จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2783
ตอนที่ 2783 ข้าเท่านั้นที่เป็นใหญ่
ในเวลานี้ ทั่วทั้งเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขามีแต่ความเงียบสงัด แม้แต่ทุกระดับชั้นของนิกายหู้ซานจงเองก็เหม่อลอย มองดูเหตุการณ์ข้างหน้าด้วยความงุนงง ไม่สามารถเรียกสติกลับมาเป็นเวลานาน
ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะเช่นใดก็ต้องสั่นเทาตลอด กระทั่งอกสั่นขวัญหาย เมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้แล้ว แม้แต่ศิษย์ทุกระดับชั้นของนิกายหู้ซานจง ก็ถูกทำให้หวั่นไหวและไม่สามารถเรียกสติกลับมาเป็นเวลานานมาก
กองทัพจำนวนมากมายของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศที่เสมือนดั่งเสือและหมาป่าเมื่อครู่ ได้กลับกลายเป็นศพเต็มพื้นที่เป็นบริเวณกว้างในพริบตาเดียว เลือดสดๆ กำลังไหลรินอยู่ท่ามกลางพื้นดิน มีแต่ศพอยุ่ทุกที่ กองทัพนับล้านกูกสังหารสิ้นเพียงแค่ดีดนิ้วเท่านั้นเอง ช่างเป็นภาพที่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจ และรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงยิ่ง
เหมือนว่ากองทัพนับล้านนี้ที่อยู่ท่ามกลางการดีดนิ้วไม่คู่ควรจะกล่าวถึงอยู่แล้ว เหมือนว่าไม่สามารถนับเป็นมดปลวกเสียด้วยซ้ำ เป็นเพียงฝุ่นผงที่มีขนาดเล็กอย่างยิ่งเท่านั้นเอง
เปรียบกับศิษย์ทุกระดับชั้นของนิกายหู้ซานจงแล้ว บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาถูกทำให้หวั่นไหวยิ่งกว่าเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นระดับบรรพบุรุษที่มีประสบการณ์กว้างขวางเช่นใดก็ตาม ในเวลานี้ล้วนแล้วแต่ถูกทำให้สะเทือนหวั่นไหวจนไม่สามารถเรียกสติกลับมาได้เป็นเวลานาน รู้สึกว่าในสมองมีแต่ความว่างเปล่า
เพียงชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ยอดฝีมือสูงสุดที่ร่วมมือกันสามคน อ๋องเทพฉีฟงถูกโจมตีจนกระเด็นไป ผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลางได้รับบาดเจ็บสาหัส ยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตถูกทำให้ล่าถอยไป และท่ามกลางนิ้วมือทั้งห้ากางและหุบ สังหารสิ้นกองทัพนับล้านของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ จากระยะห่างไกลเป็นล้านล้านลี้
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วดีดนิ้วทีเดียวเท่านั้นเอง ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ตลอดขั้นตอนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ หลี่ชิเย่อาศัยเพียงฝ่ามือข้างเดียวรับมือกับศัตรูเท่านั้น ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งไพล่หลังเอาไว้ตลอดเวลา
มันช่างเป็นกำลังความสามารถที่น่ากลัวเหลือเกิน มือข้างเดียวกวาดล้างสิ้นหมื่นศัตรู ปราศจากผู้ต่อกรในหล้า ใช้คำๆ นี้มาเปรียบเปรยกับศึกครั้งนี้ก็ไม่นับว่าเป็นการเกินเลยไป
ในเวลานี้ทุกคนต่างรู้สึกเสียวสันหลังวาบบ พลันรู้สึกถึงไอเย็นที่เข้าคุกคามในอก ทำให้หนาวสะท้านไปทั่วตัว ทุกคนไม่ว่าใครก็ตามล้วนแล้วแต่รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง เหงื่อเย็นไหลซึมออกมา
การร่วมมือกันระหว่างระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลสองคน ระดับอ๋องเทพผู้ปราศจากผู้ต่อกรคนหนึ่ง ทั้งสามร่วมมือกันยังสู้หลี่ชิเย่ที่อาศัยเพียงฝ่ามือข้างเดียวไม่ได้ ท่ามกลางฝ่ามือที่กางและหุบของหลี่ชิเย่ก็เอาชนะพวกเขาได้ กระทั่งทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส มันช่างเป็นผลงานการสู้รบที่น่ากลัวเหลือเกิน เกรงว่าในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่สามารถต่อกรกับเขาได้เล่า?
ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ขาทั้งสองข้างไม่เอาไหนสั่นเทาตลอด ขณะผู้ที่ทักษะอ่อนรู้สึกเข่าอ่อน และต้องคุกเข่าลงไปโดยตรง ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้เป็นเวลานาน ในขณะนี้พวกเขาไม่มีกระทั่งความกล้าที่จะเงยหน้ามองดูหลี่ชิเย่
ในเวลานี้ แม้ว่าหลี่ชิเย่จะยืนท่าทางเรียบเฉยอยู่ตรงนั้นตามอารมณ์ เขาก็เสมือนดั่งเป็นผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดที่ยึดครองพื้นที่อยู่บนท้องฟ้า ยึดครองอยู่ในใจของคนทุกคน คงไว้ซึ่งเงาทมิฬที่ไม่สามารถลบล้างได้อยู่ในใจของทุกคน เมื่อใดที่มีการเอ่ยถึงชื่อของเขาก็จะถูกทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
“ไร้เทียมทาน…” ในเวลานี้มีระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ได้สติกลับมา สุดท้ายเพียงเอ่ยคำออกมาได้เพียงเท่านี้ นอกเหนือจากคำนี้แล้วเขาไม่สามารถหาคำอื่นใดมาเปรียบเปรยหลี่ชิเย่ได้อีกแล้ว เหมือนว่าคำอื่นใดภายใต้คำว่า ‘ไร้เทียมทาน’ แล้วล้วนดูจะไม่สมบูรณ์อะไรอย่างนั้น อ่อนแอไร้เรี่ยวแรงอะไรอย่างนั้น
มีเพียงคำว่าไร้เทียมทานจึงสามารถเปรียบเปรยหลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้าได้ สามารถสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของหลี่ชิเย่ได้อย่างแท้จริง
“รนหาที่ตายเองเท่านั้น” ฮ่องเต้วิหารอมตะไม่รู้สึกเหนือความคาดคิดแม้แต่น้อยสำหรับเหตุการณ์ตรงหน้า เพียงเอ่ยเรียบเฉยขึ้นมา เหมือนว่าเป็นสิ่งที่อยู่ในความคาดคิด
รอดแล้ว…หลังจากผ่านไปนานมาก เวลานี้เฉินเหวยเจิ้งค่อยได้สติคืนกลับมา และรู้สึกดีใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นหลี่ชิเย่เข่นฆ่าสิ้นกองทัพนับล้าน เพียงอาศัยนิ้วมือทั้งห้าที่กางและหุบเท่านั้น
ขณะที่กองทัพของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศบุกเข้านิกายหู้ซานจงเมื่อครู่ เขาถูกทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ วิญญาณแทบออกจากร่าง เข้าใจว่าคราวนี้นิกายหู้ซานจงพวกเขาต้องตายแน่แล้ว จะต้องถูกกองทัพของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศทำลายล้างจนสิ้นแน่นอน
ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า ปรมาจารย์ของพวกเขาแค่พริบตาเดียวเท่านั้น ก็สามารถอาศัยนิ้วมือทั้งห้าที่กางและหุบก็สังหารสิ้นกองทัพหมื่นพันโดยที่ห่างไกลกันนับล้านล้านลี้
“ในที่สุดก็ช่วยเอาไว้ได้แล้ว” พวกของหลี่เจี้ยนคุนเมื่อเห็นภาพนี้แล้วต่างดีใจจนร้องไห้ออกมา เมื่อได้สติกลับมาจากการสะเทือนหวั่นไหวแล้ว
“ท่านปรมาจารย์ไร้เทียมทาน มีเพียงหนึ่งไม่มีสองเป็นนิรันดร์! ” ศิษย์ทุกระดับชั้นของนิกายหู้ซานจงต่างคุกเข่าก้มกราบอยู่บนพื้น โขกศีรษะและร้องกล่าวขึ้นมาหลังจากได้สติกลับมาแล้ว
“ท่านปรมาจารย์ไร้เทียมทาน มีเพียงหนึ่งไม่มีสองเป็นนิรันดร์! ” ในขณะนี้ศิษย์ของนิกายหู้ซานจงล้วนแล้วแต่คุกเข่าร้องกล่าวเสียงดังขึ้นมาเสียงดังก้องไปทั่วฟ้าดิน และก้องกังวานระหว่างแผ่นดิน
“ท่านปรมาจารย์ไร้เทียมทาน มีเพียงหนึ่งไม่มีสองเป็นนิรันดร์! ” เวลานี้ ในเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขา พวกของเฉินเหวยเจิ้งก็คุกเข่าอยู่ตรงนั้น คารวะสูงสุดด้วยการโขกศีรษะด้วยน้ำตานองหน้า
ทุกคนต่างมองดูภาพนี้อย่างเงียบๆ โดยไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมาสักคำ และไม่มีใครรู้สึกว่าคำพูดดังกล่าวอวดอ้างเกินจริง เนื่องจากในเวลานี้ทุกคนต่างรู้สึกว่า คำว่า ‘ไร้เทียมทาน’ ไม่มีคำไหนเหมาะสมมากกว่านี้อีกแล้วเมื่อใช้กับหลี่ชิเย่
“ก็แค่นี้เอง” หลี่ชิเย่ยืนเอามือไพล่หลัง เสื้อขนาดใหญ่พริ้วไหวตามลม มองดูพวกยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตแวบหนึ่งด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ใบหน้าของพวกยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตขาวซีด จุดจบเช่นนี้นับว่าอยู่เหนือความคาดคิดของพวกเขามากเหลือเกิน สิ่งนี้กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว เรียกว่าน่ากลัวเหลือเกิน
พริบตาเดียวนั้นเอง พวกของยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตก็ตระหนักได้ว่า พวกเขาประเมินกำลังความสามารถของหลี่ชิเย่ต่ำไป
แต่ว่า ในขณะนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกอีกแล้ว พวกเขาได้อยู่บนรถศึกแล้ว ณ เวลานี้พวกเขาได้แต่สู้อย่างทรหดจนถึงที่สุด
“เริ่มต้นเถอะ พวกเราให้มันจบสิ้นกันเร็วนิดหนึ่ง อย่าทำให้ข้าเสียเวลา” หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ตรงนั้น เหมือนมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรงอย่างนั้น ไม่มีอานุภาพที่สะเทือนเลื่อนลั่น และไม่มีกลิ่นอายที่ดั่งคลื่นยักษ์ ตัวเขาในเวลานี้กระทั่งดูอ่อนแออยู่บ้าง เหมือนเป็นบัณฑิตที่อ่อนแออย่างนั้น
แต่ว่า ด้วยท่าทางที่เหมือนบัณฑิตที่อ่อนแอคนหนึ่งเช่นเขานั้น นาทีนี้ได้ทำให้ทุกคนต้องสั่นเทา ไม่ว่าจะเป็นเหล่าชั้นฟ้าเทพมาร หรือผู้ดำรงอยู่ในฐานะไร้เทียมทาน เมื่อเห็นเขาแล้วควรจะหวาดหวั่นพรั่นพรึงจึงจะถูก
“เปิดใช้จานเซียนอมตะ ใช้จานเซียนอมตะ” ในเวลานี้อ๋องเทพฉีฟงถูกทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ถึงกับก้าวถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว และร้องเสียงดังขึ้นมา
“เปิดใช้จานเซียนอมตะ” ในเวลานี้เองยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตและผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลางพวกเขาต่างร้องกล่าวขึ้นมาพร้อมกัน
ได้ยินเสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น มองเห็นจานเซียนอมตะที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าสูงมีจำนวนห้าในสิบแปดสว่างไสวขึ้นมาแล้ว โดยมีประกายที่เจิดจ้ายิ่งขึ้น ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าที่ลงมือก่อนใครก็คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางและแคว้นโบราณยันต์แปดทิศแล้ว
หลังจากชะงักนิดหนึ่ง ตามติดด้วยเสียงแว้งค์ แว้งค์ แว้งค์ที่ดังขึ้น ส่วนอื่นๆ บนท้องฟ้าก็ทยอยกันกลับกลายเป็นสว่างไสวขึ้นตามลำดับ
ย่อมไม่ต้องสงสัย บรรดาแคว้นเจ้าลัทธิ นิกายโบราณ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ที่ยืนอยู่ข้างฝ่ายของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศต่างรู้สึกลังเลขึ้นมา จะผูกติดอยู่กับแคว้นโบราณยันต์แปดทิศต่อไปหรือไม่ แต่ทว่า ในเวลานี้พวกเขาเหมือนจะไม่มีทางเลือก ได้แต่หนุนให้ถึงที่สุด พวกเขาได้แต่ฝากความหวังทั้งหมดเอาไว้กับจานเซียนอมตะแล้ว คาดหวังว่าจานเซียนอมตะจะสามารถสำแดงการโจมตีที่ไร้เทียมทานที่สุดของปฐมบรรพบุรุษออกมา และสังหารคนโหดอย่างหลี่ชิเย่ได้
มิฉะนั้นล่ะก็ เมื่อใดที่แคว้นโบราณยันต์แปดทิศพ่ายแพ้ พวกเขาที่เคยยืนอยู่ข้างฝ่ายของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศเกรงว่าคงมีจุดจบที่ไม่ดีนัก
ดังนั้น ในเวลานี้บรรดาแคว้นเจ้าลัทธิ ตระกูลขุนนางโบราณ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่นำยันต์จานใส่ลงไปในจานเซียนอมตะแล้ว ได้แต่ทุ่มสุดตัวแล้ว
“โง่ไม่มีที่ติ” ฮ่องเต้วิหารอมตะมองดูจานเซียนอมตะบนท้องฟ้าที่มียันต์จานสิบสองในสิบแปดได้สว่างไสวขึ้นแล้วแวบหนึ่ง และหัวเราะเยาะทีหนึ่ง
ในเวลานี้นางไม่ต้องดูก็รู้แล้วว่า ในอนาคตบรรดาสำนักต่างๆ ที่ให้การช่วยเหลือแคว้นโบราณยันต์แปดทิศเหล่านี้จะมีจุดจบอย่างไรแล้ว
“ต่อให้จานเซียนอมตะจะฟาดฟันลงมาก็ต้องอาศัยเวลา” ท่าทางหลี่ชิเย่อย่างไรก็ได้สำหรับจานเซียนอมตะบนท้องฟ้าที่สว่างไสวขึ้นมา หัวเราะทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ระหว่างช่วงเวลานี้พวกเจ้ามีฝีมืออะไรก็สำแดงออกมาเต็มที่เลย”
พวกของยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิต ผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลาง และอ๋องเทพฉีฟงต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากทีเดียว ขณะที่จานเซียนอมตะจะฟาดฟันลงมานั้น พวกเขาจะต้องรับการต่อสู้อย่างทรหด
จะอย่างไรเสียจานเซียนอมตะเป็นกระบวนท่าสังหารที่ทรงพลังยิ่ง ใช่ว่าคิดจะสำแดงขึ้นมาก็สามารถสำแดงได้ทันที มันจะต้องอาศัยบรรดาแคว้นเจ้าลัทธิที่มียันต์จานในครอบครองให้ความร่วมมือกันและกันจึงจะใช้ได้
ตูม ตูม ตูมยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตและผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลางพวกเขาทั้งสองสบตากันทีหนึ่ง พลังลมปราณทั้งตัวได้พวยพุ่งขึ้นมา สิบสองลัคนากระโดดขึ้นไปบนอากาศ พวกเขาต้องการสำแดงท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดจึงจะทำได้
“เอาเถอะ ดูว่าพวกเจ้ายังมีฝีมือที่เป็นท่าไม้ตายอีก ให้พวกเจ้าได้มีโอกาสสำแดง” หลี่ชิเย่หัวเราะและปล่อยให้ยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตกับผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลางได้รวบรวมพลังสัจธรรมตามอำเภอใจ
“ลงมือสิ” เวลานี้สายตาของหลี่ชิเย่ตกอยู่ที่ตัวของอ๋องเทพฉีฟง
สีหน้าของอ๋องเทพฉีฟงเปลี่ยนไปมากทีเดียว ถึงกับก้าวถอยหลังไปหลายก้าวเมื่อเห็นว่าหลี่ชิเย่เลือกลงมือกับตนก่อน มาคราวนี้ทำเอาตัวเขาที่เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะถึงกับขวัญหนีดีฝ่อ ตัวเขาไม่รู้ว่าอ่อนกว่ากันเท่าไรเมื่อเทียบกับพวกของยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตที่อยู่ในระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาล สิ่งที่เขาสามารถพึ่งพาได้ก็มีเพียงฝ่ามือยักษ์ที่อยู่บนท้องฟ้าเท่านั้น สิ่งนี้ก็คือธาตุแท้ภายในที่ผู้เฒ่าอมตะ ปฐมบรรพบุรุษได้ทิ้งเอาไว้ให้กับแคว้นฉีฟงพวกเขา
“ผู้อาวุโสยันต์แปดทิศ ผู้เฒ่าเซียน เวลานี้พวกเราร่วมมือกันสังหารเขา” อ๋องเทพฉีฟงรีบร้องกล่าวเสียงดังกับยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตและผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลาง
แต่ทว่า ยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตและผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลางไม่สนใจ เนื่องจากการร่วมมือระหว่างพวกเขาไร้ประโยชน์เสียแล้ว พวกเขามีชาติกำเนิดมาจากต่างสำนักกัน ไม่เคยฝึกเคล็ดวิชาโจมตีร่วมกันมาก่อน การร่วมมือจึงไม่สามารถทำได้ถึงขั้นรู้ใจกัน อานุภาพที่ได้จากการร่วมมือมีจำกัด ดังนั้นในเวลานี้พวกเขาฉวยโอกาสที่หาได้ยากยิ่งรวบรวมพลังสัจธรรม หวังสำแดงท่าไม้ตายของพวกเขาออกมาได้
“ผู้อาวุโสทั้งสองท่าน แคว้นฉีฟงของข้าให้การสนับสนุนพวกท่านอย่างเต็มที่ พวก พวกท่านต้องช่วยข้านะ” เมื่ออ๋องเทพฉีฟงเห็นว่าทั้งยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตและผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลางไม่สนใจตน ตกใจจนใบหน้าซีดเผือด ร้องเสียงดังขึ้นมา
“ห้วงเวลาระหว่างความเป็นความตาย ยังคงต้องอาศัยตัวเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “ในสายตาของพวกเขา เจ้าเป็นเพียงมดปลวกที่มีค่าให้หลอกใช้ได้อยู่นิดหนึ่งเท่านั้นเอง”
ทุกคนต่างนิ่งเงียบเมื่อได้เห็นภาพนี้ เวลานี้ยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตและผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลางต่างเอาตัวเองไม่รอด พวกเขาไม่สามารถนำเวลาที่มีค่ายิ่งมาใช้บนตัวของอ๋องเทพฉีฟง อ๋องเทพฉีฟงจะเป็นหรือตายพวกเขาไม่ใส่ใจอยู่แล้ว
สิ่งนี้ก็ทำให้ทุกคนได้เข้าใจว่า พันธมิตรที่ว่านั้น ก็แค่ต่างฝ่ายต่างหลอกใช้ซึ่งกันและกันเท่านั้น หากว่าไร้ค่าแล้ว ไม่ว่าใครก็จะไม่แคร์ว่าเจ้าจะเป็นหรือตายอยู่แล้ว
…………………………………………………………………………………..