” ที่เป็นเสียงกระดูกแตกหักดังขึ้น นิ้วมือแต่ละนิ้วของพุทธหัตถ์ถูกหักจนขาดออกจากมือ
อ๊ากกกเสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้นมาทีละครั้งๆ มองเห็นศพแต่ละศพของสิบวัชระหล่นลงมาจากบนท้องฟ้า เลือดสาดกระจาย ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมอกเลือด พวกเขาสิบวัชระถูกหลี่ชิเย่จับหักร่างจนขาดไปทีละคนๆ ร่างที่แข็งกร้าวและพาลอย่างยิ่งของพวกเขาถูกหลี่ชิเย่จับหักไปอย่างง่ายดาย
ได้ยินเสียงปัง ปัง ปังดังขึ้น ศพแต่ละศพตกลงจากท้องฟ้าสูงกระแทกกับพื้นดินอย่างแรงจนกลายเป็นวุ้น เพียงชั่วพริบตาเดียว สิบวัชระถูกจับหักจนตายไปทีละคนๆ
มองเห็นสิบวัชระที่ตายไปทีละคนๆ ทุกคนต่างถูกทำให้หวั่นไหว ทุกคนต่างก็นึกไม่ถึง ภายในระยะเวลาอันสั้น สิบวัชระก็ต้องตายลงเช่นนี้
สิบวัชระนะเนี่ย ชั่วชีวิตเกรียงไกรไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ชั่วชีวิตปฏิบัติตัวอันธพาลและโหดร้าย ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า ภายในระยะเวลาอันสั้นก็ถึงคนอื่นหักร่างจนแหลก พวกเขาก็เหมือนดั่งเป็นขนมแป้งทอดถูกบิดหักจนตาย
สุดท้ายได้ยินเสียงดังปังเสียงหนึ่ง หลี่ชิเย่จัดการโยนพุทธหัตถ์ที่ถูกหักนิ้วไปแล้วลงพื้นไปตามอารมณ์ จากนั้นสัมผัสฝ่ามือขึ้นลง เหมือนกลัวว่าจะทำให้มือสองข้างสกปรกอย่างนั้น และกล่าวท่าทีเรียบเฉยว่า “นี่มันคัมภีร์พุทธหัตถ์อะไร ข้าว่าเรียกมันว่า ‘คัมภีร์แป้งทอด’ น่าจะเหมาะสมกว่า”
เมื่อได้ฟังคำของหลี่ชิเย่แล้ว ทุกคนต่างอดกลั้นลมหายใจเอาไว้ไม่ได้ ทุกคนล้วนแล้วแต่สั่นเทาทีหนึ่ง คนโหดอันดับหนึ่งสังหารสิบวัชระได้อย่างง่ายดาย ในเวลานี้ ไม่ว่าเขาจะพูดว่าอย่างไรก็ตาม ก็จะทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง นี่คือผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งยิ่ง
“สิบวัชระจบเกมแค่นี้เองแล้วรึ?” ผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสถึงกับร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง และพึมพำขึ้นมาว่า “สิบวัชระผาดโผนมาทั้งชาติ ไม่นึกเลยว่าจะถูกผู้เยาว์สังหารไปเช่นนี้”
“กำลังความสามารถเช่นนี้สามารถเทียบเคียงกับราชันแท้จริงต้วนยวี่ ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนได้อย่างแน่นอน” ระดับบรรพบุรุษรู้สึกเสียวสันหลังวาบ อดที่จะหวาดหวั่นพรั่นพรึงในใจไม่ได้
ทุกคนต่างรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง มองดูหลี่ชิเย่ที่จัดการสังหารสิบวัชระได้อย่างเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นนี้ ทุกคนอดที่จะรู้สึกเคารพยำเกรงไม่ได้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เห็นอยู่ตรงหน้า กำลังความสามารถเช่นนี้นับว่าอันธพาลและแข็งกร้าวมากเหลือเกิน ไม่ว่าจะไปถึงไหนก็สามารถเกรียงไกรไปทั่ว
แว้งค์ แว้งค์ แว้งค์ในเวลานี้เอง มองเห็นเรือรบลำที่เป็นยานแม่ทั้งสิบลำพลันเปล่งเป็นประกายขึ้นมา ประกายรวมตัวกันกลับกลายเป็นเหมือนสระน้ำขนาดใหญ่แต่ละแห่งที่มีน้ำใสแจ๋วกระเพื่อมเป็นวงเปล่งประกายออกมายามต้องแสงตะวัน
นาทีนี้เอง สระน้ำทั้งสิบแห่งที่เกิดจากการรวมตัวกันของประกายแสงปรากฏเป็นร่างเงาของวัชระทั้งสิบขึ้นมา
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วเนี่ย” ทุกคนต่างถูกทำให้ตกใจยิ่ง และจ้องมองไป เมื่อเห็นประกายจากเรือรบยานแม่ทั้งสิบที่รวมตัวกันจนกลายเป็นสระน้ำแสง
ช่าาา ช่าาา ช่าาา…เสียงน้ำดังขึ้นเป็นระลอก มองเห็นสิบวัชระที่เดิมถูกจับหักร่างจนตายถึงกับทยอยกันก้าวเดินออกมาจากสระน้ำแสงนั่น
เมื่อวัชระทั้งสิบก้าวออกมาจากสระน้ำแสงนั้น พวกเขายังคงมีประกายที่เปล่งออกมาทั่วร่าง เสมือนดั่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สูงสุดอย่างนั้น
“มันจะเป็นไปได้อย่างไร” ผู้คนที่มองเห็นสิบวัชระตายแล้วฟื้นคืนชีพใหม่ ร้องเสียงดังขึ้นมาว่า “นี่ นี่ สี่เป็นคนตายแล้วฟื้นคืนชีพ นี่ นี่เป็นเทพนิยายรึ?”
ดวงตาทั้งสองของทุกคนต่างเบิกกว้าง เมื่อเห็นสิบวัชระที่ตายและฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ ต่างไม่อยากจะเชื่อ และมีผู้ที่ขยี้ตาคิดว่าตัวเองตาลายไป
ทุกคนต่างเห็นกับตาตนเองว่าหลี่ชิเย่เป็นผู้สังหารสิบวัชระกับมือ เวลานี้สิบวัชระก็ได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ
“ผู้เยาว์ นึกไม่ถึงน่ะสิ พวกเราฆ่าไม่ตายหรอกนะ” หลังจากที่สิบวัชระฟื้นคืนชีพแล้ว ได้ยืนแถวเรียงหน้ากระดาน และทำการปิดล้อมหลี่ชิเย่อีกครั้งพร้อมกับหัวเราะเสียงดังขึ้นมา
“มีอะไรนึกไม่ถึง” หลี่ชิเย่มองดูสิบวัชระทีหนึ่ง เอ่ยขึ้นท่าทีเฉยเมยว่า “ก็แค่ถือกำเนิดมาจากเผ่าซั่วจิน และกำเนิดมาพร้อมกับฮั่วจินในตัว ขณะที่เรือรบถูกสร้างขึ้นโดยฮั่วจินจำนวนมหาศาล วิญญาณผูกติดอยู่กับเรือรบ เรือรบอยู่คนอยู่ เรือรบสลายคนม้วยเท่านั้นเอง”
“เจ้า” สิบวัชระไม่รู้ว่าควรจะตกใจ หรือโกรธดี เมื่อหลี่ชิเย่สามารถพูดออกมาได้ถูกต้องทันที น้อยคนนักที่สามารถพูดได้ถูกต้องทันทีถึงประวัติความเป็นมาของพวกเขาได้ เรียกได้ว่า พวกเขาเกรียงไกรในแดนลัทธิราชันนานเช่นนี้ น้อยคนนักที่จะรู้ถึงรากเหง้าของพวกเขาอย่างแท้จริง
“คำเล่าลือเป็นเรื่องจริง สิบวัชระถือกำเนิดจากผ่าซั่วจินจริงๆ เผ่าซั่วจินไม่ได้ถูกทำลายจนสิ้น” ระดับบรรพบุรุษเก่ากระผู้หนึ่งรู้สึกตกใจอย่างยิ่ง
“อะไรคือเผ่าซั่วจิน?” ผู้เยาว์ที่เพิ่งจะได้ยินชื่อของเผ่าซั่วจินเป็นครั้งแรก อดที่จะรู้สึกประหลาดใจไม่ได้
“เป็นเผ่าพันธุ์หนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจั่วอ้าน เคยเป็นเผ่าพันธุ์ใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจั่วอ้าน ภายหลังชิงอำนาจแล้วล้มเหลว ถูกคนเขาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และหายสาบสูญไปจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจั่วอ้านนานมาก เผ่าพันธุ์ดังกล่าวมีความชำนาญเรื่องการสร้าง สามารถสร้างสิ่งที่มหัศจรรย์ได้เป็นจำนวนมาก ภายหลังฉางจินต้งได้สร้างกองเรือรบขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ก็มีผู้สงสัยแล้วว่า เผ่าซั่วจินไม่ได้ถูกทำลายล้างจนสิ้น…”
“…ฉางจินต้งยังคงมีทายาทรุ่นหลังของเผ่าซั่วจินอยู่ โดยเฉพาะในภายหลัง จากการที่กองเรือรบของฉางจินต้งได้เกรียงไกรไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจั่วอ้าน อานุภาพของเรือรบยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียม ก็มีผู้เคยตั้งข้อสงสัยว่า สิบวัชระมาจากเผ่าซั่วจินเดิม ไม่นึกเลยว่าเรื่องนี้จะเป็นจริง”
ระดับบรรพบุรุษที่เก่ากะลาผู้นี้มองดูเรือรบยานแม่สิบลำและสิบวัชระแล้ว อดที่จะชมเปาะด้วยความตื่นตะลึงว่า “มิน่าเล่าเรือรบของสิบวัชระจึงมีอานุภาพยิ่งใหญ่เพียงนี้ นั่นเป็นเพราะพวกเขาสามารถรวมเป็นร่างเดียวกันกับเรือรบ เรือรบของพวกเขาสร้างขึ้นมาจากฮั่วจินจำนวนมหาศาล พวกเขาสามารถผูกวิญญาณเอาไว้กับเรือรบ เป็นการบ่งบอกว่า ต่อให้สังหารพวกเขาไปได้ ขอเพียงเรือรบยังคงอยู่ พวกเขาก็สามารถหลอมสร้างกายเนื้อขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ยากที่จะทำให้พวกเขาตาย หากคิดจะฆ่าพวกเขาจะต้องทำลายพวกเขา แล้วทำลายเรือรบของพวกเขาไปด้วย”
ทุกคนจึงได้เข้าใจแล้วว่า เพราะอะไรสิบวัชระจึงได้ตายแล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ เมื่อได้ยินคำพูดของบรรพบุรุษผู้นี้
“ทำลายตัวเขา แล้วยังต้องทำลายเรือรบยานแม่ทั้งสิบลำที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร นับว่าไม่ง่ายเลยจริงๆ” มีผู้พึมพำขึ้นมา ขณะมองดูสิบวัชระบนท้องฟ้า แล้วก็มองดูเรือรบยานแม่สิบลำที่มีขนาดใหญ่โตนั่น
“ฮึรู้แล้วเป็นอย่างไร พวกเราคนกับเรือรบเป็นร่างเดียวกัน เรืออยู่คนคง คิดจะฆ่าพวกเราให้ตาย ฝันไปเถอะ” วัชระเหล็กร้องเสียงดังขึ้นมา
“แค่ความได้เปรียบด้านเผ่าพันธุ์เท่านั้นเอง ใช่ว่าจะไม่ตาย” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบเฉย ด้วยท่าทีตามอารมณ์ยิ่งนัก “จะสังหารพวกเจ้าจะไปยากเย็นอะไร เอาเถอะ พวกเจ้ารื้อบ้านไม้ของข้า ข้าก็จะเอาเรือรบทั้งสิบลำของพวกเจ้ามาสร้างเป็นวัง ข้าเองก็ต้องการมีวังเอาไว้ตากลมเย็นสักหลังพอดี”
“วาจาสามหาวยิ่งนัก” วัชระคนอื่นๆ ทยอยกันแสดงความโกรธขึ้นมา แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่ แต่เมื่อถูกหลี่ชิเย่เมินใส่เช่นนี้ ทำให้พวกเขาไม่อาจกล้ำกลืนความอัปยศไว้ได้
ดังนั้น ในเวลานี้ สิบวัชระมองหน้ากันและกัน เสียงตูมดังสนั่น พวกเขาพวยพุ่งประกายที่ดั่งคลื่นยักษ์ออกมาทั่วร่าง เสมือนหนึ่งประกายศักดิ์สิทธิ์ที่เกรียงไกรทั่วหล้า บดขยี้ทำลายหมื่นอาณาจักรอย่างนั้น
ได้ยินเสียงปุ ปุ ปุดังขึ้น ในเวลานี้เอง สิบวัชระถึงกับหลอมรวมเป็นร่างเดียวกันกับเรือรบยานแม่ของพวกเขา
………………………………………………..