จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2688

ตอนที่ 2688 สิบสามลัคนา
เมื่อเทียบกับผู้คนทั่วหล้าที่ร้อนรนแล้ว หลี่ชิเย่ที่ถูกหอกปีศาจแดนอเวจีแทงจนได้รับบาดเจ็บกลับไม่รู้สึกร้อนรนแม้แต่น้อย กระทั่งร่างกายของเขาถูกความชั่วร้ายแทรกซึมเข้าร่างอย่างบ้าคลั่ง เขายังคงเอ้อระเหยสบายอกสบายใจเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“รสชาติไม่เลวเลยนี่ นับว่ามีรสชาติของความเป็นอาวุธร้ายอยู่โดยแท้” ในขณะที่อยู่ท่ามกลางเสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดที่ดังขึ้น จังหวะที่ความชั่วร้ายแทรกซึมเข้าร่างหลี่ชิเย่อย่างบ้าคลั่งนั้น หลี่ชิเย่ถึงกับยิ้มเรียบเฉยทีหนึ่ง ทำเหมือนมองไม่เห็นสำหรับความชั่วร้ายที่โจมตีเข้ามา กระทั่งมีท่าทีเหมือนเป็นการเสพสุขอยู่บ้าง เหมือนว่าเป็นการเสพสุขยิ่งกับการแทรกซึมเข้าร่างของความชั่วร้ายอย่างนั้น เหมือนว่าความชั่วร้ายได้กลายเป็นรสชาติอันโอชะที่อยู่ในปากของเขาอย่างนั้น
ทุกคนที่มองเห็นท่าทางที่เรียบเฉย กระทั่งมีทีท่าที่เหมือนยังติดใจกับรสชาติที่ยังคงติดลิ้นอยู่ พลันทำให้ผู้คนถึงกับตะลึงงัน ในเวลานี้เอง ผู้คนใต้หล้าต่างร้อนรนกันขึ้นมา ต่างเหงื่อตกเพราะกังวลในความปลอดภัยของหลี่ชิเย่อยู่เงียบๆ เวลานี้ตัวของหลี่ชิเย่เองกลับไม่ร้อนรนแม้แต่น้อย กระทั่งไม่มองหอกปีศาจแดนอเวจีที่แทงอยู่บริเวณหัวไหล่ของตนโดยสิ้นเชิง และไม่สนใจต่อการแทรกซึมเข้าร่างของความชั่วร้ายอย่างบ้าคลั่ง
ใช่เพียงแต่ผู้คนใต้หล้าที่ตะลึงลานเท่านั้น แม้แต่ตัวของนักพรตไป๋ยื่อเองก็ตะลึงอยู่นิดหนึ่ง ในเสียววินาทีนี้เอง ปรากฏอารมณ์ที่กระวนกระวายขึ้นในใจและลุกลามไปทั่ว
“ผู้คนในโลกล้วนต้องการบังเกิดปาฏิหาริย์ขึ้น ถ้าเช่นนั้น ก็ให้ข้าเป็นผู้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาก็แล้วกัน ให้ผู้คนในหล้าได้เห็นว่าอะไรที่เรียกว่าเป็นปาฏิหาริย์” ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่ได้เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ลึกซึ้งขึ้นมา
เสียงตูม…ดังสนั่น ในพริบตาเดียวนั่นเอง ทั่วร่างของหลี่ชิเย่พลันพวยพุ่งเป็นประกายที่เจิดจ้าละลานตายิ่งออกมา ประกายดังกล่าวมีความเจิดจรัสอย่างยิ่ง ส่องสว่างไปเก้าชั้นฟ้าสินแดนดิน ท่ามกลางประกายที่เจิดจรัสเช่นนี้ สิ่งใดๆ บนโลกใบนี้ บรรดาผู้ดำรงอยู่ในสถานใดก็ตาม พลันสลดและอับแสง ประกายที่เจิดจรัสยิ่งดั่งกล่าวพลันถมโลกทั้งโลกจนเต็ม ทุกๆ มุมโลกไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลความเจริญ และมืดมิดเพียงใดก็ตาม ล้วนแล้วแต่ถูกประกายดังกล่าวนี้ถมจนเต็ม
ตูม ตูม ตูมในพริบตาเดียวนั้นเอง ลัคนาของหลี่ชิเย่เปิดออกกว้าง ปรากฎลัคนาแต่ละอันที่บินออกมา
“หนึ่ง สอง สาม…” แรกทีเดียว ผู้คนไม่ค่อยให้ความสนใจว่าหลี่ชิเย่จะมีลัคนาสักกี่ดวง เนื่องจากทุกคนต่างมองว่าหลี่ชิเย่จะต้องมีสิบสองลัคนาอย่างแน่นอน อีกทั้งยังกระทั่งถูกเป็นลัคนาที่ถูกจุดติดแล้วทั้งสิบสองลัคนาแน่นอน หาไม่แล้วคงไม่แข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้
แต่ เมื่อลัคนาทั้งหมดของหลี่ชิเย่ล้วนแล้วแต่ถูกยิงออกมาทั้งหมดแล้ว ทันใดนั้นเอง มีคนรู้สึกว่านับตัวเลขผิด อดที่จะนับใหม่ขึ้นอีกครั้ง
“สิบสามลัคนา สิบสามลัคนา…” หลังจากนับแล้ว ทำให้ผู้คนถึงกับตกตะลึงจนตาค้างและส่งเสียงร้องแหลมขึ้นมาทีหนึ่ง
กระทั่งมีผู้ที่สงสัยว่าตนเองนั้นนับผิดไปหรือไม่ จึงทำการนับใหม่อีกหลายครั้ง แต่ เป็นสิบสามลัคนาจริงๆ
“สิบสามลัคนา เป็นสิบสามลัคนาจริงๆ มัน มัน มันไม่ผิดอย่างแน่นอน นับไม่ผิดอย่างแน่นอน” หลังจากนับไปครั้งแล้วครั้งเล่า มีผู้ร้องเสียงดังออกมาด้วยความหวาดผวา
“นี่ นี่ นี่ นี่มันจะเป็นไปได้อย่างใดกัน โลก โลกนี้มีสิบสามลัคนาอยู่จริงๆ รึ? มัน มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ ผู้ที่ได้สติกลับมาแล้วต้องงงงัน เนื่องจากสิ่งนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
“มัน มัน มันเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ” มีผู้ที่ร้องด้วยความตระหนกขึ้นมา แม้แต่คำพูดก็ยังพูดออกมาติดอ่าง
มาคราวนี้ ปาฏิหาริย์ที่แท้จริงได้มาเยือนแล้วจริงๆ สิบสามลัคนาได้ปรากฏต่อหน้าผู้คนทุกคนบนโลก ทำให้ต้องรู้สึกงงงัน และสั่นคลอนต่อทุกคนอย่างสิ้นเชิง
อย่าว่าแต่ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั่วหล้าเลย แม้แต่ผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะที่แข็งแกร่งมากที่สุดอย่างนักพรตไป๋ยื่อ เมื่อมองเห็นสิบสามลัคนาที่ลอยสูงเด่นอยู่พลันถูกทำให้หวั่นไหวตกตะลึงจนตาค้างพูดอะไรไม่ออกไปในทันที
“มัน มัน มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน…” นักพรตไป๋ยื่ออวดอ้างตนเองว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ประสบการณ์กว้างขวางมาตลอดชีวิต แต่ว่า เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสิบสามลัคนาเช่นเดียวกัน นักพรตไป๋ยื่อคล้ายดั่งเห็นผีเมื่อมองเห็นสิบสามลัคนาที่อยู่ตรงหน้า พลันกระโดดตัวลอยขึ้นมา ทำให้เขาถึงกับสมองงุนงงไม่ตอบสนองไปทันที
ผู้คนใต้หล้าพลันเซ่อไปเลย ขณะมองดูสิบสามลัคนาที่อยู่ตรงหน้า
ขอเพียงเป็นผู้ที่มีความรู้สักนิดก็จะรู้ว่า ทั่วทั้งแดนสามเซียนขีดสูงสุดคือสิบสองลัคนา สำหรับผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่ง ขณะที่อยู่ในระดับเทพแท้จริงนั้น อย่างมากที่สุดก็จะมีเพียงสามลัคนาในครอบครองเท่านั้น
เมื่อมีการบุกเบิกลัคนาดวงที่สามขึ้นมาแล้ว ก็เป็นการบ่งบอกว่าบุคคลผู้นั้นกำลังจะก้าวสู่ระดับขึ้นสู่สวรรค์ กลายเป็นเทพแท้จริงขึ้นสู่สวรรค์ชั้นที่หนึ่ง
ขณะที่มีเพียงผู้ที่ก้าวขึ้นสู่ราชันแท้จริงแล้วเท่านั้น นั่นแหละจึงสามารถบุกเบิกลัคนาได้ทั้งหมด โดยมีสิบสองลัคนาได้ในรวดเดียว
แต่ทว่า เมื่อได้กลายเป็นราชันแท้จริงแล้ว ต่อให้บุกเบิกสิบสองลัคนาได้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่สามารถควบคุมสิบสองลัคนาได้ตั้งแต่แรกเริ่ม และเป็นไปไม่ได้ที่จะสำแดงพลังที่มีอยู่ทั้งหมดของสิบสองลัคนาได้
ดังนั้น ยามเมื่อน้ำแก่นสัจธรรมได้ทำการจุดติดลัคนาทั้งสิบสองดวงแล้วนั้น นั่นแหละจึงสามารถควบคุมสิบสองลัคนาได้อย่างแท้จริง
เมื่อก้าวมาถึงราชันแท้จริงในขั้นนี้แล้ว ก็จะถูกยกย่องว่าเป็นราชันแท้จริงสิบสองลัคนา
สำหรับเทพแท้จริงนั้น ขณะอยู่ในขั้นก้าวขึ้นสู่สวรรค์ ทุกๆ สวรรค์ชั้นฟ้าหนึ่งก็จะทำการบุกเบิกลัคนาได้หนึ่งดวง ดังนั้น เมื่อกลายเป็นเทพแท้จริงสวรรค์ชั้นที่เก้าก็จะมีลัคนาในครอบครองสิบเอ็ดดวง
เมื่อสามารถบุกเบิกลัคนาที่สิบสองได้ ก็จะก้าวทะลุคอขวดกลายเป็นขั้นอมตะ และมุ่งหน้าสู่จุดสูงสุดของเทพแท้จริงต่อไป
ไม่ว่าจะเป็นราชันแท้จริง หรือเทพแท้จริงก็ตาม หลังจากที่ได้ครอบครองลัคนาสิบสองดวงแล้ว แม้ภายหลังจะสามารถก้าวไปบนเส้นทางบำเพ็ญเพียงอย่างทระนง ก็จะมีได้เพียงสิบสองลัคนาเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาล หรือว่าราชันแท้จริงก้าวสู่ปฐมบรรพบุรุษก็ตาม ท้ายสุดแล้วก็็จะมีได้เพียงสิบสองลัคนาในครอบครองเท่านั้น
ดังนั้น ในทัศนะคติของผู้คนบนโลกนี้ สิบสองลัคนาคือที่สุดแล้ว ผู้คนบนโลกนี้ไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม ท้ายที่สุดก็จะมีสิบสองลัคนาในครอบครอง ไม่อาจมีมากไปกว่านี้อีกแล้ว
แต่ว่า หลี่ชิเย่ในเวลานี้กลับมีถึงสิบสามลัคนาในครอบครอง ซึ่งทั้งหมดนี้พลันทำลายความรู้ทั่วไปของผู้คนลงทันที ในเวลานี้ได้ทำให้ทุกคนมองดูด้วยความตกตะลึงจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก พลันสร้างความสะเทือนหวั่นไหวให้กับทุกคน
เนื่องจากในความคิดของทุกคนนั้น สิบสองลัคนาคือขีดสูงสุด ต่อให้เป็นระดับปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียนก็จะมีลัคนาในครอบครองได้สิบสองดวงเท่านั้น
แต่ว่า เวลานี้หลี่ชิเย่กลับมีสิบสามลัคนาในครอบครอง ซึ่งได้แซงล้ำหน้าจินตนาการของทุกคนไปแล้ว ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ดังนั้น ในเวลานี้ทุกคนล้วนแล้วแต่งุนงงไปหมด
“สิบสามลัคนา…” ปาฏิหาริย์เช่นนี้ได้ทำลายความรู้รอบตัวของทุกๆ คน ทำให้ทุกคนไม่สามารถเรียกสติกลับมาได้เป็นเวลานาน และต้องบ่นพึมพำขึ้นมา
เสียงตูม…ดังสนั่น เมื่อสิบสามลัคนาปรากฏ ได้ดันโลกทั้งโลกให้เปิดออก นาทีนี้หลี่ชิเย่ก็คือศูนย์กลางของจักรวาล ต้นกำเนิดสัจธรรม ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ต้องหมอบกราบ ต้องยอมสยบเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
ภายใต้เสียงตูมที่ดังสนั่นเช่นนี้ ได้กระแทกหอกปีศาจแดนอเวจีจนกระเด็น พริบตาเดียวนั่นเองได้ยินเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดขึ้นมา ความชั่วร้ายที่ได้แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเขานั้นถูกเผาไหม้จนสะอาดหมดจดไปทั้งหมด ต่อให้เป็นความชั่วร้ายที่ทรงพลังมากกว่านี้ ณ เวลานี้ ภายใต้สิบสามลัคนาของหลี่ชิเย่ล้วนแล้วแต่ดูจะไร้ค่าคู่ควรจะกล่าวถึง
“เยี่ยม…” หลังจากเวลาผ่านไปนานมาก ในที่สุดเมื่อทุกคนได้สติกลับมาแล้ว มองเห็นลัคนาสิบสามดวงที่ลอยสูงเด่นของหลี่ชิเย่ที่วูบวาบไปหมื่นแดน พลันกระแทกเอาหอกปีศาจแดนอเวจีจนปลิวออกไป เผาความชั่วร้ายจนหมดสิ้น ทุกคนเมื่อได้สติกลับมาแล้วจึงได้ส่งเสียงร้องไชโยเสียงดังขึ้นมา
“ปาฏิหาริย์ มีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้นที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์เช่นนี้ขึ้นมาได้” ในเวลานี้ เสียงร้องแหลมดังขึ้นเป็นระลอก ทุกคนต่างส่งเสียงร้องไชโยให้กับคนโหดอันดับหนึ่ง กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว การที่คนโหดอันดับหนึ่งสร้างปาฏิหาริย์ได้ นั่นหมายถึงแสงแห่งความหวังของแดนลัทธิราชัน ทำให้แสงแห่งความหวังได้สาดส่องปกคลุมทั่วทั้งแดนลัทธิราชันอีกครั้งหนึ่ง
“สิบสามลัคนานะเนี่ย” ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่เก่ากะลายิ่งต่างหวั่นไหวกับสิ่งนี้แม้จะได้สติกลับมาแล้ว และกล่าวทอดถอนใจขึ้นมาว่า “มิน่าเล่าเขาถึงได้ลึกล้ำยากจะหยั่งถึง มิน่าเล่าเขาถึงได้ปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า ลำพังแค่อาศัยสิบสามลัคนานี้ก็เป็นการเปิดศักราชให้กับแดนสามเซียนแล้ว สามารถเทียบเคียงได้กับระดับปฐมบรรพบุรุษคนใดก็ได้ในแดนสามเซียน กระทั่งสามารถเทียบเคียงได้กับผู้เป็นเซียนทั้งสามที่อยู่ในตำนาน”
“นี่ นี่ นี่มันประหลาดมากไร้เหตุผลแล้ว…” สีหน้าทั้งของฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งล้วนแล้วแต่ขาวซีดเมื่อได้เห็นภาพนี้ ถูกทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
พวกเขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้ และพวกเขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าหลี่ชิเย่ถึงกับมีสิบสามลัคนาในครอบครอง
“ชั่วชีวิตของเข้าวางแผนไม่เคยพลาด สำหรับคนโหดอันดับหนึ่งเป็นการคำนวณผิดพลาดมากที่สุดชั่วชีวิตของข้า และเป็นการวางแผนพลาดมากที่สุดในชีวิตของข้า” ในเวลานี้ฮ่องเต้ไท่ชิงยืนแข็งทื่อด้วยความเหม่อลอย และหวาดผวาจนหน้าถอดสี ขณะมองดูหลี่ชิเย่ที่มีสิบสามลัคนาลอยล่อง ควบคุมหมื่นยุค
“เดิมทีชั่วชีวิตนี้ยังคงสามารถไต่ระดับให้ก้าวสู่จุดสูงสุดได้อีกครั้ง เดิมทีมีไพ่ดีอยู่ในมือ แต่ กลับถูกข้าเล่นเสียเละไปหมด” สุดท้าย ฮ่องเต้ไท่ชิงกล่าวด้วยท่าทีสลด ไม่รู้สึกลำพองใจในแผนการของตนอีกแล้ว
ยืมมือผู้อื่นปราบระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่จนราบคาบ กวาดล้างกลุ่มอำนาจฝ่ายต่างๆ แล้วอาศัยอุบายทำให้ผู้อื่นไปได้รับความเสียหายแทนตน วางแผนให้ร้ายตระกูลมู่ เข่นฆ่าทำลายล้างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่จนสิ้น กล่าวสำหรับฮ่องเต้ไท่ชิงแล้วสิ่งเหล่านี้ดูจะน่าภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง เป็นแผนการที่คู่ควรให้เขาไปลำพองใจ
เรียกได้ว่าบ่อยครั้งมากที่ฮ่องเต้ไท่ชิงรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งในแผนการของตนเอง
แต่ว่า เมื่อได้เห็นสิบสามลัคนาของหลี่ชิเย่ในขณะนี้แล้ว เขาพลันรู้สึกสลดและอับแสง อยู่ต่อหน้าสิบสามลัคนานี้แล้ว การวางแผนให้ร้ายอะไร ความสำเร็จเช่นใด กลยุทธอย่างไรก็ไร้ค่า
เนื่องจากตัวเขาเป็นบุคคลแรกที่ได้พบกับหลี่ชิเย่ในแดนลัทธิราชัน และเป็นคนแรกที่มีแววตาแหลมคม ถ้าหากเขาไม่เล่นหมากกระดานนี้ ไม่วางแผนกลยุทธลักษณะเช่นนี้ ขอเพียงคบหาหลี่ชิเย่เป็นสหายก็จะทำให้เขาได้รับประโยชน์ไม่สิ้นสุดไปชั่วชีวิต
ถ้าหากสามารถคบหาคนๆ หนึ่งที่มีสิบสามลัคนาในครอบครอง คนๆ หนึ่งที่เทียบเคียงกับระดับปฐมบรรพบุรุษ คนๆ หนึ่งที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งเป็นหมื่นยุคเป็นครูที่ดีและสหายที่คอยให้ความช่วยเหลือได้ จะทำให้เขาได้รับประโยชน์ไม่มีสิ้นสุดไปชั่วชีวิต
สามารถคบหาเป็นสหายกับผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะสุดยอดปราศจากผู้ต่อกรที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองเช่นนี้ อนาคตฮ่องเต้ไท่ชิงอย่างเขาก็สามารถถูกจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของแดนสามเซียนได้ กระทั่งอาจจะถูกชนรุ่นหลังยกย่องให้เป็นปรัชญาเมธีผู้มีสายตาแหลมคม ไม่แน่นัก ชนรุ่นหลังอาจจะแซ่ส้องว่าเขาเป็นคนแรกที่ค้นพบคนโหดอันดับหนึ่งผู้มีสิบสามลัคนาอยู่ในครอบครอง
แต่ว่า เขากลับพลาดโอกาสดีที่ฟ้าประทานมาให้ ความสำเร็จชั่วชีวิตของเขาก็จะสุดอยู่เพียงเท่านี้ ซึ่งก็คือเป็นฮ่องเต้ไท่ชิงคนหนึ่งเท่านั้นเอง เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งคนหนึ่งเท่านั้น แม้แต่คำว่าปรัชญาเมธีก็เอื้อมไปไม่ถึง กระทั่งยังผูกความแค้นเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับคนโหดอันดับหนึ่ง
ในเวลานี้ ฮ่องเต้ไท่ชิงยืนเหม่อลอยอยู่ตรงนั้นเมื่อหวนนึกถึงเรื่องราวต่างๆ นานา เขาเคยมีไพ่ดีที่สุดอยู่ในมือ แต่ กลับถูกข้าเล่นจนเละไปหมด ขณะที่ตัวเขาเองกลับเล่นไพ่สุดแย่สำรับนั้นด้วยความรู้สึกลำพองใจอย่างยิ่ง
“คิดวางแผนให้ร้ายมาชั่วชีวิต มิสู้ไม่วางแผนเสียจะดีกว่า” ฮ่องเต้ไท่ชิงกล่าวทอดถอนใจว่า “คนคำนวณ ฤ จะสู้ลิขิตฟ้า!”
……………………………………………………..
