จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2598
ตอนที่ 2598 ตำหนักทองแดง
จี๊ด…เสียงหนึ่งดังขึ้น สุดท้าย มนุษย์ยักษ์เหล็กกล้าถูกปั้นจนกลายเป็นลูกบอลเหล็กที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารลูกหนึ่ง
นาทีนี้ เชื้อไฟที่เต้นวูบวาบอยู่ระหว่างนิ้งของหลี่ชิเย่ โดยที่เชื้อไฟเสมือนดั่งเป็นน้ำที่ไหลรินไร้เสียงใดๆ มันได้แทรกตัวเข้าไปในลูกบอลเหล็กที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารลูกนั้น
ภายใต้การบีบอัดด้วยพลังแข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียม ลูกบอลเหล็กลูกนี้ได้ถูกบีบอัดจนถึงที่สุดของมัน ไม่รู้ว่ามีเศษสิ่งเจือปนจำนวนเท่าไรที่ถูกบีบออกมา แต่ว่า เชื้อไฟยังคงแทรกตัวเข้าไปได้อย่างง่ายดาย เสมือนดั่งมัจฉาลงว่ายในทะเล ไม่ได้รับสิ่งกีดขวางใดๆ แม้แต่น้อย
หลังจากที่เชื้อไฟแทรกตัวเข้าไปในลูกบอลเหล็กที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารลูกแล้ว ลูกบอลเหล็กทั้งลูกก็ถูกเชื้อไฟเผาจนกลายเป็นสีแดงภายในระยะเวลาอันสั้น โดยลูกบอลเหล็กที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารได้กลับกลายเป็นน้ำเหล็กที่มีสีแดง แต่ยังคงรักษาความเป็นลูกบอลอยู่
“นี่แหละคือกำลังความสามารถที่น่ากลัวที่สุด” มีระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะถึงกับร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว
“เพราะอะไรจึงบอกว่านี่คือกำลังความสามารถที่น่าสำกลัวที่สุด?” ผู้เยาว์มองไม่ออกถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยม ไม่เข้าใจเอาเสียเลย จึงเอ่ยถามต่อผู้อาวุโสของตน
ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะท่าทีหนักแน่นจริงจัง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เรือรบของฉางจินต้งโดยเฉพาะเรือรบยานแม่ มีลำไหนบ้างที่ไม่ได้ผ่านการทดสอบมาอย่างโชกโชน? ลำไหนบ้างที่ไม่ได้สร้างขึ้นด้วยโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่ล้ำค่า กล่าวได้ว่า เรือรบทุกๆ ลำล้วนแล้วแต่ผ่านการหลอมสร้างขึ้นมาโดยระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะหรือราชันแท้จริงกระทั่งใช้เวลาในการสร้างที่ยาวนานมาก”
“เรือรบเช่นนี้ได้ก้าวถึงระดับที่เรียกว่าแข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมแล้ว วัตถุดิบที่สร้างลำเรือทั้งลำล้วนแล้วแต่เป็นแก่นของโลหะแล้ว ไฟศักดิ์สิทธิ์ทั่วๆ ไปคิดจะเผาทำลายมันเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ ต่อให้เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่ง คิดจะทำให้เรือรบลักษณะเช่นนี้หลอมละลายกลายเป็นน้ำเหล็กล่ะก็ จะต้องอาศัยระยะเวลาที่ยาวนานมาก แต่ เจ้าดูสิ หลังจากที่เชื้อไฟของคนโหดอันดับหนึ่งแทรกตัวเข้าไปแล้ว ภายในระยะเวลาที่สั้นเช่นนี้ก็จัดการหลอมละลายมันจนกลายเป็นน้ำเหล็กได้แล้ว…”
“…ไฟศักดิ์สิทธิ์ลักษณะเช่นนี้ช่างน่ากลัวอะไรอย่างนั้น กล่าวได้เต็มปากว่า เขื้อไฟลักษณะเช่นนี้ต่อให้แค่สะเก็ดไฟนิดหนึ่งตกลงไปในสำนักใดสำนักหนึ่ง ก็จะเผาผลาญสำนักนั้นจนหลอมละลาย ผืนแผ่นดินถูกเผาไม้จนทะลุ” ครั้นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะผู้นี้เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้สั่นเทิ้มทีหนึ่ง และกล่าวว่า “เท่าที่ข้ารู้มา ในแดนลัทธิราชันผู้ที่สามารถกลั่นไฟศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ได้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น”
“นี่ไม่เพียงแค่ไฟศักดิ์สิทธิ์ของเขาทรงพลังเท่านั้น” ยอดฝีมือซึ่งเป็นหมอโอสถที่แข็งแกร่งกล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจังว่า “วิชาควบคุมไฟของเขานับว่ายอดเยี่ยมมาก ตามความเห็นของข้า ถ้าหากเขากลายเป็นหมอโอสถล่ะก็ ผลสำเร็จของเขาจะต้องน่าตกใจอย่างยิ่ง”
จี๊ด…เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่ลูกบอลเหล็กถูกหลอมละลายจนกลายเป็นน้ำเหล็กนั้น นิ้วมือทั้งสิบของหลี่ชิเย่หดเข้ามา พลังที่น่ากลัวยิ่งได้บีบอัดลูกบอลเหล็กลูกนั้น รีดและกลั่นเอาของเหลวที่เป็นของเสียทิ้งไปเสีย
ในเวลานี้ มองเห็นของเหลวสีแดงที่เป็นของเสียหยดลงมา ขณะที่ของเหลวสีแดงที่เป็นของเสียจำนวนมากมายตกลงมานั้น บนท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยดวงดาวเหมือนสาดเป็นฝนห่าใหญ่ลงมา ไม่ถูกสิ ต้องบอกว่าท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยดวงดาวปรากฏเป็นฝนดาวตกขึ้นมา ของเหลวสีแดงที่เป็นของเสียจำนวนนับไม่ถ้วนเสมือนดั่งเป็นดาวตกที่วิ่งผ่านท้องฟ้าไป และหายไปท่ามกลางท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยดวงดาวนั่น
“รุนแรงเหลือเกิน ถ้าหากอาศัยวิธีนี้มาหลอมสร้างอาวุธล่ะก็มิแย่หรอกรึ จัดการดึงเอาชีพจรสายแร่ออกมาเส้นหนึ่งโดยตรง อาศัยพลังที่แข็งแกร่งจัดการหลอมกลั่นโดยตรง ทำให้สายแร่นับแสนลี้มาหลอมสร้างเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง มันต้องเป็นแก่นของแก่นอย่างแน่นอน” มียอดฝีมือผู้ชำนาญเรื่องการหลอมสร้างอาวุธเมื่อมองเห็นภาพนี้แล้ว อดที่จะกล่าวด้วยความสะเทือนหวั่นไหวไม่ได้
“ภาษิตกล่าวไว้ว่า ร้อยกลั่นเป็นเหล็กกล้า นี่ไหนเลยแค่ร้อยกลั่นนะเนี่ย” มีผู้ที่รู้สึกอิจฉาและกล่าวว่า “วัตถุดิบที่ใช้ในการสร้างเรือรบของฉางจินต้งล้วนแล้วแต่ผ่านการทดสอบมาอย่างโชกโชน เวลานี้ได้ทำการหลอมกลั่นมันอีกครั้งทำให้เข้มข้น จากสิบส่วนเหลือเพียงหนึ่งส่วน นั่นคือการหลอมกลั่นโลหะศักดิ์สิทธิ์ให้กลายเป็นโลหะเซียน ขืนทำการกลั่นอย่างนี้ต่อไป ลำพังแค่ตัววัตถุดิบก็ประเมินค่าไม่ได้แล้ว”
เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น ภายใต้การหลอมกลั่นด้วยไฟโลกันตร์ของหลี่ชิเย่ ภายใต้การหลอมและบีบอัดด้วยพลังที่ปราศจากผู้เทียบเทียม ปรากฏของเหลวที่เป็นของเสียจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกบีบให้ล้นออกมา โปรยปรายลงมาท่ามกลางท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยดวงดาว ของเหลวที่เป็นของเสียจำนวนนับไม่ถ้วนประดุจดั่งดาวตกที่วิ่งผ่านท้องฟ้าไป และหายไปในท่ามกลางความมืด
ภาพนี้แลดูอลังการยิ่งนัก คล้ายเป็นดาวเหล็กกล้าที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารดวงหนึ่ง ถูกหลี่ชิเย่ทำการหลอมกลั่นอย่างบ้าคลั่งและบีบอัด สุดท้ายต้องการหลอมกลั่นให้มันกลายเป็นโลหะแก่นแท้ที่ล้ำค่ามากที่สุด ในระหว่างขั้นตอนดังกล่าว มีของเหลวที่เป็นของเสียจากการหลอมกลั่นและบีบอัดแล้วเททิ้งไปเท่าไร?
เมื่อมองจากระยะไกล ทุกคนรู้สึกว่าขั้นตอนของลูกบอลเหล็กขนาดยักษ์ลูกหนึ่งถูกหลอมกลั่นให้เป็นโลหะบริสุทธิ์นั้น ขั้นตอนทั้งหมดดังกล่าวเป็นอะไรที่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวและรู้สึกจิตใจเบิกบาน
จากการที่หลี่ชิเย่ใช้วิธีนี้ในการหลอมกลั่นและบีบอัด ทำให้ของเหลวที่เป็นของเสียถูกเททิ้งไปมากขึ้นๆ น้ำเหล็กที่ร้อนแดงดั่งลูกบอลเหล็กหดตัวเล็กลงๆ ทุกที
ลองนึกภาพดู เรือรบทุกลำมีขนาดที่ใหญ่โตมโหฬารคล้ายดั่งเป็นผืนแผ่นดินผืนหนึ่ง เมื่อเรือรบทั้งสิบลำถูกขยำรวมเป็นหนึ่งเดียว ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าลูกบอลเหล็กลูกนี้มีขนาดใหญ่โตเช่นใดแล้ว เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ลูกบอลเหล็กเหลืออยู่เพียงหนึ่งในสามเท่านั้น อีกทั้งหลี่ชิเย่ยังคงทำการหลอมกลั่นและบีบอัดมันต่อไป
“ช่างสิ้นเปลืองเหลือเกิน” มีผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เมื่อเห็นของเหลวที่เป็นของเสียถูกเททิ้งไปเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ทั้งหมดถูกเททิ้งไปท่ามกลางท้องฟ้าที่มากด้วยดวงดาว และพึมพำขึ้นมาว่า “น้ำโลหะศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากมายเช่นนี้ถูกคิดว่าเป็นของเหลวที่เป็นของเสียแล้วเททิ้งไป นี่ นี่ นี่มันคือความสิ้นเปลืองโดยแท้ ถลุงเงินดั่งเบี้ยเหลือเกิน”
ลองนึกภาพดู ขณะฉางจินต้งทำการหลอมสร้างเรือรบนั้น โดยเฉพาะเรือรบยานแม่นั้น โลหะศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ ชิ้นล้วนแล้วแต่ล้ำค่ายิ่งนัก และผ่านการทุบตีเป็นร้อยเป็นพันครั้ง วัตถุดิบเหล่านี้กล่าวสำหรับสำนักจำนวนมากแล้ว มันคือสิ่งที่มีราคาสูงมาก กระทั่งเรียกได้ว่าประเมินค่าไม่ได้
เป็นอย่างไรล่ะตอนนี้ หลี่ชิเย่จัดการหลอมกลั่นโลหะศักดิ์สิทธิ์ด้วยการนำเอาของเหลวของโลหะศักดิ์สิทธิ์ปริมาณมหาศาลเททิ้งไปเสีย โดยถือเป็นของเสีย นี่คือพฤติกรรมของการถลุงเงินเป็นเบี้ยล้างผลาญทรัพย์สินของครอบครัวโดยแท้
ของเหลวที่เป็นของเสีย เป็นคำกล่าวเฉพาะสำหรับหลี่ชิเย่เท่านั้น กล่าวสำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากแล้ว มันคือของเหลวที่เป็นโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง เวลานี้ทุกคนได้แต่มองดูหลี่ชิเย่จัดการเทของเหลวที่เป็นโลหะศักดิ์สิทธิ์ปริมาณนับหนึ่งล้านล้านล้านตันทิ้งไป ให้พวกมันเป็นเสมือนดั่งดาวตกที่วิ่งผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และหายไปท่ามกลางความมืดนั่น
ภาพลักษณะเช่นนี้สร้างความเจ็บปวดใจให้กับผู้คนไม่รู้เท่าไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่มีชาติกำเนิดจากการหลอมสร้างอาวุธเหล่านั้นยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง อดที่จะพึมพำขึ้นมาว่า “ถ้าหากมอบของเหลวโลหะศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้แก่ข้า มันเพียงพอที่ข้าจะสร้างเป็นชุดศึกให้กับศิษย์ภายในสำนักได้ทั้งสำนักเลยทีเดียว”
แม้ว่าทุกคนจะรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง แต่ว่า ก็ได้แต่มองตาปริบๆ จัดการเทของเหลวดั่งของเสียเหล่านี้ให้กลายเป็นเสมือนดั่งดาวตกที่วิ่งผ่านท้องฟ้าไป
จากการหลอมกลั่นและบีบอัดของหลี่ชิเย่ ทำให้ลูกบอลน้ำเหล็กที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารเหลือเพียงหนึ่งในสิบของแรกเริ่มเท่านั้น
ในเวลานี้น้ำเหล็กที่เป็นสีแดง แต่ได้เปล่งประกายของทองแดงออกมาแล้ว ประกายสีทองแดงที่เคลื่อนไหวด้วยสีสันเอ่อล้นดูงดงามยิ่งนัก
จี๊ด จี๊ด จี๊ด…ในเวลานี้เอง น้ำเหล็กที่มีสีแดงเสมือนดั่งมีชีวิตอย่างนั้น มันได้ทำการหล่อตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆ ค่อยๆ หล่อและสร้างเป็นตำหนักขนาดยักษ์ขึ้นมาหลังหนึ่ง
ท่ามกลางเสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดนั้น น้ำเหล็กที่มีแสงสีของทองแดงระยิบระยับได้ทำการหล่อและขึ้นรูปเป็นตำหนักอย่างช้าๆ เมื่อตำหนักทั้งหลังขึ้นรูปและสร้างจนสำเร็จแล้ว ได้นำเอาเชื้อไฟออกไป และน้ำเหล็กค่อยๆ เย็นตัวลงมา
นาทีนี่ ตำหนักทองแดงหลังหนึ่งได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าของผู้คนบนโลก โดยที่ตำหนักทองแดงหลังนี้ถึงกับเปล่งประกายของสีสันที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก มีสีสันเอ่อล้นไหลริน ไม่มีการตกแต่งใดๆ ไม่ได้อาศัยการปลุกเสกใดๆ ตัวมันเองก็ได้เปล่งประกายที่ศักดิ์สิทธิ์ออกมา เป็นที่ดึงดูดผู้คนและอลังการอย่างยิ่ง ยิ่งกว่านั้นยังทำให้ผู้พบเห็นบังเกิดความรู้สึกนับถือขึ้นมา
ตำหนักทองแดงหลังนี้ค่อยๆ ลดระดับลง และไปตั้งอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง ได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังตูมและสะเทือนหวั่นไหว ผืนแผ่นดินก็ไม่สามารถรองรับกับน้ำหนักของตำหนักทองแดงหลังนี้ได้ ตำหนักทองแดงลักษณะเช่นนี้ช่างมีน้ำหนักมากเหลือเกิน
ขณะที่ตำหนักทองแดงหลังนี้ลงมาและตั้งอยู่ ณ บริเวณซากปรักหักพังเทียนยวี่นนั้น พลันปรากฎประกายเคลื่อนไหวสีสันเอ่อล้นขึ้นมา ทั่วทั้งบริเวณซากปรักหักพังปรากฏเป็นประกายขึ้น เหมือนว่าพื้นดินทั้งผืนของบริเวณซากปรักหักพังแห่งนี้ล้วนแล้วแต่แผ่ประกายออกมา อนุภาคที่หลากสีสันค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา เหมือนว่าการที่ตำหนักทองแดงมาตั้งอยู่ที่ตรงนี้ก็ได้ปลุกพลังสัจธรรมของผืนแผ่นดินนี้ให้ฟื้นตื่นขึ้นมาอย่างนั้น ทำให้ดินทุกๆ ตารางนิ้วล้วนแล้วแต่มีจังหวะของสัจธรรม
มองดูส่วนที่เป็นซากปรักหักพังทั้งหมดที่เดิมเป็นเพียงพื้นที่ที่ถูกทำลายจนย่อยยับ นาทีนี้เสมือนหนึ่งได้เปล่งพลังสัจธรรมที่สดใสขึ้นมา แลดูอลังการยิ่งนัก ทำให้ทุกคนมองดูจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก
“นี่ นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน นี่ นี่ นี่มันเป็นการเอาพื้นที่ที่ถูกทำลายจนพินาศย่อยยับมากลายเป็นพื้นดินสัจธรรม มีเรื่องอัศจรรย์เช่นนี้ด้วยรึ?” ศิษย์ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่สามารถเชื่อในภาพที่เห็นตรงหน้า และกล่าวด้วยความสะเทือนหวั่นไหวอย่างยิ่ง
“ตำหนักทองแดงหลังนี้หาใช่ตำหนักทองแดงทั่วๆ ไปแล้ว อาศัยโลหะศักดิ์สิทธิ์มากมายมาหลอมกลั่น จากสิบหลอมกลั่นจนเหลือเพียงหนึ่ง เกือบจะกลายเป็นโลหะเซียนไปแล้ว กล่าวได้ว่า มันไปตั้งอยู่ที่ใด ผืนแผ่นดินก็จะได้รับจิตวิญญาณจากมันติดไปด้วย” เทพแท้จริงขั้นอมตะผู้หนึ่งกล่าวทอดถอนใจออกมาว่า “วัตถุดิบลักษณะเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องปลุกเสก ไม่จำเป็นต้องไปเจียระไน เวลานี้ตัวของมันเองก็มีจิตวิญญาณอยู่แล้ว มีพลังที่แข็งแกร่งยิ่งนักอยู่แล้ว”
“วัตถุดิบอย่างดีนะเนี่ย ทอดสายตามองไปทั่วแดนลัทธิราชัน เกรงว่าคงมีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิไม่กี่แห่งที่สามารถนำเอาวัตถุดิบลักษณะเช่นนี้อกมาได้ อีกทั้งด้วยปริมาณขนาดนี้ เกรงว่าคงไม่มีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดๆ สามารถเอาออกมาได้” ระดับปรมาจารย์ด้านการหลอมสร้างอาวุธอดที่จะน้ำลายไหลยืด พึมพำว่า “วัตถุดิบเช่นนี้ สามารถนำมาหลอมสร้างเป็นอาวุธที่ดีที่สุดได้แปดถึงสิบชิ้นอย่างแน่นอน เวลานี้ถึงกับเอามาใช้สร้างเป็นตำหนักทองแดง นี่ นี่ นี่เป็นการทำลายสิ่งของที่ดีให้เสียหายตามอำเภอใจชัดๆ”
ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้คุณค่าของสิ่งของทั้งสิ้น เมื่อเห็นวัตถุดิบลักษณะเช่นนี้แล้วต่างน้ำลายไหลยืด ตำหนักทองแดงลักษณะเช่นนี้ก็คือของล้ำค่าที่ประเมินค่าไม่ได้ ไม่ว่าใครที่พบเห็นแล้วก็อยากจะได้มาครอบครองเป็นอย่างยิ่ง
แม้จะกล่าวว่าผู้คนจำนวนมากเมื่อได้มองเห็นตำหนักทองแดงลักษณะเช่นนี้แล้ว ต่างก็อยากจะได้มันมาครอบครองเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่า ไม่มีใครกล้าคิดวางแผนกับมัน สิบวัชระก็คือตัวอย่าง ใครกล้าคิดวางแผนกับมัน เป็นการเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว
“ยังจะแย่งศิลาเซียนอะไรนั่นเล่า สามารถแย่งชิงตำหนักทองแดงลักษณะเช่นนี้มาได้ก็รวยล้นฟ้าแล้ว” มีระดับผู้เยาว์อดที่จะพึมพำด้วยกังขาขึ้นมาคำหนึ่ง
“หุบปาก…” คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำเอาผู้อาวุโสของเขาตื่นตระหนกยิ่งนัก หนึ่งฝ่ามือพลันซัดเข้าไปหา และกล่าวเสียงดุด้วยความโกรธว่า “เจ้าคิดหาเรื่องตายก็อย่าทำให้สำนักต้องเดือดร้อน”
ในเวลานี้ สีหน้าของผู้อาวุโสจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยใบหน้าที่ขาวซีด พวกเขาหวาดกลัวจริงๆ ว่าหลี่ชิเย่จะเข้าใจผิด
เมื่อใดที่หลี่ชิเย่เข้าใจผิดคิดว่าพวกเขากำลังวางแผนในตำหนักทองแดงล่ะก็ แค่นิ้วมือนิ้วเดียวที่บดขยี้เข้ามา พวกเขาทั้งหมดก็ต้องตายอยู่ที่ตรงนี้
แม้จะกล่าวว่ามีผู้คนจำนวนมากที่รู้สึกอยากได้ตำหนักทองแดงลักษณะเช่นนี้มาครอบครอง แต่ ไม่มีใครกล้าพูดคำพูดที่ว่าจะแย่งชิงตำหนักทองแดง แม้แต่พูดล้อเล่นก็ไม่กล้า เกรงว่าจะทำให้คนโหดอันดับหนึ่งไม่สบอารมณ์ นิ้วมือนิ้วเดียวก็สามารถทำลายสำนักได้ทั้งสำนัก
ดังนั้น เมื่อพวกเขามองดูตำหนักทองแดงที่มีประกายเคลื่อนไหวสีสันเอ่อล้นนี้แล้ว ต่างอดที่จะกลั้นลมหายใจเอาไว้ไม่ได้
………………………………………………..