เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? - ตอนที่ 115

< < 93 > >
ลูซิเฟอร์ บิลเซบับ แอสโมเดียส เหล่าปีศาจมหาบาปทั้งสามขณะนี้ได้เดินทางมาถึงจุดนัดพบแล้ว
ตรงหน้ามีคฤหาสน์ที่ดูหรูหราที่อยู่ไกลเมือง นั่นคือจุดนัดพบของปีศาจมหาบาปที่ว่า ต่างจากที่พักที่พวกเขาทั้งสามอาศัยอยู่ตลอดการเดินทางราวฟ้ากับเหว ทำให้สามปีศาจมหาบาปอึ้งกัน
“ข้านึกว่าต้องนอนในท่อระบายน้ำเสียอีก” ลูซิเฟอร์พึมพำขึันมา
“ขอทีเถอะครับ ท่อระบายน้ำนี่ไม่ไหว อย่างมากสุด ขอคอกม้าเถอะครับ” แอสโมเดียสค้านด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง
“จะอย่างไหนก็ได้หมดแหละ เพื่อท่านจอมมารฉันจะทำทุกอย่าง” บิลเซบับกล่าวอย่างหนักแน่น
สามคน สามความรู้สึก สามความพึงพอใจ แต่จุดมุ่งหมายเหมือนกันคือเพื่อจอมมาร
เมี๊ยวววว
อาซาเซลตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของลูซิเฟอร์ร้อง ไม่ทราบความหมายของสิ่งที่เจ้าตัวน้อยนี่จะสื่อก็จริง ที่รู้ๆคือน่ารักมาก
“เช่นนั้นก็เข้าไปกันเถอะ ข้าคิดว่าอาซาเซลน่าจะง่วงแล้วเนื่องจากต้องเดินทางมาหลายชั่วโมง..
“นั่นสินะ แต่อย่าลืมเคาะประตูนะ เพื่อท่านจอมมาร”
“ต้องเคาะประตูด้วยรึ ไม่ใช่ว่าพวกเราเป็นปีศาจรึไงท่าน”
“ก็จริง แต่อย่าลืมสิว่าในฐานะข้ารับใช้ของท่านจอมมาร จะทำตัวมารยาททรามไม่ได้เป็นอันขาด ถ้าพวกเราโดนมองแย่ๆท่านจอมมารก็จะโดนเหมารวมไปด้วย” บิลเซบับอธิบาย
“เห็นด้วยเลยครับ” แอสโมเดียสเสริม
“เข้าใจความรู้สึกของพวกท่านแล้ว” ลูซิเฟอร์รับความรู้สึกทุกคนเอาไว้
ลูซิเฟอร์กำลังจะเคาะประตู—-แต่ประตูก็เปิดขึ้นก่อนด้วยแรงที่มหาศาลระดับที่ทำให้ประตูปลิวกระเด็นได้
ลูซิเฟอร์กระโดดถอยหลังออก โดยที่ตั้งใจปกป้องอาซาเซลตัวน้อยสุดตัว
บิลเซบับเอียงตัวหลบเบาๆ—แอสโมเดียสโดนประตูชนจนปลิวไปกองกับพื้น
สภาพที่เกิดขึ้นคือเกือบบาดเจ็บสาม และบาดเจ็บหนึ่ง
ทั้งสามค่อยๆเงยหน้าไปมองผู้ที่ต้อนรับได้ยอดแย่—และก็พากันถอนหายใจ คล้ายโล่งอกที่ไม่ใช่ตัวอันตรายอะไร
“ท่านเองรึ อย่าทำให้ตกใจกันสิ”
“ให้ตายสิ ยังคงเป็นพวกหัวรุนแรงเหมือนเคยเลยนะ”
“เจ็บๆ เปิดประตูดีๆหน่อยไม่ได้รึไงครับเนี่ย”
ตรงหน้าไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากสหายข้างกายของทั้งสาม หนึ่งในปีศาจมหาบาปอีกตน
เด็กสาวร่างเล็ก ผมสั้นประบ่าสีชมพูมีไฮไลท์เป็นสีแดงตามปลายผม สวมเกราะสีดำกับกระโปรงสีแดงเข้ม และเช่นเดียวกับมหาบาปตนอื่น เธอมีต่างหูอันเป็นสัญลักษณ์ของปีศาจมหาบาปอยู่
ขณะนี้เด็กสาวมีใบหน้าที่โกรธจัด
“ไม่เจอกันนาน ซาตาน”
เธอตรงหน้าคือ ‘ซาตาน’ บาปแห่งโทสะ สภาพเวลานี้ที่โกรธจัดของเธอช่างเข้ากับบาปที่ตัวเองเป็น
“พวกแก!!! มีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลย!!”
ซาตานเดินเข้ามาอย่างเดือดดาล ลูซิเฟอร์นิ่งเฉยต่างกับอีกสองตนที่ตัวกระตุก
“อย่างที่รู้ ข้าไม่เกี่ยว”
ลูซิเฟอร์ออกตัวก่อน เขารู้ถึงสถาการณ์ของซาตานดี และตัวเองว่าตามตรงคือเพื่อนร่วมชะตากับซาตาน เพราะมีลูซิเฟอร์กับซาตานแค่สองคนนี่แหละ ที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมปีศาจมหาบาปเหมือนกัน
โดยสาเหตุของลูซิเฟอร์คือเดินเล่นตามใจตัวเอง แต่ของซาตานคือโดนเพื่อนแกล้ง
และหัวโจกคนที่แกล้งก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกซะจากบิลเซบับกับแอสโมเดียส ..ซาตานคิดเช่นนั้นมาตลอดน่ะนะ ถ้าเธอโดนแกล้งต้องเป็นสองคนนี้แน่ๆ
“เออ!! ไม่เกี่ยวก็ไสหัวไป!”
ถึงลูซิเฟอร์จะไม่เกี่ยว แต่ตอนที่หัวร้อนจัดๆซาตานก็แหกปากไม่สนมิตรศัตรู ลูซิเฟอร์เข้าใจจุดนี้ดีเลยไม่พูดโต้เถียงอะไรด้วย
“เอาตามนั้น”
ซาตานหมดความสนใจในตัวลูซิเฟอร์ เธอหันหน้าควับมาทางบิลเซบับและแอสโมเดียส
“ไม่เจอกันนานนะ”
“เห็นสบายดีก็ดีใจครับ”
“ท่าทางปลื้มปิติยินดีนั่นมันอะไรน่ะหา?”
“เอ๊ะ? ก็อุตส่าห์เจอกันทั้งที” บิลเซบับแปลกใจ
“ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีแล้วนะครับ” แอสโมเดียสเองก็งง
ซาตานโกรธจนมีควันเต็มหัว—ไม่รอช้า ซาตานพุ่งเข้าใส่ทั้งสองคน
“เดี่ยวสิ!! ขะ เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ขอโทษนะ ขอโทษ!”
“หนวกหู!!! ไปตายสักล้านรอบซ้าาาา!!!!”
ด้วยเหตุนี้
ณ หน้าคฤหาสน์ได้เกิดการต่อสู้ขนาดย่อมขึ้น ซาตานแกร่งสุดในหมู่ปีศาจมหาบาป ต่างกับบิลเซบับและแอสโมเดียสที่รั้งท้ายในกลุ่มปีศาจมหาบาป ถึงกระนั้นก็ยังเป็น 2-1 ไม่มีทางที่จะง่าย การต่อสู้นี้ต้องเจ็บหนักทั้งสองฝ่ายแน่ๆ
แต่ก็ไม่สามารถขัดได้ เพราะซาตานตอนโกรธ คนที่คุมได้มีแค่จอมมาร เพื่อนปีศาจเช่นลูซิเฟอร์ไม่ได้สำคัญพอจะสยบอารมณ์ของซาตานไหว
ลูซิเฟอร์จึงยืนพิงประตูคฤหาสน์ เฝ้ามองการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความหัวเสียของซาตานและลูบหัวอาซาเซลตัวน้อยไปพลาง
ต่อจากก่อนหน้านั้น ตลอดมาซาตานจะเข้าใจว่าเวลาตัวเองโดนแกง คนที่แกงจะเป็นใครไม่ได้นอกเสียจากบิลเซบับและแอสโมเดียส ..ทว่าความจริงไม่ใช่อย่างนั้น ไม่สิ ก็จริงอยู่ครึ่งหนึ่งนั่นแหละ
ในหมู่ปีศาจมหาบาป ไม่สิ ในกองทัพปีศาจทั้งหมด มีอยู่สามคนที่รู้ความจริงได้แก่ จอมมารดิลุค บาปแห่งความเย่อหยิ่งลูซิเฟอร์ และสุดตัว—ตัวการณ์ที่แท้จริง ‘บาปแห่งความโลภแมมม่อน’
แอสโมเดียสและบิลเซบับ เบื้องหน้าเขาอาจจะจงใจแกล้งซาตานจริงๆ แต่นั่นเป็นเพราะเขาโดนแมม่อนชักใยอีกที ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว เพราะสองคนนี้รวมถึงซาตาน เป็นพวกที่บื้อสุดในกลุ่ม
ทั้งสอง จอมมารกับลูซิเฟอร์รู้อยู่แก่ใจ แต่ก็ไม่คิดจะเฉลยอะไร เพราะมันเป็นผลดีต่อภาพรวมมากกว่า แมมม่อนเองก็ไม่ได้ทำเพียงเพราะอยากแกล้งซาตานเฉยๆเสียหน่อย ที่ทำมันมีเหตุผลอยู่
แน่นอนว่าซาตานไม่ทราบเหตุผล เพราะถ้าทราบ ข้อได้เปรียบจุดนี้ก็จะหายไป อาทิเช่นการประชุม อาจดูใจร้ายไปหน่อย แต่ในมุมของแมมม่อน ไม่จำเป็นต้องมีซาตานก็ได้ ..ถ้าลูซิเฟอร์คุยเรื่องแผนนี้กับแมนม่อมก่อน อาจจะโน้มน้าวไม่ให้ทำอย่างนี้ แต่ไม่ได้ทำ เพราะลูซิเฟอร์เวลานั้นก็เอาแต่เดินเล่นพึมพำวลีอะไรเบียวๆของตัวเองไปเรื่อย
อย่างไรก็ช่าง ที่ทำก็แค่แกล้งเล็กๆน้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร และขืนมาเฉลยความจริงให้ซาตานรู้ตอนนี้ ความโกรธทั้งหมดตลอดหมื่นๆปีอาจจะมารวมกันในชั่วเดียว ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็
แมมม่อนได้ตายคามือซาตานจริงๆแน่ จึงต้องเก็บเป็นความลับเอาไว้ …
ลูซิเฟอร์กอดอกมองทั้งสามซัดกันอย่างเมามันส์ โดยที่ต่อให้ 2-1 ฝั่งบิลเซบับกับแอสโมเดียสก็ดูจะเสียเปรียบซาตานทุกจังหวะ
“สมกับเป็นซาตาน ยิ่งโกรธก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ยิ่งสู้ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น เป็นพลังสายสู้โดยเฉพาะ อาจจะเข้าใจง่ายไปหน่อย แต่ก็เป็นพลังที่ไร้ข้อเสียทั้งยังทรงพลัง ต่างกับของบิลเซบับกับของแอสโมเดียสที่พลังไม่เหมาะกับการต่อสู้ตรงๆ อย่างไรก็ช่าง การได้กลับมาเจอเพื่อนเก่านับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุด”
ลูซิเฟอร์หลับตาและหัวเราะพึมพำ อาซาเซลฟังแล้วก็ร้องเมี๊ยวแบบน่ารักๆตาม
“แน่นอน การได้พบกับอาซาเซลก็น่ายินดีเป็นที่สุด ..และแน่นอน รวมถึงการได้พบกับท่านจอมมารด้วย”
พบเห็นร่างเกิดใหม่ของจอมมารแล้ว—-จอมมารที่พวกเขาต้องตามหาให้เจอ เธอคือ ‘เบลลามี’
เรื่องนี้ลูซิเฟอร์ว่าจะเล่าให้ทุกคนฟังในวันนี้ แต่ก่อนอื่น ต้องรอให้ทั้งสามสู้กันจบก่อน
พอหันไปมองอีกที
ก็เห็นซาตานจับแอสโมเดียสเหวี่ยงไปชนกับต้นไม้ และเตะปลายคางบิลเซบับก่อนจะลากร่างของบิลเซบับลงพื้นไปมาเหมือนเหวี่ยงผ้าขี้ริ้วเล่น
เป็นภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่
ขณะที่ซาตานจับบิลเซบับโยนเล่น แอสโมเดียสก็โผล่มาพร้อมกับอาวุธคู่ใจอย่างหอก แรกเริ่ม แอสโมเดียสโหมแทงหอกเข้าใส่ซาตานได้สิบรอบ ทำให้ซาตานต้องเว้นระยะห่าง แต่ไม่นานซาตานก็จดจำรูปแบบการโจมตีของแอสโมเดียสได้ และหลบมันได้หมดแบบง่ายๆ จากนั้นซาตานก็เจออำนาจมหาบาปของแอสโมเดียสทำให้เห็นภาพหลอน
แอสโมเดียสพุ่งมาแทงหอกใส่ แต่ไม่สามารถเจาะร่างของซาตานได้ เลยหันไปขอให้บิลเซบับช่วยทว่า—-บิลเซบับไม่ยอมใช้อำนาจมหาบาป เพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็น—และนั่นเลยทำให้ซวย เพราะไม่ยอมใช้อำนาจมหาบาป ทำให้จังหวะที่ซาตานโดนเล่นงานสติมันสูญเปล่า
ซาตานมีต้านทางความเสียหายทางจิตใจ ในทีแรกอาจจะติดสถานะอยู่ไม่กี่วิ แต่ถ้าเล่นงานทางจิตเดิมๆจะไร้ผลกับซาตานโดยสมบูรณ์
ถ้าเคยโดนสักครั้ง ครั้งที่สองจะไม่มีผล
แอสโมเดียสโดนอัดท้องน้อยและคลุกฝุ่นเอาง่ายๆ บิลเซบับโดนจับเหวี่ยงใส่ต้นไม้และกระเด้งพื้นสองสามรอบก่อนจะสลบตามไป
ในทีแรกที่คาดไว้ว่าจะเจ็บทั้งสองฝ่าย แต่ไม่ใช่เลย เหมือนว่าซาตานจะชนะขาดลอย
ทันทีที่ทั้งสองนอนล่วงกับพื้นแบบหมดสภาพ ซาตานก็เดินสะบัดไหล่มาทางซาตาน ไม่ได้จะต่อยแค่จะเข้าไปนั่งในคฤหาสน์-ลูซิเฟอร์จงใจเดินหลบทางให้ซาตาน
“ยอดเยี่ยม ฝีมือไม่มีตก”
“ไม่ใช่การต่อสู้ที่เท่าเทียมหรอก แอสโมเดียสแค่พลังดั้งเดิมก็แพ้ทางกันอยู่แล้ว แถมยังอ่อนแออีก บิลเซบับก็ไม่ยอมใช้อำนาจมหาบาป ต่อให้ใช้ก็ยังกระจอกอยู่ดี เพราะมันไม่ใช่พลังที่ใช้ต่อสู้ได้ทันที มันจำเป็นต้องเก็บสะสมพลังไว้ก่อนสู้ ..แต่ก็สะใจดี ทำเอาโล่งอกขึ้นเยอะเลย”
ว่าโดยง่าย แอสโมเดียสพลังแพ้ทางและอ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พลังของบิลเซบับเองก็ต้องใช้เวลากว่าจะแข็งแกร่ง
พลังของทั้งสองค่อนข้างยุ่งยากในการใช้งานด้วย ไม่แปลกที่ซาตานที่พลังนั้นง่ายๆเลยคือยิ่งสู้ยิ่งเก่งจะชนะได้แบบชิลๆในช่วงที่เงื่อนไขพลังของทั้งสองยังไม่สมบูรณ์
ลูซิเฟอร์ก็คิดเช่นนั้น
“เห็นว่าดีข้าก็ไม่คิดขัดข้อง”
“เออ..! ..ว่าแต่ว่า ลูซิเฟอร์ สิ่งมีชีวิตตัวน้อยนี่มันอะไรกัน”
เพียงพริบตาเดียว ดวงตาที่ป่าเถื่อนของซาตานก็หายไป ..ตาเป็นประกายหัวใจ คล้ายกับกำลังตกหลุมรักในบางอย่าง
“อาซาเซล”
“ถึงจะติดตรงที่เอาชื่อเพื่อนที่ตายมาตั้งให้ก็เถอะ แต่ชื่อเท่ดีนี่! ขออุ้มได้รึเปล่า”
“ได้ แต่อาซาเซลนั้นเปราะบาง ช่วยระวังความปลอดภัยของอาซาเซลให้ดีด้วย”
ซาตานพยักหน้ารัวๆ ลูซิเฟอร์จึงส่งต่ออาซาเซลไปให้ ทางอาซาเซลก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรกระโดดไปเกาะไหล่ซาตานแบบง่ายๆ
“..น่ารัก น่ารัก ลูซิเฟอร์ อาซาเซลน่ารักมากๆเลย!!”
“สมกับเป็นสหายของข้า เข้าใจสเน่ห์ของอาซาเซลได้ดีเช่นนี้ ข้าพึงพอใจอย่างยิ่ง ทว่า โปรดอย่าคิดว่าอาซาเซลเป็นตุ๊กตาสุดน่ารักเชียว เขาเป็นสหาย โปรดจำไว้ให้ขึ้นใจ”
“รู้แล้วน่า!”
ซาตานวิ่งอุ้มอาซาเซลเข้าไปในคฤหาสน์อย่างกับเด็ก ลูซิเฟอร์เห็นก็ไม่ได้อะไร เขาแค่ถอนหายใจออกมาเมื่อหันกลับไปเห็นสภาพสุดยับเยินของสหายร่วมรบอีกสองตนที่เละตุ้มเป๊ะ
“ไม่เป็นอะไรใช่รึเปล่า”
“พะ..พอไหว..ไม่รู้โกรธมาจากไหนเหมือนกัน แต่ซาตานเนี่ยยั้งมือไม่เป็นเลยนะ”
“เป็นเช่นนั้นแต่ไหนแต่ไรแล้ว ได้แต่หวังว่าท่านจอมมารจะช่วยมาคุมพฤติกรรมเจ้าตัวโดยเร็ว ..ลุกไหวรึไม่”
“วะ.. ไหว ..ไหวมั้งนะ”
บิลเซบับค่อยๆลุกขึ้นช้าๆ และร่ายเวทย์รักษาใส่ร่างตัวเอง เพียงพริบตาเดียวก็หายสนิท เมื่อเห็นว่าหายห่วงแล้ว ลูซิเฟอร์จึงหันไปมองแอสโมเดียส ที่ตอนนี้ยังนอนสลบอยู่
“ให้นอนพักสักสามชั่วโมงเดี่ยวก็ฟื้นเอง” บิลเซบับว่า
“เข้าใจแล้ว ข้าจะแบกไปเอง”
****
“อ้าาาาาา!!!!!!”
แอสโมเดียสตื่นขึ้นจากความฝัน และทันทีที่ลืมตาตื่นไม่ทันไรเขาก็ร้องลั่น เพราะภาพเหตุการณ์ที่โดนซาตานกระทืบยังอยู่ในหัว
เขาหันซ้ายหัวขวาไปมาขณะที่นอนอยู่บนเตียง จังหวะที่หันซ้ายขวาไปมาก็โดนบิลเซบับทุบหัวจากข้างหลังเข้าให้
“โอ้ย!”
“เสียงดัง น่ารำคาญ”
“ตะ ตะ แต่ว่า เมื่อตะกี้ ซาตาน กำลังจะโดนซาตานฆ่า!”
“รอดแล้วล่ะ เหมือนทุกที”
“งะ งั้นเองเหรอ”
แอสโมเดียสถอนหายใจเฮือกใหญ่ บิลเซบับเห็นก็ถอนหายใจเช่นกัน
“จะตกใจอะไร โดนซาตานซัดจนล่วงตั้งแต่สมัยก่อนแล้วนี่”
“ให้ชินกับความเจ็บปวดไม่ไหวหรอกครับ ..ว่าแต่ที่นี่ที่ไหน?”
“หลังเธอโดนเล่น ลูซิเฟอร์ก็พาเธอมาห้องพยายามน่ะ”
“รู้ทางด้วยเหรอครับ สมกับเป็นลูซิเฟอร์เขาเลยนะครับ ขนาดไม่เคยมาก็รู้ทางแล้ว”
“พูดเป็นเล่น พวกเราหลงทางกันตั้งนาน ราวๆยี่สิบนาทีได้”
“..ช่างเถอะ
บิลเซบับนั่งอยู่เก้าอี้ข้างๆเตียงนอน ทำเหมือนกำลังเฝ้าไข้อยู่ แอสโมเดียสเห็นก็ยิ้มออกมา
“คิดถึงสมัยก่อนจังนะ”
“นั่นสิ ตอนเด็กๆเธออ่อนแอจนสลบไปเองบ่อยๆ ต้องแบกตัวพาเข้าห้องนอนตลอด เหนื่อยเหมือนกันนะตอนนั้นน่ะ”
“ช่วยไม่ได้นี่ครับ เป็นลูกพี่ลูกน้องกันก็ต้องช่วยๆกัน”
แอสโมเดียสและบิลเซบับ มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดคือลูกพี่ลูกน้องเผ่าปีศาจ แถมยังใกล้กันมากๆด้วย
พ่อของบิลเซบับเป็นพี่ชายของแม่ของแอสโมเดียส และทั้งสองก็สนิทกันมากๆด้วย พอโตแล้วแยกย้ายกันไปมีครอบครัวใหม่ ก็ยังกลับมาสร้างบ้านอยู่ติดกันอีก
เพราะเหตุนั้นทำให้ทั้งสองเล่นด้วยกันตลอด ตั้งแต่จำความได้แอสโมเดียสกับบิลเซบับก็ตัวติดกันตลอด
“อือ ยังไงก็ตื่นแล้ว ช่วยรีบๆลุกขึ้นด้วยล่ะ”
“มีเรื่องต้องทำเหรอครับ”
“ลูซิเฟอร์เรียกประชุมน่ะ”
****
เพียงไม่นานหลังจากแอสโมเดียสตื่น ปีศาจมหาบาปและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็มารวมตัวกันในห้องประชุมขนาดใหญ่
ตรงที่ยาวเป็นสิบเมตร มีเก้าอี้เตรียมพร้อมไว้ให้เป็นร้อยที่นั่ง แต่คนไม่ได้เยอะขนาดนั้น จึงไม่จำเป็นต้องนั่งให้ทั่วทั้งโต๊ะ
ทางฝั่งซ้ายของโต๊ะมีปีศาจมหาบาปอยู่สามตนได้แก่ ซาตาน แอสโมเดียส และ บิลเซบับ
ทางฝั่งขวาของโต๊ะมีผู้มี่ส่วนเกี่ยวข้องกับแผนคืนชีพจอมมารได้แก่— ‘เรน’ อาชญากรที่โลกต้องการตัวมากที่สุด
เรนเป็นชายรูปงาม ทรงผมดูสะอาด สูงสองเมตร ร่างหนาตึก รูปทรงเสื้อที่สวมใส่นั้นคล้ายคลึงกับชุดของบาทหลวง เพียงแค่ชุดเป็นสีดำเกือบทั้งหมด จะมีสีแดงเลือดหมูโผล่มาบ้างแต่แค่เล็กน้อย
และถัดจากเรนก็คือ ‘อลิซาเบธ’ แวมไพร์ที่เป็นมือขวาของเรน เธอไม่ได้นั่งข้างๆแต่ยืนอยู่ข้างหลังเรน
เธอเป็นหญิงสาวแน่ๆ ไม่ทราบหน้า ที่แน่นอนคือเธอตัวสูงไม่ต่ำกว่าร้อยแปดซิบเซนติเมตร และหน้าอกใหญ่ เลือนผมสีบลอนด์ ผิวสีซีด สวมชุดเดรสโทนดำคลุมหัวในส่วนเนินหน้าอกหรือแผ่นหลังที่เผยเนื้อหนังหรือแม้แต่แขนรึขาก็คลุมไว้ด้วยตาข่ายสีดำทั้งหมด ใบหน้าถูกปกปิดไว้ด้วยผ้าคาดตา เผยให้เห็นแค่ปากสีแดงขัดกับผิวสีที่ซีดอันเป็นเอกลักษณ์ของแวมไพร์
ที่เด่นที่สุดคือข้างๆตัวของเธอมีเคียวที่รูปร่างดูน่ารังเกียจอยู่ บ่อยครั้งที่ซาตานจะแอบส่งสายตารังเกียจตัวเคียวของอลิซาเบธเป็นช่วงๆ
และสุดท้าย ตรงหัวโต๊ะเป็นที่นั่งของลูซิเฟอร์ เพราะเขาเป็นคนเปิดการประชุมจึงจำเป็นต้องนั่งในจุดที่ทุกคนมองเขาได้.๋ษญ
ลูซิเฟอร์กอดอกเฉยๆ ยังไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้ก็เอาแต่มองอลิซาเบธ
“ติดใจอะไรกับเธอหรือ”
เรนออกหน้าคุยด้วยเอง
“น่าแปลกใจ เหตุใดยุคนี้ถึงยังมีแวมไพร์อยู่ได้ ไม่ใช่ว่าสูญพันธ์ไปหมดแล้วหรือ”
“ให้เล่าคงยาว ให้พูดสั้นๆ ผมแค่บังเอิญเก็บเธอได้ข้างทางเท่านั้น”
“เก็บได้? หากข้าจำไม่ผิด ในยุคสงครามที่ท่านจอมมารถือกำเนิด เผ่าแวมไพร์ที่เข้าร่วมกับจอมมารถูกกวาดล้างไปแล้วไม่ใช่รึท่าน”
“มันก็ต้องมีตัวที่รอดออกมาได้บ้างแหละ”
เรนเรียกอลิซาเบธว่า ‘ตัว’ ถึงกระนั้นอลิซาเบธก็ไม่สะทกสะท้ายอะไร มันคงจะเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร การพูดคุยกันเช่นนี้
“ไม่มีทาง”
ความจริงในหน้าประวัติศาสตร์ยังอยู่ในความทรงจำ ลูซิเฟอร์กล้ายืนยันว่าไม่มีทางที่จะมีแวมไพร์เหลือรอดได้ จึงอดสงสัยในตัวอลิซาเบธไม่ได้
“ใครกันที่เป็นผู้ล่าแวมไพร์? ท่านน่าจะรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น มันเป็นไปไม่ได้ ข้าจึงขอถาม เหตุใดท่านถึงรอดมาได้ ช่วยบอกให้ข้าทราบทีเถอะ แวมไพร์ผู้เหลือรอดเอ่ย”
อลิซาเบธไม่แม้แต่จะหันหน้ามอง ลูซิเฟอร์จะคะยั้นคะยอให้พูด แต่เรนก็ขัดไว้ก่อน
“มันก็มีบ้างนะ เรื่องที่ไม่อยากบอกให้ใครรู้น่ะ”
“..อย่างที่ท่านว่า ข้าจะขอไม่ถามต่อแล้ว”
ลูซิเฟอร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และส่งสายตาไปที่ทั้งฝองฝั่งแบบรวมๆ
ลูซิเฟอร์พูดแบบไม่คิดอะไร พูดออกมาเพียงสั้นๆ
“เจอตัวท่านจอมมารแล้ว”
ในวันนั้น แผนการณ์ชิงตัวจอมมารก็ได้เริ่มต้นขึ้น
ป.ล.เมื่อวานผมไม่ได้อัปนะครับ เลยเปลี่ยนมาอัปวันนี้แทน เพราะว่าเมื่อวานเขียนไม่ทันน่ะครับ
