จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2676
ตอนที่ 2676 นักพรตไป๋ยื่อ
การกลับมาอีกครั้งของนักพรตไป๋ยื่อด้วยการก้าวขึ้นสู่ชั้นคงความอมตะตลอดกาล กลายเป็นชั้นคงความอมตะตลอดกาลเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นตำนานของแดนลัทธิราชันในปัจจุบัน
การกลับมาของนักพรตไป๋ยื่อไร้ข้อกังขาใดๆ เขาได้ชิงตำแหน่งยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิราชันกลับไปได้อีกครั้ง กลายเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะแกร่งที่สุดในแดนลัทธิราชัน
‘ชั้นคงความอมตะตลอดกาล’ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่มองดูนักพรตไป๋ยื่อแล้วรู้สึกเสียวสันหลังวาบ บังเกิดอาการสั่นเทาขึ้นภายในใจ
กล่าวสำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั่วหล้าแล้ว ชั้นคงความอมตะตลอดกาลเพียงหนึ่งเดียวของแดนลัทธิราชันช่างเป็นเรื่องที่สะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจอะไรอย่างนั้น
ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องเงยหน้ามองดูนักพรตไป๋ยื่อ เป็นความจริงที่ตัวเขาซึ่งอยู่ในฐานะชั้นคงความอมตะตลอดกาลนั้น คู่ควรให้ผู้คนต้องเงยหน้ามองจริงๆ
“ผู้ซึ่งอยู่ในฐานะสามารถไล่ล่าระดับปฐมบรรพบุรุษได้” ใบหน้าของผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกประทับใจ ขณะมองดูบุคลิกลักษณะที่แตกต่างจากผู้คนทั่วไปของนักพรตไป๋ยื่อ
ชั้นคงความอมตะตลอดกาลคือขอบเขตสูงสุดของของผู้ที่อยู่ในระดับเทพแท้จริง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่เทพแท้จริงจำนวนนับไม่ถ้วนมุ่งมาดปรารถนาด้วยความยากลำบากมาชั่วชีวิต
แม้จะกล่าวว่า โลกนี้มีเทพแท้จริงขั้นอมตะจำนวนไม่น้อยสามารถเทียบเคียงกับราชันแท้จริงได้ แต่ทว่า เมื่อราชันแท้จริงก้าวสู่ระดับของปฐมบรรพบุรุษแล้ว ก็จะเป็นที่เงยหน้ามองของผู้คนบนโลกแล้ว
ในวิบากแห่งความเป็นปฐมบรรพบุรุษนั้น เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่อยู่สูงเด่น เกรงว่าแม้จะเป็นเทพแท้จริงที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้
ดังนั้น หลังจากที่ก้าวถึงระดับชั้นนี้แล้ว มีเพียงพิชิตชั้นคงความอมตะตลอดกาลให้ได้ จึงสามารถไปสัมผัสกับอาณาเขตของความเป็นปฐมบรรพบุรุษได้ มีเพียงก้าวให้ถึงขั้นนี้จึงสามารถไปชิงความเป็นผู้อยู่ในระดับสูงสุด และมีสิทธิ์ไปสนทนาธรรมกับปฐมบรรพบุรุษได้
กล่าวได้ว่า ถ้าหากไม่สามารถพิชิตชั้นคงความอมตะตลอดกาลได้ ในฐานะที่เป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะคนหนึ่ง ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะมีความปราดเปรื่องน่าทึ่งเพียงใด ไม่ว่าจะยอดเยี่ยมเช่นใด ภายใต้วงแหวนของปฐมบรรพบุรุษก็ต้องสลดและอับแสง ต่อให้ยอดเยี่ยมปานใดก็ตาม ยังคงมีชีวิตอยู่ภายใต้เงาทมิฬของปฐมบรรพบุรุษเช่นเดิม
ดังนั่น ในเวลานี้เทพแท้จริงขั้นอมตะที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งอยากจะก้าวออกจากเงาทมิฬของปฐมบรรพบุรุษ ต้องการไล่ล่าปฐมบรรพบุรุษได้ มีเพียงไปช่วงชิงความเป็นชั้นคงความอมตะตลอดกาล หลังจากที่สามารถพิชิตชั้นคงความอมตะตลอดกาลได้แล้ว จึงได้พบว่านภาสูงปฐพีกว้างไกล
ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องสั่นเทาขณะจ้องมองดูนักพรตไป๋ยื่อ แม้จะกล่าวว่าบนตัวของนักพรตไป๋ยื่อไม่ได้มีพลังที่สะเทือนเลื่อนลั่นแผ่กระจายออกมา ไม่ได้มีท่วงท่าของกลิ่นอายที่จะทำลายฟ้าดินจนพินาศย่อยยับให้เห็น แต่ ตัวเขาที่มีบุคลิกลักษณะที่แตกต่างจากผู้คนทั่วไปขณะยืนอยู่ที่ตรงนั้น ภาพรวมของตัวเขาก็ย่อมแตกต่างแล้ว
ขณะที่นักพรตไป๋ยื่อยืนอยู่ตรงนั้นตามอารมณ์ เสมือนดั่งตัวเขาได้กลายเป็นศูนย์กลางของโลก เขากลายเป็นส่วนที่สำคัญของโลก แม้ว่าชื่อเสียงและอำนาจของเขาไม่ปรากฎ แต่ยังคงทำให้ผู้คนต้องเงยหน้ามอง ยังคงต้องเคารพยำเกรงกับสิ่งนี้
นี่แหละคือชั้นคงความอมตะตลอดกาล ขอเพียงพิชิตชั้นคงความอมตะตลอดกาลได้ ไม่ต้องอาศัยอำนาจอะไร และไม่จำเป็นต้องมีคำพูดฮึกเหิมที่สะเทือนเลื่อนลั่น เพียงไปปรากฏตัวอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งตามอารมณ์ ก็สามารถได้รับการกราบไหว้ กระทั่งการกราบไหว้ขั้นสูงสุดจากผู้คน
“ชั้นคงความอมตะตลอดกาล ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งยุคปัจจุบัน” มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนแสดงคารวะจากระยะห่างไกลขณะมองดูนักพรตไป๋ยื่อ ท่วงท่าดูให้ความเคารพนับถืออย่างยิ่ง ขาดเพียงไม่ได้แสดงคารวะด้วยการกราบไหว้ขั้นสูงสุดเท่านั้น
“ผู้ที่ไร้เทียมทานที่สุดในแดนลัทธิราชันพวกเรารึ?” มีผู้ที่พึมพำเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
“ผู้ที่ไร้เทียมทานที่สุด และหรือมีข้อกังขารึ?” สำหรับคำพูดลักษณะเช่นนี้ มีเทพแท้จริงขั้นอมตะที่สงวนท่าทีเอาไว้
ถ้าหากว่าเปลี่ยนเป็นอดีต เมื่อได้ยินว่านักพรตไป๋ยื่อพิชิตความเป็นชั้นคงความอมตะตลอดกาล เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ตามก็ต้องเห็นด้วยว่าเขาคือยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิราชัน และเข้าใจว่าเขาคือผู้ที่แกร่งที่สุดในแดนลัทธิราชัน
แต่ทว่า มาวันนี้แดนลัทธิราชันมีคนโหดอันดับหนึ่งอยู่ ขณะที่เงาทมิฬที่ยิ่งใหญ่ปราศจากผู้เทียบเทียมได้ฉายไปยังแดนลัทธิราชันนั้น ไม่เพียงแต่ครอบคลุมทั่วทั้งแดนลัทธิราชันเท่านั้น ยังครอบคลุมอยู่ภายในจิตใจของทุกๆ คนอีกด้วย ทำให้ทุกคนที่อยู่ในแดนลัทธิราชันหายใจไม่ออก แม้แต่เทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ สำหรับคนโหดอันดับหนึ่งแล้ว ล้วนแล้วแต่มีเพียงคำๆ เดียวก็คือยอม!
ดังนั้น การมาของนักพรตไป๋ยื่อเวลานี้ แม้ว่ามีผู้คนยกย่องเขาให้เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิราชัน เป็นผู้ไร้เทียมทานที่สุดของแดนลัทธิราชัน เทพแท้จริงขั้นอมตะจำนวนมากได้สงวนท่าทีสำหรับคำพูดเช่นนี้
“เป็นความจริงที่คนโหดอันดับหนึ่งลึกล้ำยากจะหยั่งถึง ใครเหนือกว่าใครนั้น การจะสรุปในเวลานี้ยังเร็วเกินไป” มีระดับบรรพบุรุษพยักหน้าและเอ่ยขึ้นช้าๆ
นับว่าเขาได้พูดคำพูดที่เป็นธรรม และเป็นคำพูดที่ยุติธรรมอย่างยิ่ง
“แต่ คนโหดอันดับหนึ่งก็เพิ่งจะถูกนักพรตไป๋ยื่อซัดจนกระเด็นไปในกระบวนท่าเดียวรึ? นี่ยังไม่ใช่ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแล้วเป็นอะไร ไม่ใช่ผู้ดำรงอยู่ในฐานะปราศจากผู้ต่อกรมากที่สุดแล้วเป็นอะไร?” มีผู้ที่ไม่ยอมรับและโต้แย้งขึ้น
ตรงกันข้าม กลับมีผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสจำนวนไม่น้อยที่แอบจ้องมองตาซึ่งกันและกันกับคำพูดลักษณะเช่นนี้ พวกเขามองว่าการที่นักพรตไป๋ยื่อฉวยโอกาสคนโหดอันดับหนึ่งไม่ทันระวังตัว ทำการลอบโจมตีอย่างกะทันหัน ซึ่งหาใช่เป็นเรื่องที่มีเกียรตินัก
แม้จะกล่าวว่านักพรตไป๋ยื่ออาศัยกระบวนท่าเดียวซัดจนคนโหดอันดับหนึ่งกระเด็นไป ครองความได้เปรียบในกระบวนท่าเดียว แต่ว่าในสายตาของผู้ยิ่งใหญ่จำนวนไม่น้อยมองว่า สิ่งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ไร้ศักดิ์ศรี
จะอย่างไรเสีย อาศัยฐานะอย่างนักพรตไป๋ยื่อที่เป็นถึงชั้นคงความอมตะตลอดกาล ไปลอบโจมตีต่อคนโหดอันดับหนึ่งที่เป็นผู้เยาว์คนหนึ่ง นับว่าทำให้ความเป็นชั้นคงความอมตะตลอดกาลต้องเสื่อมเสีย และเอาชนะได้อย่างไร้ศักดิ์ศรี
เพียงแต่ ทุกคนได้แต่คิดอยู่ในใจเท่านั้น ไม่มีใครกล้าพูดออกมา จะอย่างไรเสียนักพรตไป๋ยื่อซึ่งแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ ใครก็ไม่ต้องการล่วงเกินเขา เพื่อไม่ให้นำมาซึ่งภัยถูกล้างสำนัก
“เป็นจริงที่นักพรตไป๋ยื่อร่วมมือกับตระกูลมู่” มีผู้ที่พูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
ความจริง หลังจากที่เห็นนักพรตไป๋ยื่อปรากฎตัวขึ้นที่ตระกูลมู่แล้ว แม้ว่าจะทำให้ผู้คนตระหนก แต่ ก็ไม่นับว่าเหนือความคาดคิด ผู้คนจำนวนไม่น้อยคิดว่านี่เป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดคิดอยู่แล้ว
“คนโหดอันดับหนึ่งอยู่ เกรงว่านักพรตไป๋ยื่อก็จะไม่สงบสุข จะต้องเป็นภัยเงียบที่ร้ายแรงอย่างแน่นอน” มีเทพแท้จริงขั้นอมตะพูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
ผู้คนจำนวนไม่น้อยมองตากันและกัน รู้สึกว่าคำพูดนี้มีเหตุผล เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้ว
คนโหดอันดับหนึ่งนั้นโหดเหี้ยมเพียงใด มีความแข็งแกร่งเช่นใด ขณะที่นักพรตไป๋ยื่อในฐานะชั้นคงความอมตะตลอดกาล ถ้าหากไม่มีคนโหดอันดับหนึ่งอยู่ คงจะต้องได้นั่งตำแหน่งยอดฝีมืออันดับหนึ่งอย่างมั่นคงแน่นอน แต่ว่า เมื่อมีคนโหดอันดับหนึ่งอยู่ ทุกอย่างก็มีการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างกลายเป็นว่าไม่สดใสอีกต่อไป
ภาษิตว่าไว้ เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ต่อให้ระหว่างคนโหดอันดับหนึ่ง กับนักพรตไป๋ยื่อไม่แคร์เรื่องของยอดฝีมืออันดับหนึ่งที่เป็นชื่อเสียงจอมปลอม แต่ว่า ทั้งสองฝ่ายก็จะต้องมีวันที่ขัดผลประโยชน์กัน ยิ่งไปกว่านั้น คนโหดอันดับหนึ่งเคยสังหารหลูเหว่ยจวิน ลูกหลานของนักพรตไป๋ยื่อ ดังนั้น ระหว่างนักพรตไป๋ยื่อกับคนโหดอันดับหนึ่ง ช้าหรือเร็วก็ต้องเปิดศึกกัน
ขณะที่กล่าวสำหรับตระกูลมู่แล้ว ระหว่างพวกเขากับคนโหดอันดับหนึ่งได้ก่อบุญคุณความแค้นเอาไว้แล้ว ทั้งสองฝ่ายจะต้องตายไปข้างหนึ่ง ภายใต้ช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ย่อมเหมาะที่จะร่วมมือกับนักพรตไป๋ยื่อมากที่สุด ตระกูลมู่ของพวกเขาต้องการมีนักพรตไป๋ยื่อที่อยู่ในชั้นคงความอมตะตลอดกาลมารับผิดชอบตรงส่วนนี้
สำหรับนักพรตไป๋ยื่อนั้น เขาเองก็ต้องการธาตุแท้ภายในที่แข็งแกร่งมากมายมหาศาล เรียกได้ว่าการร่วมมือของทั้งสองฝ่ายเป็นเรื่องที่ประสานร่วมมือกันได้ง่ายมาก
แน่นอนที่สุด ไม่มีใครรู้ว่าการร่วมมือกันระหว่างนักพรตไป๋ยื่อกับตระกูลมู่นั้น มีฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นผู้ประสานอยู่เบื้องหลัง เป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง
ส่วนเบื้องหลังฮ่องเต้ไท่ชิงได้วางแผนอะไรเอาไว้ ไม่มีใครรู้
‘ไป๋ยื่อตัดวัฏสงสาร’ เวลานี้มีเทพแท้จริงขั้นอมตะที่มองดูดาวเคราะห์ทั้งหมด ที่หมุนวนอยู่ข้างกายนักพรตไป๋ยื่อแล้ว ถึงกับขนลุกซู่ในใจ
เป็นเพราะ ‘ไป๋ยื่อตัดวัฏสงสาร’ นี่แหละที่ทำให้นักพรตไป๋ยื่อได้ชื่อนี้ ดาวเคราะห์ทั้งหมด ที่หมุนวนอยู่ข้างกายของเขานั้น เป็นทั้งเคล็ดวิชาที่ปราศจากผู้ต่อกรของนักพรตไป๋ยื่อ และเป็นทั้งสุดยอดของวิเศษของนักพรตไป๋ยื่อเช่นกัน
นี่เป็นผลจากการที่นักพรตไป๋ยื่อนำเอาสุดยอดเคล็ดวิชาปราศจากผู้ต่อกรกับสุดยอดของวิเศษมาหลอมรวมเข้าด้วยกัน มันจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของสัจธรรมสูงสุดของนักพรตไป๋ยื่อ และกลายเป็นของวิเศษที่สะเทือนเลื่อนลั่นของนักพรตไป๋ยื่อ
กล่าวได้ว่า ‘ไป๋ยื่อตัดวัฏสงสาร’ ของนักพรตไป๋ยื่อไม่รู้ว่าได้สังหารศัตรูที่แข็งแกร่งมาจำนวนเท่าไร ไม่รู้ว่ามีเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งจำนวนเท่าไร ท้ายที่สุดแล้วต้องกล้ำกลืนความเจ็บช้ำภายใต้ ‘ไป๋ยื่อตัดวัฏสงสาร’ นี้
เส้นสายผลึกแห่งกาลเวลา…เทพแท้จริงขั้นอมตะผู้รู้เรื่องของ ‘ไป๋ยื่อตัดวัฏสงสาร’ อย่างแท้จริง เมื่อมองเห็นดาวเคราะห์ทั้งหมด หมุนวนไปตามเส้นสายผลึกแห่งกาลเวลาแล้ว ล้วนแล้วแต่รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงทั้งสิ้น
เนื่องจากพวกเขารู้ว่า ความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของกระบวนท่า ‘ไป๋ยื่อตัดวัฏสงสาร’ ที่แท้จริงของนักพรตไป๋ยื่อไม่ได้อยู่ที่ดาวเคราะห์ดาวเคราะห์ทั้งหมด แต่อยู่ที่เส้นสายผลึกแห่งกาลเวลา
เนื่องจากขณะที่ดาวเคราะห์ทั้งหมด สังหารศัตรูนั้น มันไม่ได้บอกว่าอาศัยความรวดเร็วเช่นใด และหรือการย่นย่อระยะทางเข้ามาสังหาร
ใน ‘ไป๋ยื่อตัดวัฏสงสาร’ นี้ ช่วงห่างระหว่างช่องว่าง ความเร็วมากหรือน้อยล้วนไม่มีความสำคัญอีกแล้ว มันก้าวข้ามทุกอย่างโดยตรงแล้วเข้าไปในกาลเวลา ผ่านเส้นสายผลึกแห่งกาลเวลาเข้าสังหารศัตรูในชั่วพริบตา
หรือก็คือ ขณะที่กาลเวลากำลังเคลื่อนผ่านไปนั้น ทุกคนก็จะมีกาลเวลาที่เป็นของตนเอง จากวินาทีนี้ไปยังวินาทีต่อไป นี่แหละคือเส้นสายแห่งกาลเวลาหน่วยหนึ่ง
ขณะที่เส้นสายผลึกแห่งกาลเวลาของนักพรตไป๋ยื่อจะเชื่อมต่อตรงไปยังเส้นสายกาลเวลาของแต่ละคน และสังหารคนผู้นั้นจากเส้นสายกาลเวลาในพริบตา
ดังนั้น บุคคลผู้นั้นสามารถหลบหนี หนีไปให้ไกลสุดหล้าฟ้าเขียว และหลบซ่อนตัวเอาไว้ก็ได้ แต่ว่า จะไม่สามารถหนีพ้นไปจากกาลเวลาของตน จะอย่างไรเสียก็ต้องเคลื่อนไปจากวินาทีนี้สู่วินาทีต่อไปอยู่แล้ว ไม่สามารถหนีพ้นไปจากเส้นสายกาลเวลาของตนเองได้ ดังนั้น นี่แหละคือความน่ากลัวของ ‘ไป๋ยื่อตัดวัฏสงสาร’ ของนักพรตไป๋ยื่อ
“เหนือฟ้ามีฟ้า เหนือคนมียอดคน อย่าได้อวดดี” นักพรตไป๋ยื่อที่ยืนอยู่บนยอดเขาสูงสุดได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ
คำพูดของนักพรตไป๋ยื่อเหมือนเป็นผู้ที่หลุดพ้นจากโลกีย์ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก มีคุณสมบัติเฉพาะตัวของผู้บำเพ็ญตน ขณะที่พูดคำๆ นี้ออกมาก็ไม่ได้มีอารมณ์แม้แต่น้อย แต่ว่า เมื่อคำพูดนี้ถูกพูดออกมาและได้มนุษย์ปุถุชนได้ยินแล้ว ทุกๆ คำล้วนแล้วแต่เสมือนดั่งเป็นค้อนใหญ่ที่ทุบเข้าให้ที่กลางใจของทุกคนอย่างแรง พลันทำให้หายใจหอบขึ้นมา
คำพูดนี้ของนักพรตไป๋ยื่อที่พูดออกมานับว่ามีน้ำหนักโดยแท้จริง จะอย่างไรเสียเขาก็คือชั้นคงความอมตะตลอดกาล จะอย่างไรเสียพลันที่เขาลงมือก็จัดการส่งคนโหดอันดับหนึ่งปลิวกระเด็นออกไป เขามีสิทธิ์อย่างแท้จริงที่จะพูดคำนี้
“ท่านเซียนหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร…” ในเวลานี้ ศิษย์จำนวนล้านล้านคนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่ถึงกับร้องออกมาด้วยความดีใจ เมื่อเห็นนักพรตไป๋ยื่อซัดจนคนโหดอันดับหนึ่งลอยออกไป ถึงกับดีใจสุดๆ ในเวลานี้เสียงร้องแหลมที่แสดงถึงความดีใจเสมือนดั่งเป็นคลื่นความร้อนที่ม้วนตัวขึ้นสูง
ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีศิษย์จำนวนเท่าไรของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่ที่กอดคอกันร้องไห้ กระทั่งร้องเสียงแหลมขึ้นมา และกล่าวว่า “พวกเรารอดแล้ว”
นาทีนี้ กระทั่งมีศิษย์ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่จำนวนไม่น้อยมองนักพรตไป๋ยื่อเป็นผู้ที่มาช่วยชีวิต
เมื่อคนโหดอันดับหนึ่งถูกซัดจนลอยออกไป ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงได้หายใจหอบทีหนึ่ง ถ้าหากนักพรตไป๋ยื่อลงมือช้ากว่านี้อีก เกรงว่าเขาต้องถูกหลี่ชิเย่บดขยี้จนกลายเป็นเนื้อบดแล้ว
“สนุก นี่เพิ่งจะเริ่มต้นนะเนี่ย” ฮ่องเต้ไท่ชิงหัวเราะเสียงน่าครั่นคร้าม เมื่อมองเห็นศิษย์จำนวนล้านล้านคนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่ที่ตกอยู่ท่ามกลางบรรยากาศดีใจสุดขีด มองนักพรตไป๋ยื่อเป็นผู้ช่วยชีวิต
ขณะที่ซุนหลิ่งหยิ่งยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขารู้แล้วว่าตระกูลมู่จะมีชะตากรรมเช่นใด
…………………………………………….