จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2667
ตอนที่ 2667 ปกครองใต้หล้า
เมื่อเหยียบเข้าบ้านตระกูลมู่ พลังสัจธรรมที่น่าเกรงขามมีอยู่ทุกที่ ทั่วทั้งบริเวณระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเสมือนดั่งมีปฐมบรรพบุรุษแต่ละคนที่กำลังหลับไหลอยู่
ฮ่องเต้ไท่ชิง ซุนหลิ่งหยิ่งพวกเขาเสมือนดั่งเป็นสุนัขไม่มีเจ้าของที่วิ่งหนีเข้าไปในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่ ขณะที่หลี่ชิเย่นั้นตามมาทางด้านหลังด้วยท่าทีเอ้อระเหยอย่างยิ่งเพื่อตามฆ่าพวกเขา เหมือนเป็นการล่าเหยื่อที่เป็นเหยื่อธรรมดาๆ เพียงหนึ่งถึงสองตัวเท่านั้น ดูผ่อนคลายและสบายอกสบายใจอย่างยิ่ง
“ลงมือ…” หลังจากที่ฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งโฉบเข้าบ้านตระกูลมู่แล้ว ซุนหลิ่งหยิ่งได้ร้องตะโกนเสียงดังขึ้นมา
“ลงมือหรือไม่ลงมือ?” มียอดฝีมือของตระกูลมู่ถึงกับลังเลนิดหนึ่ง เมื่อมองเห็นฮ่องเต้ไท่ชิงกับซุนหลิ่งหยิ่งที่วิ่งโฉบเข้าบ้านตระกูลมู่ หันไปมองที่บรรพบุรุษ
บรรพบุรุษตระกูลมู่ถึงกับกัดฟัน และร้องกล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาว่า “ลงมือ วันนี้ได้แต่สู้ให้ถึงที่สุด!” ในเวลานี้ตระกูลมู่ของพวกเขาไม่มีทางเลือกอีกแล้ว
ครั้นบรรพบุรุษตระกูลมู่รู้ว่าซุนหลิ่งหยิ่งยังคงมีชีวิตอยู่ก็รู้ได้ทันทีว่า พวกเขาถูกฮ่องเต้ไท่ชิงกับซุนหลิ่งหยิ่งวางแผนให้ร้ายเสียแล้ว พวกเขาที่เป็นนายกับบ่าวสองคนทำงานร่วมกันเป็นลูกคู่ ไม่เพียงวางแผนให้ร้ายตระกูลมู่ของพวกเขา ขณะเดียวกันก็วางแผนให้ร้ายผู้คนทั่วหล้าอีกด้วย
บรรพบุรุษตระกูลมู่ตระหนักได้ว่า ฮ่องเต้ไท่ชิงกับซุนหลิ่งหยิ่งได้ขุดหลุมให้ตระกูลมู่ของพวกเขากระโดดลงไป หลอกใช้ตระกูลมู่ของพวกเขาเป็นเครื่องมือไปสู้กับคนอื่น
แต่ว่า ในเวลานี้ตระกูลมู่ของพวกเขาไม่มีทางเลือก ตระกูลมู่ของพวกเขาได้วางม่านฟ้าแหดินเอาไว้ก็เพื่อรอคอยการมาถึงของคนโหดอันดับหนึ่ง ตระกูลมู่ของพวกเขาเรียกว่าได้ลูกธนูได้น้าวสายเอาไว้พร้อมแล้วไม่ยิงไม่ได้
อีกทั้งนักพรตไป๋ยื่อก็อยู่ในตระกูลมู่ของพวกเขาในเวลานี้ รับปากตระกูลมู่พวกเขาว่าจะสังหารคนโหดอันดับหนึ่ง ถ้าหากพลาดโอกาสวันนี้ไป เกรงว่าต่อไปนี้ตระกูลมู่ของพวกเขาไม่สามารถเชิญนักพรตไป๋ยื่อได้อีกแล้ว
ดังนั้น แม้จะรู้ดีว่าฮ่องเต้ไท่ชิงกับซุนหลิ่งหยิ่งได้ขุดหลุมรอให้ตระกูลมู่ของพวกเขากระโดดลงไป นาทีนี้ตระกูลมู่ของพวกเขาก็ไม่อาจไม่กระโดดลงไปในหลุมนี้ พวกเขาได้แต่ยอมรับ พวกเขาไม่มีทางเลือกอีกแล้ว
“เตรียมพร้อม…” ในพริบตาเดียวนั่นเอง เสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีนี้ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง มองเห็นผืนแผ่นดินของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่สว่างไสวขึ้นมา พลังสัจธรรมพลันพวยพุ่งออกมา พลังสัจธรรมที่เสมือนหนึ่งคลื่นที่บ้าคลั่งได้ทะลักเข้าไปในตระกูลมู่ทันที
เสียงน้าวสายที่ไพเราะดังแว้งค์ขึ้นมา นาทีนี้มองเห็นภายในตระกูลมู่ปรากฎเป็นเชิงเทินแต่ละหลังขึ้นมา และเพียงชั่วพริบตาเดียว บนเชิงเทินก็ได้ปรากฏคันธนูขนาดยักษ์แต่ละคันที่ตั้งขึ้นมา โดยที่คันธนูแต่ละคันเหล่านี้ถึงกับสร้างขึ้นด้วยโลหะราชัน และอาศัยกฎเกณฑ์ปฐมบรรพบุรุษเป็นสาย ท่ามกลางเสียงหนักอึ้งเอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยดที่ดังขึ้น มองเห็นธนูยักษ์แต่ละดอกที่หนักอึ้งยิ่งถูกพาดเอาไว้กับคันธนู
ธนูที่มีขนาดยักษ์และหนักอึ้งแต่ละดอกดูเป็นสีเทาเหล็ก โดยที่ธนูยักษ์ทุกๆ ดอกล้วนแล้วแต่หลอมสร้างขึ้นด้วยทองคำดำวายุเย็นมังกรดำ มีความแหลมคมอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันก็ทำให้ธนูแต่ละดอกมีน้ำหนักที่หนักอึ้งอย่างยิ่ง
ธนูยักษ์แต่ละดอกเหล่านี้สร้างขึ้นด้วยมือของปฐมบรรพบุรุษเอง มีพลังทำลายที่สยองขวัญอย่างยิ่ง หลังจากที่ยิงออกไป สามารถยิงทะลุผ่านแนวป้องกันแต่ละชั้นๆ ได้ในทันที
“เล็ง ยิง…” ในเวลานี้เอง ภายในตระกูลมู่ปรากฏเสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นมา
ฟิววว ฟิววว ฟิววว…ในเสี้ยววินาทีนี้เอง เสียงแหวกอากาศดังขึ้น พริบตาเดียวที่เสียงแหวกอากาศดังขึ้น ธนูยักษ์แต่ละดอกก็ได้ยิงไปถึงด้านหน้าของหลี่ชิเย่แล้ว ย่อมจินตนาการได้ว่าธนูแต่ละดอกช่างมีความรวดเร็วเช่นใด ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือ พลันที่มันมุ่งสังหารเข้ามานั้น เป็นการยิงทะลุผ่านช่องว่างและปรากฏอยู่ตรงหน้าหลี่ชิเย่โดยพลัน เป็นการก้าวข้ามช่องว่างโดยตรง
การที่มันสามารถยิงทะลุผ่านช่องว่างในทันที ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าลูกธนูยักษ์แต่ละดอกมีความแหลมคมเช่นใด และเปี่ยมด้วยพลังอย่างใด กล่าวได้ว่าทำลายได้ทุกสิ่งไม่มีสิ่งใดขวางกั้นเอาไว้ได้
“ธนูราชันตระกูลมู่…” ผู้คนจำนวนไม่น้อยร้องเสียงหลงขึ้นมากับภาพนี้ เมื่อมองเห็นธนูยักษ์แต่ละดอกที่ยิงถึงด้านหน้าของหลี่ชิเย่โดยพลัน มีธนูยักษ์ที่ยิงใส่บริเวณลำคอของหลี่ชิเย่ ธนูยักษ์บางดอกยิ่งใส่บริเวณหน้าอก ธนูทุกดอกล้วนแล้วแต่เป็นการสังหารเด็ดขาดที่มุ่งถึงแก่ชีวิตทั้งสิ้น
เนื่องจากธนูยักษ์ที่ยิงออกไปลักษณะเช่นนี้ เป็นการยิงโดยอาศัยพลังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่เป็นสาย กำลังของธนูจึงมีความรุนแรงและโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง มีความไวที่รวดเร็วจนสุดจะหาผู้ใดเทียม ธนูดอกหนึ่งที่ยิงออกไปในพริบตาเดียวนี้เคยสังหารเทพแท้จริงขั้นอมตะมาแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในเวลานี้ที่ธนูยักษ์จำนวนมากเช่นนี้ถูกยิงออกไปยังหลี่ชิเย่พร้อมๆ กัน ช่างเป็นอานุภาพที่น่ากลัวเช่นใด
ได้ยินเสียงดังปังดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง จังหวะที่ธนูยักษ์ยิ่งไปถึงด้านหน้าของหลี่ชิเย่นั้น ในเวลานี้เองจึงได้ยินเสียงแหวกอากาศดังปังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ช่องว่างทั้งหมดแหลกละเอียด แม้แต่ช่องว่างที่หลี่ชิเย่ยืนอยู่ก็ไม่สามารถรองรับกับพลังที่รุนแรงและเหี้ยมโหดนี้ได้
นาทีนี้ ได้ยินเสียงปัง ปัง ปังดังขึ้นมา ธนูยักษ์แต่ละดอกได้ยิงเข้าบนตัวของหลี่ชิเย่ โดยที่หลี่ชิเย่ไม่ได้หลบและไม่ได้ตอบโต้ เพียงแต่ปรากฏแสงที่หมุนเคลื่อนไปทั่วทั้งตัวเท่านั้นเอง ปล่อยให้ธนูยักษ์ยิงเข้าร่างกายของตนเองตามอำเภอใจ
ท่ามกลางเสียงแตกละเอียดดังปัง ปัง ปังนั้น เห็นเพียงธนูขนาดยักษ์ที่ยิงใส่ตัวหลี่ชิเย่คล้ายยิงเข้ากับสิ่งที่แข็งแกร่งมากที่สุดในโลก ธนูยักษ์แต่ละดอกทยอยกันแตกละเอียดไปท่ามกลางเสียงดังปัง ปัง ปัง
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องเสียวสันหลังวาบ และผู้คนจำนวนมากถึงกับหวาดหวั่นพรั่นพรึง เมื่อมองเห็นภาพการแตกละเอียดของธนูยักษ์แต่ละดอกเบื้องหน้าของหลี่ชิเย่ แต่ว่า กลับไม่สามารถทำอันตรายหลี่ชิเย่ได้เลยแม้แต่น้อย
ผู้คนจำนวนไม่น้อยยังไม่เคยเห็นหลี่ชิเย่ลงมือด้วยตาของตนเอง มาวันนี้ได้เห็นนับว่าทำให้ต้องขนลุกซู่ในใจ การโจมตีที่ทรงพลังถึงเพียงนี้ของตระกูลมู่ถึงกับทำอันตรายหลี่ชิเย่ไม่ได้แม้แต่น้อย นับว่าน่ากลัวมากเหลือเกิน
“วันนี้ ตระกูลมู่ม้วย!” เสียงหลี่ชิเย่ที่เย็นชาเรียบเฉยดังขึ้น
ขณะที่เสียงเย็นชาเรียบเฉยนี้ดังขึ้นมานั้น พลันทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งร่าง เหมือนถูกน้ำแข็งหนึ่งกะละมังราดใส่จากหัวลงมาอย่างนั้น ทำให้รู้สึกหนาวและเปียกไปทั้งตัว ถึงกับร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง
แค่คำพูดเพียงไม่กี่คำของหลี่ชิเย่ เหมือนเป็นน้ำเสียงที่พูดออกมาเย็นชาอย่างยิ่ง แต่แค่คำพูดไม่กี่คำนี้เสมือนดั่งเป็นการตัดสินประหารชีวิตตระกูลมู่อย่างนั้น
เมื่อหลี่ชิเย่พูดขาดคำ ทุกคนต่างรู้สึกเหมือนได้มองเห็นภาพของตระกูลมู่ที่มีทะเลเลือดดั่งคลื่นยักษ์ มองเห็นภาพอันน่าเวทนาของตระกูลมู่ถูกแยกชิ้นส่วนเป็นชิ้นๆ
เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว เมื่อหลี่ชิเย่พูดขาดคำก็ได้ต่อยลงพื้นหนึ่งหมัด
ตูม ตูม ตูมเสียงดังตูมตามดังขึ้นเป็นระลอกไม่ขาดสาย จังหวะที่หมัดนี้ต่อยลงบนพื้นนั้น มองเห็นกฎเกณฑ์แต่ละข้อที่อยู่บนพื้นถูกงัดขึ้นมาเหมือนคลื่นยักษ์อย่างนั้น ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นหลักกฎเกณฑ์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่ แต่ว่า นาทีนี้กลับถูกหนึ่งหมัดของหลี่ชิเย่สะเทือนจนเหมือนถูกงัดขึ้นมา
ปัง ปัง ปังเสียงแตกละเอียดดังขึ้นเป็นระลอกไม่ขาดสาย เมื่อหลักกฎเกณฑ์แต่ละข้อที่มีขนาดเขื่องของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่ถูกสะเทือนจนเหมือนถูกงัดขึ้นมาแล้ว ก็เหมือนเป็นแส้ศักดิ์สิทธิ์แต่ละเส้นที่ถูกตวัดขึ้นสูงและฟาดลงมาอย่างแรง พลันทำให้ตำหนักโบราณแต่ละหลัง ค่ายกลขนาดใหญ่แต่ละค่าย ด่านแต่ละด่านถูกฟาดจนแหลกละเอียดไป
อ๊ากกก อ๊ากกก อ๊ากกกในขณะเดียวกัน เสียงร้องแหลมที่เศร้ารันทดดังขึ้น ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือของตระกูลมู่ที่ควบคุมค่ายกล รักษาการณ์ตามด่านต่างๆ ถูกหลักกฎเกณฑ์ขนาดเขื่องฟาดจนแหลกละเอียด มีศิษย์ที่เป็นยอดฝีมือถูกฟาดจนกลายเป็นเนื้อบด และมีศิษย์ที่เป็นยอดฝีมือถูกฟาดจนกลายเป็นหมอกเลือดไปท่ามกลางเสียงดังเพรี๊ยะ
ภาพลักษณะเช่นนี้ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องสั่นเทิ้มทีหนึ่ง ปรกติแล้ว เป็นศิษย์ที่เป็นยอดฝีมือของตระกูลมู่ควบคุมหลักกฎเกณฑ์ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนเอง และพวกเขาเคยอาศัยการควบคุมหลักกฎเกณฑ์ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนเองต่อต้านและหรือเอาชนะศัตรูมาก่อน
แต่ว่า หลักกฎเกณฑ์ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนเองที่ปรกติเป็นพวกเขาที่ควบคุม มาวันนี้กลับฟาดใส่ลงตัวของพวกเขา พลันฟาดพวกเขาจนกลายเป็นเนื้อบด ฟาดจนกลายเป็นหมอกเลือด
ตูม ตูม ตูมเสียงตูมตามดังขึ้นมาไม่ขาดสาย หลักกฎเกณฑ์ที่ถูกหมัดเดียวของหลี่ชิเย่สะเทือนจนเหมือนถูกงัดขึ้นมาไม่ได้มีท่าทีจะหยุดลง หลักกฎเกณฑ์แต่ละข้อเสมือนดั่งเป็นงูที่ส่ายไปมา มันตั้งขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า และฟาดลงไปอย่างบ้าคลั่งครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นเดียวกัน
ท่ามกลางเสียงแส้ที่ฟาดลงไปดังเพรี๊ยะ เพรี๊ยะ เพรี๊ยะนั้น มองเห็นแผ่นดินตระกูลมู่จำนวนไม่น้อยถูกฟาดจนแหลกละเอียด ภูเขาแต่ละลูกถูกฟาดจนละเอียด ตำหนักโบราณแต่ละหลังถูกฟาดจนแหลกละเอียด เสียงร้องน่าเวทนาดังสลับขึ้นมา เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ตระกูลมู่เสียหายอย่างหนัก
ผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกใจหาย กล่าวได้ว่า คนโหดอันดับหนึ่งลงมือเพียงลำพังคนเดียวก็สามารถสังหารสิ้นตระกูลมู่ได้ทั้งหมด ถ้าหากตระกูลมู่ไม่ได้มีท่าไม้ตายอะไรล่ะก็ เกรงว่าจะไม่สามารถต้านคนโหดอันดับหนึ่งได้อยู่แล้ว
“ช่างโหดเหี้ยมและพาลเหลือเกิน” มีผู้ที่พูดเสียงกระซิบขึ้นมาเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว
สมควรทราบว่า ในครั้งนั้นขณะราชันแท้จริงต้วนยวี่บุกสังหารเข้าไปในตระกูลมู่นั้น แม้ว่าก็ได้เข่นฆ่าคนของตระกูลมู่จนล้มระเนระนาด แต่ก็ต้องผ่านการต่อสู้อย่างหนัก อีกทั้งด้านหลังหลังนางยังมีกู่อี้เฟยที่แข็งแกร่งคอยควบคุมสถานการณ์อยู่
มาวันนี้ คนโหดอันดับหนึ่งมาเดี่ยวคนเดียว หนึ่งหมัดที่ซัดลงไปก็ทำลายลล้างภูเขาศักดิ์สิทธิ์แต่ละลูกของตระกูลมู่ไป ทำลายค่ายกลแต่ละค่ายกลจนพินาศย่อยยับค่ายกลแล้วค่ายกลเล่า ได้รับควาเสียหายอย่างหนัก แซงล้ำหน้าการอาละวาดตระกูลมู่ของราชันแท้จริงต้วนยวี่ไปมากทีเดียว
ครั้งนั้นราชันแท้จริงต้วนยวี่เข่นฆ่าตระกูลมู่จนระเนระนาดนับว่าสร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนมากพอแล้ว แต่ว่า การกระทำของนางเทียบกับคนโหดอันดับหนึ่งในวันนี้แล้ว เรียกว่าแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
“เปิดค่ายกล เชิญเหล่าปรมาจารย์” บรรพบุรุษตระกูลมู่ร้องเสียงดังขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นภาพเช่นนี้แล้ว หากตระกูลมู่ไม่สำแดงท่าไม้ตายออกมาอีก ช้าหรือเร็วก็ต้องพินาศภายใต้เงื้อมมือของคนโหดอันดับหนึ่ง
เสียงตูม…ดังสนั่น ในพริบตาเดียวนี้เอง ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิปรากฎประกายแสงหนึ่งหมื่นล้านล้านล้านล้านสายพุ่งขึ้นมา อนุภาพของแสงจำนวนนับไม่ถ้วนที่พุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง ทั่วทั้งตระกูลมู่พวยพุ่งประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ต่อเนื่องไม่มีสิ้นสุด เพียงชั่วพริบตาเดียว ตระกูลมู่ทั้งหมดกลายเป็นเหมือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์สูงสุดอย่างนั้น
เสียงแว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง โดยมีตระกูลมู่เป็นศูนย์กลาง พลันปรากฎแสงสว่างที่เจิดจ้ายิ่งพวยพุ่งขึ้นมา บริเวณที่ตั้งตระกูลมู่เหมือนกลายเป็นทะเลสาบแสงอย่างนั้น ลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนเคลื่อนไหวดั่งน้ำขึ้นน้ำลง และน้ำขึ้นน้ำลงดังกล่าวเหมือนได้ทำการยกเอาตระกูลมู่ทั้งหมดขึ้นมา ทำให้ตระกูลมู่แลดูมีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด เหมือนหนึ่งปฐมบรรพบุรุษนั่งอยู่ตรงนั้น หมางเมินเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน
เอี๊ยดดด เอี๊ยดดด เอี๊ยดดด…เสียงเคลื่อนที่ของของหนักดังขึ้นเป็นระลอก นาทีนี้รอบด้านของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่ปรากฎภูเขาศักดิ์สิทธิ์แต่ละลูกค่อยๆ โผล่ขึ้นมา โดยภูเขาศักดิ์สิทธิ์แต่ละลูกมีลักษณะแตกต่างกันไป
มีภูเขาศักดิ์สิทธิ์สูงตระหง่านทะลุเมฆา อยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า บ้างมีขนาดต่ำเตี้ยว่องไว ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายเซียน และบ้างมีสัจธรรมที่บินร่อน เหมือนได้ขึ้นไปยังหมื่นอาณาจักรอย่างนั้น…
แต่ว่า บนยอดเขาของภูเขาศักดิ์สิทธิ์แต่ละลูกล้วนแล้วแต่ปรากฏร่างเงาที่สูงใหญ่ยิ่งร่างหนึ่ง ทุกๆ ร่างเงาล้วนแล้วแต่พวยพุ่งพลังที่ปราศจากผู้ต่อกรออกมา มีอานุภาพราชันที่กว้างใหญ่ไพศาล มีคงความเป็นอมตะตลอดกาล ยิ่งกว่านั้นยังมีประเภทศักดิ์สิทธิ์สูงสุด…
ติดตามต่อได้ที่ meenovel.com
ขณะที่ร่างเงาแต่ละร่างปรากฏตัวขึ้นมานั้น สยบเหล่าชั้นฟ้า บงการจักรวาล อยู่เหนือหมื่นยุคสมัย
……………………………………….