จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2695
ตอนที่ 2695 สัจธรรมไหนเลยง่ายดาย
แผ่นดินเงียบสงัด หลี่ชิเย่ก็รักที่จะอยู่เงียบๆ มองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและทรงพลานุภาพ ด้วยความสบายอกสบายใจ
เวลานี้ ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจิ่วมี่ก็ดี เรื่องราวของแผ่นดินก็ช่าง หลี่ชิเย่ล้วนแล้วแต่ไม่ใส่ใจทั้งสิ้น อีกทั้งเวลานี้แผ่นดินสงบร่มเย็น ทุกอย่างล้วนแล้วแต่สงบสุข ยิ่งไม่ต้องให้หลี่ชิเย่ต้องกังวล
เอนตัวนอนอยู่ในอุทยานหลวง มองดูท้องฟ้าสีคราม กลิ่นหอมบุปผาทำให้เคลิบเคลิ้มหลงใหล สายลมอบอุ่นโชยมาเป็นระลอก เรียกได้ว่ามีความเป็นอิสระเสรีและสบายใจอย่างบอกไม่ถูก เวลานี้นาทีนี้ให้ความรู้สึกถึงความสงบเงียบและงดงามสำหรับผู้ที่มีใจชื่นชอบในสภาพแวดล้อมเช่นนี้
การเอนนอนอยู่ตรงนั้นเสมือนดั่งนอนหลับไปแล้ว และเสมือนดั่งเป็นเนื้อเดียวกันกับฟ้าดินอย่างนั้น
ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าใดแล้ว ปรากฏกลิ่นหอมที่เย็นชุ่มชื่นลอยเข้ามา ปรากฏเทพธิดาในสายตา เป็นราชันแท้จริงจิ่วหนิงนั่นเอง
นับตั้งแต่กลับมาแล้ว ราชันแท้จริงจิ่วหนิงก็ไม่ได้จากไปไหน นางพักอยู่ในระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจิ่วมี่นี่เอง แม้ว่าในขณะนี้เป็นหลี่ชิเย่ที่ครองอำนาจใต้หล้า มีหลี่ชิเย่เป็นผู้ปกครองดูแลระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมด
แต่ว่า ราชันแท้จริงจิ่วหนิงยังคงอิสระเสรีสบายอกสบายใจ ยังคงพักอาศัยอยู่ที่นี่ดั่งเป็นบ้านของตน ความจริงแล้ว เป็นความจริงที่ที่ตรงนี้เป็นบ้านของนาง นางเองก็เติบโตที่ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจิ่วมี่
แม้ว่าหลี่ชิเย่กับฮ่องเต้ไท่ชิงมีบุญคุณความแค้นต่อกัน แต่ว่า ภายในใจของราชันแท้จริงจิ่วหนิงกลับไม่ได้มองหน้ากันไม่ติดแม้แต่น้อย ระหว่างนางกับหลี่ชิเย่ช่างสบายอกสบายใจและเป็นธรรมชาติอะไรอย่างนั้น เหมือนหนึ่งเป็นสหายเก่าที่ได้มาพบกันอย่างนั้น
ราชันแท้จริงจิ่วหนิงนั่งลงข้างกายของหลี่ชิเย่ เพียงยิ้มจางๆ ขณะมองดูหลี่ชิเย่ที่เอนตัวนอน นางที่งดงามดั่งเทพธิดาบนสวรรค์ เพียงยิ้มจางๆ เรียกได้ว่างามล่มเมืองเลยทีเดียว ทำให้สุริยันจันทรายังต้องสลดและอับแสง
“ท่านมีความในใจ” ฝ่ามือของราชันแท้จริงจิ่วหนิงแตะเบาๆ บนศีรษะของหลี่ชิเย่ มือนุ่มนวลของนางที่อบอุ่นแฝงด้วยความเย็น เมื่อฝ่ามือแตะอยู่บนหน้าผากปรากฎความเย็นสายหนึ่งที่ไหลริน ทำให้รู้สึกสบายไปทั่วร่าง
หลี่ชิเย่ลืมตาทั้งสองขึ้น มองดูใบหน้างดงามที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองของราชันแท้จริงจิ่วหนิง ยิ้มกล่าวเรียบเฉยว่า “สถานการณ์หมื่นยุคเป็นเพียงสิ่งที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วเท่านั้น ไม่ถึงขั้นเป็นความในใจอะไร”
“สำหรับท่านแล้ว สถานการณ์หมื่นยุคอาจเป็นเพียงสิ่งที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ สิ่งที่ทำให้ผู้คนบนโลกมนุษย์ทิ้งไม่ลงมากที่สุดคงไม่พ้นคำว่า ‘ความรัก’ ความรักที่เป็นมิตรภาพ ความรักระหว่างเครือญาติ ความรักชายหญิง ความรักระหว่างญาติพี่น้องผู้ร่วมงาน…มีมากมายหลายหลากบนโลก จะให้ทำอย่างใดกับคำว่า ‘ความรัก’” ราชันแท้จริงจิ่วหนิงหลุดพ้นจากกิเลสอยู่เหนือมนุษย์ปุถุชนธรรมดา งดงามจนทำให้ผู้คนหายใจไม่ออก
หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย และพยักหน้า ทอดสายตามองไกลไปบนท้องฟ้าสีคราม สุดท้าย เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เรียกว่าเป็นการยากหรือไม่ กับการขึ้นไปยังแดนลัทธิเซียนคนเดียว?”
“สัจธรรมไร้ขอบเขต ไม่มีคำว่าง่ายดายแต่เดิมอยู่แล้ว” ความงดงามที่สงบเงียบดั่งบุปผาที่เบ่งบานและร่วงโรยของราชันแท้จริงจิ่วหนิง นับว่าเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนโดยแท้ พลันที่ได้เห็นก็จารึกอยู่ในใจไม่อาจลืมเลือน
“พูดได้ดีมาก เป็นความจริงที่สัจธรรมไร้ขอบเขตไม่มีคำว่าง่ายดายสองคำนั่น” หลี่ชิเย่ถึงกับถูมือและหัวเราะ กล่าวว่า “หากต้องการคำว่าง่ายดายสองคำ ใยต้องฝึกปรือสัจธรรมด้วยความยากลำบากเล่า ไปเป็นอ๋องที่มีความอิสระไม่มีผู้ใดมาบังคับก็แล้วกัน”
“สำหรับผู้คนบนโลกไม่มีคำว่าง่ายดายสำหรับสัจธรรม สำหรับท่านแล้ว สัจธรรมไร้ขอบเขตมีเพียงคำว่าลำบาก” ราชันแท้จริงจิ่วหนิงจ้องมองหลี่ชิเย่ เหมือนว่าได้มองลึกเข้าไปภายในดวงตาของหลี่ชิเย่
หลี่ชิเย่สยบใต้หล้า ประชาชนในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินล้วนแล้วแต่สั่นเทาภายใต้อำนาจสูงสุดของเขา บนโลกนี้จะมีสักกี่คนที่กล้าจ้องตากับเขาเล่า แต่ว่า นาทีนี้เวลานี้ ขณะราชันแท้จริงจิ่วหนิงจ้องมองหลี่ชิเย่นั้นคล้ายต้องการเข้าไปยังส่วนที่ลึกเข้าไปภายในจิตใจอย่างนั้น
หลี่ชิเย่ไม่ได้พูดอะไรออกมา มองดูท้องฟ้าสีคราม หลังจากผ่านไปนานมากแล้วจึงค่อยยิ้มๆ และกล่าวว่า “ทุกยุคสมัยล้วนยากเข็ญแล้วอย่างไร ไม่ผ่านความยากเย็นมากมาย จะเอ้อระเหยเหมือนเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้าน ก้าวเดินไปช้าๆ อย่างมีความสุขได้อย่างไร”
“ปราศจากผู้ต่อกร สมควรเป็นเช่นนี้” ราชันแท้จริงจิ่วหนิงถึงกับชื่นชมเบาๆ ท่วงท่าที่งดงามของนาง นับว่าเพียงพอที่จะให้จิตใจของผู้คนบนโลกต้องเคลิบเคลิ้มหลงใหล นางกล่าวชื่นชมว่า “ปราศจากผู้ต่อกรไม่เพียงหมายถึงสัจะรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมายถึงจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร โลกนี้ไหนเลยมีผู้ที่ไม่เคยพ่ายแพ้ตลอดชีวิตกันเล่า กองทัพแพ้พ่ายแก่ผู้อื่นไม่ได้น่ากลัว มีเพียงจิตที่ไม่แพ้ สักวันหนึ่งก็จะไม่แพ้”
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้นสำหรับการชื่นชมของราชันแท้จริงจิ่วหนิง และไม่ได้กล่าวตอบ เพียงมองดูท้องฟ้าสีคราม
“ไม่ทราบว่าสิ่งที่พี่ท่านปรารถนาคือสิ่งใด?” หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เสมือนดั่งกาลเวลานั้นชื่นชอบในสภาพแวดล้อมที่สงบเงียบและงดงาม ราชันแท้จริงจิ่วหนิงเอนนอนกระทบไหล่กับหลี่ชิเย่ และมีความเป็นอิสระเสรีและสบายอกสบายใจอย่างยิ่ง ทั้งสองคนเสมือนดั่งมีความสัมพันธ์เป็นสหายเก่ามาร้อยยุคอย่างนั้น
“เจ้าคิดว่าสิ่งที่ข้าปรารถนาคือสิ่งใด?” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย
“ไม่ทราบ” ราชันแท้จริงจิ่วหนิงส่ายหัวเบาๆ และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้าข้าพบเห็นมามากมาย มีผู้ที่มุ่งหวังอายุวัฒนะ มีผู้ต้องการปราศจากผู้ต่อกร มีผู้ที่ต้องการก้าวขึ้นจุดสูงสุด และมีผู้ที่ต้องการความสบายใจ…”
ครั้นราชันแท้จริงจิ่วหนิงเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้หยุดนิดหนึ่ง นางส่ายหัวเบาๆ และกล่าวว่า “สำหรับพี่ท่านข้าไม่ทราบ ข้ามองว่าสิ่งที่พี่ท่านต้องการไม่ใช่อายุวัฒนะ และไม่ใช่ปราศจากผู้ต่อกร และไม่ใช้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด เนื่องจากพี่ท่านเคยปราศจากผู้ต่อกรไปแล้ว และเคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่สิ่งที่พี่ท่านต้องการ แต่ ภายในใจของพี่ท่านมีความปรารถนา เพียงแต่ข้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาพื้นๆ คนหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถศึกษาถึงความต้องการของพี่ท่าน”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา และปัดเส้นผมที่อยู่บนบ่าของราชันแท้จริงจิ่วหนิงเบาๆ ยิ้มกล่าวว่า “ถ้าหากแม้แต่เจ้ายังเป็นมนุษย์ธรรมดาพื้นๆ เช่นนั้นแล้วผู้คนในโลกคงหยาบจนรับไม่ได้ ธรรมดาจนไม่เข้าตา”
ราชันแท้จริงจิ่วหนิงก็เพียงแค่ยิ้มๆ เมื่อได้รับคำชื่นชมเช่นนี้ นางที่เสมือนดั่งเทพธิดาบนสวรรค์ หลุดพ้นจากกิเลสบนโลกมนุษย์นับว่างดงามมีเพียงหนึ่งไม่มีสอง ความงดงามเช่นนี้ สมควรมีอยู่บนสวรรค์เท่านั้น
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ราชันแท้จริงจิ่วหนิงเอียงศีรษะนิดหนึ่ง ทุกๆ การแสดงออกของนางล้วนแล้วแต่งดงามมีเพียงหนึ่งไม่มีสอง ทำให้หัวใจผู้คนต้องเต้นตูมตาม
“เท่าที่ข้าทราบ พี่ท่านไม่ใช่คนในโลกนี้” ราชันแท้จริงจิ่วหนิงกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ในสายตาของพี่ท่านมองว่าความเจริญรุ่งเรืองทุกยุคสมัย ความเปลี่ยนแปลงขึ้นลงที่เกิดขึ้นเป็นนิรันดร์ เป็นเพียงสิ่งนอกกายเท่านั้น พี่ท่านที่เดินผ่านไปเหลือไว้เพียงตำนาน พี่ท่านเดินทางไกลมาโดยตลอด เดินผ่านอาณาจักรมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่ ไม่เคยปักหลักที่ไหนมาก่อน”
ครั้นราชันแท้จริงจิ่วหนิงเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย และกล่าวว่า “นกกระจอกไหนเลยล่วงรู้ความคิดพญาหงส์ บางทีใช่ว่าพี่ท่านจะไม่คิดปักหลัก เพียงแต่โลกนี้ไม่คู่ควรให้พี่ท่านต้องปักหลักเท่านั้น การที่พี่ท่านเดินทางไกล ในแดนไกลตรงนั้นต้องมีสิ่งที่ตนไล่ตามอยู่แน่นอน และสิ่งของลักษณะเช่นนี้มีแรงดึงดูดที่แซงล้ำหน้าทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับพี่ท่าน”
“การเดินทางไกลไม่ได้หมายถึงปราศจากสิ่งใดต้องอาลัยอาวรณ์ การปักหลักก็ไม่ได้แทนอาลัยอาวรณ์ใดๆ” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “บางที การเดินทางไกลเพื่อต้องการปกป้อง ขณะที่การปักหลักก็มีความเป็นไปได้ว่าเพียงเพราะปราศจากความสามารถที่จะเดินทางไกลได้อีก”
“บางทีการเดินทางไกลเพื่อปกป้อง” ราชันแท้จริงจิ่วหนิงพยายามครุ่นคิดและตระหนักถึงคำๆ นี้อย่างละเอียด คำพูดคำนี้ทำให้ผู้คนต้องกลับไปขบคิดไม่มีสิ้นสุด เหมือนว่ามันช่างลึกซึ้งอะไรอย่างนั้น
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ ราชันแท้จริงจิ่วหนิงจ้องมองดูหลี่ชิเย่ นัยน์ตาที่งดงามและลึกล้ำอย่างยิ่งเหมือนมองตรงเข้าไปภายในจิตใจอย่างนั้น
นางได้พูดขึ้นเบาๆ ว่า “สิ่งที่พี่ท่านเฝ้าปกป้องคือสิ่งใดเล่า? คนที่ตนเองรัก? หรือคนที่รักตน? และหรือพี่ท่านเฝ้าปกป้องโลกนี้ ปกป้องโลกทั้งโลก ล่องลอยเป็นนิรันดร์ เป็นผู้ใดที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลานี้? เป็นผู้ใดที่แบกภาระหนักอึ้งนี้เอาไว้บนบ่าเล่า?”
เมื่อราชันแท้จริงจิ่วหนิงพูดมาถึงตรงนี้แล้วได้จ้องมองตาทั้งสองของหลี่ชิเย่ แววตาของนางเสมือนดั่งส่องตรงเข้าไปยังลูกตาดำของหลี่ชิเย่
“ผู้คนบนโลกไม่ทราบ แต่ ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลานี้ อย่างไรเสียก็มีผู้ที่คอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ ภัยอันตรายบนโลกนี้อยู่เหนือความจินตนาการของผู้คนไปมากทีเดียว” ราชันแท้จริงจิ่วหนิงเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ความจริงแล้ว การคงอยู่หรือสิ้นสลายของสำนัก ความเจริญหรือเสื่อมโทรมของตนเอง กล่าวสำหรับผู้คนบนโลกแล้ว บางทีเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง แต่ว่า ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลานี้ เรื่องราวต่างๆ นานาเป็นเพียงฝุ่นผงเท่านั้น ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง ขอเพียงโลกนี้ไม่สูญสลายเป็นนิรันดร์ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่คงอยู่ชั่วนิรันดร์”
“ดังนั้น ในโลกนี้ ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลานี้ มีผู้ที่คอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ ราชันแท้จริงจิ่วหนิงดูจะจริงจังอะไรอย่างนั้น นางต้องการมองออกถึงความนัยบางอย่างจากลูกตาดำของหลี่ชิเย่
หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา ส่ายหัวเบาๆ และกล่าวว่า “นังหนู เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าไม่ใช้ผู้สังเกตการณ์ของโลกนี้ และไม่ใช่พระเจ้าผู้ช่วยโลกของโลกนี้ กล่าวสำหรับข้าแล้ว โลกนี้ไม่เคยมีพระเจ้าช่วยโลกอยู่แล้ว และบางทีไม่เคยมีพระเจ้าผู้ช่วยโลกอะไรที่ว่ามาก่อนอยู่แล้ว”
“บางทีอาจใช่ บางทีอาจไม่ใช่” ราชันแท้จริงจิ่วหนิงส่ายหน้าเบาๆ กล่าวด้วยท่าทีงดงามสุภาพเรียบร้อยว่า “นั่นเป็นเพราะพี่ท่านเองไม่ยอมรับว่าตนเองคือพระเจ้าผู้ช่วยโลกเท่านั้นเอง แต่ว่า กล่าวสำหรับผู้คนบนโลกแล้ว นี่แหละคือพระเจ้าผู้ช่วยโลก ดั่งเช่นพี่ท่านได้สังหารนักพรตไป๋ยื่อไปก็คือการช่วยเหลือแดนลัทธิราชันเอาไว้ หลีกเลี่ยงระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิในแดนลัทธิราชันจำนวนมากต้องถูกกลืนกิน ดังนั้น พี่ท่านในความคิดของผู้คนบนโลกนี้ก็คือพระเจ้าผู้ช่วยโลก”
“นั่นเป็นเพียงความคิดเช่นนี้ของผู้คนบนโลกเท่านั้น” หลี่ชิเย่หัวเราะ ส่ายหัวเบาๆ และกล่าวว่า “ต่อให้ข้าไม่สังหารนักพรตไป๋ยื่อ เจ้าเองก็ต้องสังหารนักพรตไป๋ยื่อ การที่ข้าสังหารเป็นเพียงถือโอกาสจัดการไปเท่านั้นเอง”
ราชันแท้จริงจิ่วหนิงเพียงใบหน้าแฝงรอยยิ้ม ขณะที่นางแฝงรอยยิ้มไม่พูดไม่จานั้น ท่าทางงามล่มเมือง นางที่ดังเทพธิดาบนสวรรค์นับว่าทำให้ผู้คนหัวใจเต้นตูมตามอย่างแท้จริง ทำให้ผู้คนเคลิบเคลิ้มหลงไหล
“เจ้าเคยพบสามเซียนมาแล้วรึ?” หลังจากผ่านไปชั่วครู่ หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉยพลางเอ่ยขึ้น
ท่าทางของราชันแท้จริงจิ่วหนิงดูหนักแน่นจริงจังเมื่อได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้ขอวหลี่ชิเย่ เวลานี้ท่าทางของนางดูสวยเพียบพร้อม หลังจากผ่านไปชั่วครู่ นางส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ไม่เคยพบสามเซียนมาก่อน”
ครั้นราชันแท้จริงจิ่วหนิงกล่าวถึงตรงนี้ได้หยุดนิดหนึ่ง และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “แดนลัทธิเซียนที่กว้างใหญ่ไพศาล หาใช่แดนลัทธิราชันสามารถเทียบเคียงได้ ข้าเองก็ไม่สามารถสำรวจได้หมด บนแดนลัทธิเซียนมีสถานที่ที่ห่างไกลยิ่งกว่า อาณาจักรบางแห่ง บางทีอาจมีเพียงทะลุระดับปฐมบรรพบุรุษแล้วจึงสามารถกล้ำกรายเข้าไปได้อย่างแท้จริง มิฉะนั้นล่ะก็ คงรู้ได้แค่ผิวเผินเท่านั้นเอง”
“ปฐมบรรพบุรุษนะเนี่ย” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย และกล่าวว่า “เจ้ามีกำลังความสามารถเช่นนั้น และมีคุณสมบัติแฝง ขาดแค่โอกาสที่สุกงอมเท่านั้นเอง อย่างไรเสียย่อมมีวันหน้าวันที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้า ทำการสั่งสมมายุคแล้วยุคเล่า สิ่งนี้นับเป็นเรื่องดี สามารถทำให้เจ้าโบยบินได้สูงยิ่งขึ้นกว่าเดิม”
“น้อมรับคำพูดที่เป็นมงคลของพี่ท่าน” ราชันแท้จริงจิ่วหนิงพยักหน้าและกล่าวว่า “บางที เมื่อเหยียบย่างเข้าไปในอาณาจักรของปฐมบรรพบุรุษ สิ่งที่ได้ยินได้เห็นจึงจะกว้างขวางมากขึ้น มีสิ่งใดที่ยังไม่ทราบคาดหวังสามารถสำรวจได้ว่าคือสิ่งใดกันแน่”
“เป็นต้นว่าสามเซียน” หลี่ชิเย่ยิ้มๆ
ราชันแท้จริงจิ่วหนิงถึงกับหัวเราะขมขื่นทีหนึ่ง แม้ว่านางจะหัวเราะด้วยความขมขื่นเบาๆ ยังคงงดงามอะไรอย่างนั้น ช่างหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนอะไรอย่างนั้น
“สามเซียนคือตำนานที่ดึกดำบรรพยิ่ง” ราชันแท้จริงจิ่วหนิงส่ายหัวเบาๆ และกล่าวว่า “ดำรงอยู่จริงหรือไม่ก็ทำให้ผู้คนยากที่จะยืนยัน เกรงว่าโลกนี้จะไม่เคยมีใครพบเห็นสามเซียนมาก่อน ต่อให้มีผู้ที่เคยพบเห็นสามเซียนมา เกรงว่าคงมีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น”
……………………………………………………