จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2768
ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางก้าวออกมา และยืนอยู่ด้านหน้าของจู่หวังแห่งดินแดนภาคกลางด้วยท่าทางที่หนักแน่นจริงจัง และกล่าวว่า “จู่หวัง ข้อนี้ศิษย์ทราบ แต่ว่า สิ่งนี้ก็เป็นหน้าที่ของศิษย์ และเป็นภาระผูกพันของศิษย์ ศิษย์ในฐานะที่เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง ได้รับความรักและเอาใจใส่จากเหล่าบรรพบุรุษของสำนัก ได้รับการสนับสนุนจากศิษย์ร่วมสำนัก ยามที่ทางสำนักประสบภัย ศิษย์ยิ่งสมควรแบกรับภารกิจที่หนักนี้เอาไว้!”
ครั้นธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ท่าทางหนักแน่นมั่นคง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า ”ต่อให้ต้องตาย ข้าก็ไม่สามารถทำให้ชื่อของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางต้องเสื่อมเสีย ต่อให้ต้องสู้จนตายอยู่ที่ตรงนี้ ข้าก็ไม่สามารถหลบหนีไปเพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ! นี่คือหน้าที่ของธิดาศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าเป็นที่ใดเวลาใด ก็ต้องรักษาเกียรติยศและเกียรติภูมิของสำนักเอาไว้”
ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องเกิดความรู้สึกนับถือขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ผงกศีรษะแสดงคารวะต่อธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง
ไม่ว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางจะเป็นคนแบบไหน แต่ว่า ในข้อนี้นับว่าทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกนับถือขึ้นมาโดยแท้ เมื่อภัยพิบัติมาถึงนางไม่ได้หลบหนีไป แม้รู้ว่ายากจะหนีความตายไปได้พ้น นางยังคงก้าวออกมาเผชิญหน้ากับศัตรู ไปแบกรับหน้าที่ความรับผิดชอบของตน ไปปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบด้านจริยธรรมของตน
“เอาเถอะ” จู่หวังแห่งดินแดนภาคกลางทอดถอนใจเบาๆ ออกมา ท่าทางหนักแน่นจริงจัง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ลูกเอ๊ย เจ้าคือความภาคภูมิใจของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง เป็นแบบอย่างของศิษย์ทุกคน เจ้าไม่ละอายต่อฐานะและเกียรติยศของธิดาศักดิ์สิทธิ์”
เวลานี้จู่หวังแห่งดินแดนภาคกลางได้ถอยลงมาอย่างช้าๆ เตรียมการสำหรับการศึกที่จะเกิดขึ้น
ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางยืนอยู่ตรงน้าหลี่ชิเย่ ท่าทีหนักแน่นจริงจัง และกล่าวว่า “แม้จะต้องตาย ข้าก็จะรับหนึ่งกระบี่ของเจ้า”
“น่าสนใจ” หลี่ชิเย่มองดูธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าทำเพื่อถ่วงเวลาให้กับจู่หวังของพวกเจ้า แต่ว่าทั้งหมดนี้ล้วนไม่มีปัญหาอะไร อย่างไรเสียก็ต้องตาย ช้าหรือเร็วเท่านั้น”
คำพูดลักษณะเอ้อระเหยเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ นับว่าทำเอาผู้คนต้องหายใจไม่ออก เหมือนว่าในสายตาของเขาจะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางก็ดี จู่หวังแห่งดินแดนภาคกลางก็ช่าง ล้วนแล้วแต่ไม่ได้แตกต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว
“แต่จะว่าไปแล้ว ข้ากลับรู้สึกชื่นชมความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเจ้า” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ข้าจะให้โอกาสหนึ่งแก่เจ้า เจ้าลงมือก่อน ต่อให้เจ้าหนึ่งกระบวนท่า โดยข้านั่งไม่เคลื่อนไหว หากเจ้าสามารถทำให้ข้าบาดเจ็บได้ก็จะละเว้นชีวิตเจ้า ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตไปจากที่นี่”
คำพูดของหลี่ชิเย่พลันทำให้ทุกคนถึงกับหวั่นไหว ถึงกับกล้ารับกับหนึ่งกระบวนท่าของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางโดยนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว ออกจะประมาทเกินไปแล้วกระมัง
ต่อให้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดก็ไม่กล้าบอกว่าตนเองนั้นเป็นกายเพชรอย่างสิ้นเชิง จะอย่างไรเสียธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางคือผู้ที่มีอาวุธปฐมบรรพบุรุษอยู่ในครอบครอง คิดจะไม่ได้รับบาดเจ็บภายใต้หนึ่งกระบวนท่าของนาง เกรงว่าความน่าจะเป็นคงต่ำมาก
“คำพูดของเจ้าเชื่อถือได้จริงรึ?” นัยน์ตาของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางเบิกกว้าง จ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่
“วางใจเถอะ ข้าพูดแล้วจะต้องทำได้ คำพูดข้ามีน้ำหนักเชื่อถือได้อยู่แล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มๆ และกล่าวว่า “จะต่อให้เจ้าหนึ่งกระบวนท่า หากเจ้าทำให้ข้าบาดเจ็บได้แสดงว่าฝีมือเจ้าล้ำกว่าใครๆ เจ้าต้องถนอมโอกาสนี้ให้ดีล่ะ นี่เป็นเพียงหนึ่งเดียวที่เจ้าจะมีชีวิตไปจากที่นี่ได้”
“ตกลง…” ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางปลุกใจตนเองให้ฮึกเหิมขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ลืมตาขึ้น ท่าทีโดยรวมดูองอาจห้าวหาญ นาทีนี้นางได้กลับคืนสู่ท่าทีที่ยตนข่มท่านเหมือนเดิม ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางย่อมเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง นางยังคงอยู่
นางยังคงเป็นผู้สืบทอดที่ยืนอยู่สูงเด่นคนนั้นของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง ยังคงเป็นเป็นอนาคตฮองเฮาของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศที่ล้ำเลิศมีเพียงหนึ่งไม่มีสองคนนั้น
“ลงมือเถอะ” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง หลับตาลง นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นจริงๆ เหมือนนอนหลับไปแล้ว
เป็นความจริงที่เขาต้องการนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว อาศัยร่างกายรองรับหนึ่งกระบวนท่าจากธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง
“เชิญสอนสั่ง…” ในเวลานี้ ท่าทีของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางหนักแน่นจริงจัง แสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ นาทีนี้นางได้เอาบุญคุณความแค้นส่วนตัววางไว้ข้างๆ ในฐานะที่เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร คู่ควรให้นางต้องให้ความนับถือ
อย่างไรก็ตาม หลี่ชิเย่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อน หลับตาพักผ่อนกายาเสมือนดั่งนอนหลับไปแล้วอย่างนั้น
แวงค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง มองเห็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางได้หยิบเอาอาวุธออกมาชิ้นหนึ่ง มันเป็นเชือกยาวเส้นหนึ่ง
เชือกยาวดั่งเส้นเอ็น เหมือนว่าเป็นเอ็นมังกรที่ไปเลาะเอามาจากมังกรแท้จริงอย่างนั้น เอ็นมังกรลักษณะเช่นนี้ผสมโลหะศักดิ์สิทธิ์และเหล็กที่มีลวดลายถักทอจนกลายเป็นเชือกยาวทั้งเส้นที่ส่งประกายของโลหะวูบวาบ และกลิ่นอายของมังกรที่วูบวาบ
ขณะที่เชือกยาวเส้นนี้กำอยู่ในมือนั้น เหมือนมังกรแท้จริงตัวหนึ่งที่มีเกล็ดมังกรส่งประกายแวบวับขดตัวอยู่บนมืออย่างนั้น กลิ่นอายมังกรที่วูบวาบนั้นให้ความรู้สึกเหมือนเหาะเหินล่องลอยอยู่บนเมฆอย่างนั้น
เชือกมัดเซียน…ในเวลานี้ มีเทพแท้จริงขั้นอมตะรู้สึกตระหนกอยู่ในใจ และกล่าวว่า “นี่คือเชือกมัดเซียนที่ปฐมบรรพบุรุษทิ้งเอาไว้ให้ เคยเป็นหนึ่งในของวิเศษที่ทรงพลังมากที่สุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าถึงกับถ่ายทอดให้กับธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง”
“เชือกมัดเซียน อาวุธปฐมบรรพบุรุษนะเนี่ย” เทพแท้จริงขั้นอมตะ บรรพบุรุษผู้อื่น ต้องชมเปาะด้วยความตื่นตะลึง และกล่าวว่า “เป็นจริงตามคำเล่าลือจริงๆ ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางมีอาวุธปฐมบรรพบุรุษอยู่ในครอบครองจริงๆ”
“เล่าลือกันว่า เชือกมัดเซียนสร้างขึ้นมาจากเอ็นมังกรที่ปฐมบรรพบุรุษไปเลาะเอามา ผสมกับโละหะเซียน ถักทอเป็นเชือกยาวที่เหนียวและแข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียม ปราศจากสิ่งใดทำให้มันขาดได้ ไม่ว่าผู้ใดก็ตาม เมื่อใดที่ถูกคล้องด้วยเชือกมัดเซียนก็ไม่สามารถดิ้นหลุดรอดไปได้” ยอดฝีมือที่รับรู้เกี่ยวกับเชือกมัดเซียนถึงกับสะดุ้งในใจ
“ไม่เพียงเท่านี้ ในครั้งนั้นปฐมบรรพบุรุษยังได้คิดค้นเคล็ดวิชาเชือกขึ้นมาชุดหนึ่ง โดยตั้งชื่อเคล็ดวิชานี้ว่า ‘ล่าขังเซียน’ เคล็ดวิชาเชือกนี้ใช้คู่กับเชือกมัดเซียน ขอเพียงสำแดงเชือกนี้ออกมา ไม่มีใครสามารถหนีรอดไปได้ จะถูกมัดเอาไว้ในทันทีและไม่สามารถดิ้นหลุดได้อีกเลย” เทพแท้จริงขั้นอมตะผู้หนึ่งกล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง
“เชือกนี้มีความฝืนลิขิตสวรรค์อย่างยิ่ง เมื่อใดที่ถูกเชือกมัดเซียนมัดจนแน่น จะทำให้อ่อนระทวยไปทั่วร่าง ต่อให้มีพลังวัตรที่สูงส่งมากกว่านี้ก็สำแดงออกมาไม่ได้ สุดแต่ผู้อื่นจะเชือดเฉือน” ท่าทางของบรรพบุรุษอีกผู้หนึ่งก็แสดงออกถึงความาหวั่นเกรง ขณะมองดูเชือกมัดเซียนที่อยู่ในมือของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง
เชือกมัดเซียนคืออาวุธที่ผู้เฒ่าอมตะ ปฐมบรรพบุรุษได้ทิ้งเอาไว้ มีความน่ากลัวและทรงพลังอย่างยิ่ง เมื่อใดที่ถูกมัดด้วยเชือกมัดเซียน ต่อให้มีฝีมือที่สะเทือนเลื่อนลั่นก็ได้แต่ยอมให้จับเสียแต่โดยดี สุดแต่ผู้อื่นจะเชือดเฉือน
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางหยิบเอาเชือกมัดเซียนออกมานั้น จู่หวังแห่งดินแดนภาคกลางก็ได้หยิบเอาเตากลั่นวิเศษสามขาขึ้นมาใบหนึ่ง ขณะที่เตากลั่นวิเศษสามขานี้ตั้งอยู่บนพื้นนั้น พลันส่งประกายวูบวาบขึ้นมา
ที่ลึกซึ้งมหัศจรรย์ยิ่งกว่านี้ก็คือ เตากลั่นวิเศษใบนี้ปรากฏกฎเกณฑ์ปฐมบรรพบุรุษนับไม่ถ้วนที่ทิ้งตัวลงมา ฉับพลันนั้น กฎเกณฑ์ทุกข้อพลันมุดลงใต้พื้นดิน เหมือนว่าในพริบตาเดียวนี้เองเตากลั่นวิเศษได้หลอมรวมเข้าไปในพื้นแผ่นดินของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารที่ไม่มีขอบเขตสิ้นสุด และหยิบยืมเอาพลังที่ยิ่งใหญ่มหาศาลจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารมาอย่างนั้น
เตากลั่นวิเศษนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง ได้เปล่งประกายที่ศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิออกมา ภายใต้ประกายศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์นี้ เหมือนว่าต่อให้ความตายก็ไม่มีอะไรน่ากลัวแต่อย่างใด มันเป็นเพียงการโปรดเวไนยสัตว์ให้หลุดพ้นจากโลกใบนี้เท่านั้นเอง ภายใต้การปกคลุมด้วยประกายทีศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ เหมือนว่าผู้ที่ตายไปแล้วจะได้รับการโปรดให้ไปยังแคว้นสวรรค์ที่ศักดิ์สิทธิ์
‘เตากลั่นสวรรค์สามขาพระจิตศักดิ์สิทธิ์! ’ ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างร้องเสียงหลงขึ้นมา เมื่อมองเห็นเตากลั่นวิเศษที่จู่หวังแห่งดินแดนภาคกลางได้นำออกมา มีระดับบรรพบุรุษที่รู้สึกใจหายใจคว่ำ และกล่าวว่า “อาวุธปฐมบรรพบุรุษของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางล้วนปรากฎขึ้นที่นี่แล้ว”
“อาวุธปฐมบรรพบุรุษสองชิ้น ธาตุแท้ภายในของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางลึกล้ำมาก” ผู้คนจำนวนมากมายต่างรู้สึกอิจฉาและริษยา เมื่อมองเห็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง และจู่หวังแห่งดินแดนภาคกลางต่างหยิบเอาอาวุธปฐมบรรพบุรุษออกมาคนละชิ้น การที่สามารถมีธาตุแท้ภายในเช่นนี้อยู่ในครอบครอง ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารคงมีสำนักไม่กี่แห่งที่สามารถมีได้เช่นนี้
มิน่าเล่าก่อนหน้านั้นพวกของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางจึงได้ยกตนข่มท่าน เข้าใจว่าจะต้องสามารถสังหารหลี่ชิเย่ภายในตำหนักสำหรับพักผ่อนเป็นการชั่วคราวได้อย่างแน่นอน นับว่าพวกของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางมีธาตุแท้ภายในที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง เมื่อนำเอาอาวุธปฐมบรรพบุรุษมาถึงสองชิ้นในเวลาเดียวกัน กำลังความสามารถน่ากลัวยิ่งนัก หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นเรียกว่าไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากตำหนักสำหรับพักผ่อนเป็นการชั่วคราวจริงๆ น่าเสียดาย กลับต้องมาพบกับคนโหดอันดับหนึ่งอย่างหลี่ชิเย่เข้า
“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางกำลังช่วงชิงโอกาสให้กับจู่หวัง” ทุกคนต่างเข้าใจในความพยายามอย่างยิ่งของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง นางกระทั่งไม่เสียดายที่จะแลกด้วยชีวิตของตนเอง เพื่อช่วงชิงโอกาสให้กับจู่หวังในการเตรียมความพร้อมที่จะโจมตีได้อย่างเต็มกำลัง
“ข้าจะลงมือแล้ว” เวลานี้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางได้กล่าวต่อหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง
“ข้ารออยู่” หลี่ชิเย่หลับตาพักผ่อนกายา ไม่มีการเคลื่อนไหว เหมือนนอนหลับไปแล้วอย่างนั้น
ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ท่าทางตั้งมั่นในสมาธิ ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้น บนตัวของนางปรากฏประกายวูบวาบ พลังลมปราณที่ต่อเนื่องไม่ขาดเป็นพลังที่พุ่งทะลักขึ้นมา
ช่าาาเสียงหนึ่งดังขึ้น พริบตาเดียวนั่นเอง ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางได้ลงมือแล้ว นางสำแดงสัจธรรม วิวัฒนาการสรรพวิชา นาทีนี้มองเห็นเชือกมัดเซียนในมือของนางได้กลับกลายเป็นมังกรแท้จริงตัวหนึ่ง จากการที่มังกรแท้จริงส่งเสียงคำรามเสียงหนึ่ง และพุ่งเข้าหาหลี่ชิเย่
ในเสี้ยววินาทีนี้เอง มังกรแท้จริงได้ขดตัวและทิ้งตัวลงมา ขณะที่มันขดตัวและทิ้งตัวลงมานั้น วิถีการเคลื่อนที่ของมันไร้ร่องรอยที่จะติดตามได้ ความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของสัจธรรมที่เป็นหนึ่งไม่มีสอง ในพริบตาเดียวนั้นเองเรียกได้ว่าเสมือนดั่งแต่ละห่วงข้อที่เกี่ยวกัน ขณะที่สัจธรรมปิดล็อคลงมานั้น สามารถล็อคได้อย่างสนิท ปิดล็อคไปทุกจุด ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถปิดล็อคเอาไว้ได้ ไม่ว่าจะใช้วิชาหลบหนีอย่างไร ไม่ว่าจะอาศัยเคล็ดลับอะไรมารับมือก็ตาม
แต่ว่า ภายใต้การปิดล็อคที่สนิทเช่นนี้ของสัจธรรม จะต้องถูกพันธนาการเอาไว้ในพริบตาเดียว และมังกรแท้จริง ก็จะขดตัวพันอยู่บนตัวของคนผู้นั้น
“ล่าขังเซียน…” มีระดับบรรพบุรุษร้องเสียงดังขึ้นมา เมื่อมังกรแท้จริงขดตัวและพันเข้ามาลักษณะเช่นนี้ เรียกได้ว่าสัจธรรมนั้นล็อคเข้ากันได้อย่างสนิท แม้ว่าขณะนี้เชือกมัดเซียนไม่ได้สำแดงบนตัวของตนเอง แต่ก็มีผู้คนจำนวนมากรู้สึกได้ว่าวิญญาณของตนเองนั้นพลันถูกสะกดเอาไว้อย่างนั้น สัจธรรมของตนถูกพันธนาการเอาไว้อย่างนั้น หมดเรี่ยวแรงทั้งตัวและไม่สามารถกระดิกตัวได้อีก
“น่ากลัวเหลือเกิน” ในใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกหวาดกลัว ทั้งๆ ที่เชือกมัดเซียนไม่ได้พันธนาการบนตัวของตน แต่ตนเองกลับมีความรู้สึกเช่นนี้ ลองนึกภาพดู หากเชือกมัดเซียนคล้องบนร่งของตนเองจริงๆ มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวอะไรอย่างนั้น เกรงว่าพลันที่ถูกมัดเอาไว้ ตนเองก็อยู่ในสภาพพร้อมให้คนอื่นเชือดเฉือนได้ตามอำเภอใจ ปราศจากกำลังต่อต้านใดๆ ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ต่อให้เคล็ดวิชาของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางยอดเยี่ยมลึกซึ้งมากกว่านี้ก็เสียเปล่า เนื่องจากหลี่ชิเย่ไม่ได้ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้เชือกมัดเซียนมัดและพันธนาการบนตัวของตน
เพียงชั่วพริบตาเดียว มองเห็นเชือกมัดเซียนได้จัดการพันธนาการหลี่ชิเย่เอาไว้อย่างแน่นหนา ไม่สามารถกระดุกกระดิกตัวได้อีกเลย
ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางถึงกับหายใจยาวๆ ออกมาทีหนึ่ง เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ในเวลานี้ถูกเชือกมัดเซียนมัดเอาไว้อย่างแน่นหนา เห็นทีตนเองจะกังวลมากเกินไปแล้ว การที่นางสำแดงสุดยอดเคล็ดวิชา ‘ล่าขังเซียน’ ก็เพราะเกรงว่าหลี่ชิเย่จะหลบเลี่ยง เกรงว่าเชือกของตนที่คล้องลงไปนั้นไม่สามารถพันธนาการหลี่ชิเย่เอาไว้ได้
เวลานี้ดูไปแล้ว นางออกจะกังวลมากไป หลี่ชิเย่ไม่คิดที่จะหลบเหลี่ยงอยู่แล้ว ปล่อยให้นางพันธนาการได้ตามใจ ต่อให้นางไม่สำแดงสุดยอดเคล็ดวิชา ‘ล่าขังเซียน’ แค่คล้องไปตามอารมณ์ก็สามารถพันธนาการหลี่ชิเย่เอาไว้ได้อย่างแน่นหนาเช่นกัน