เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? - ตอนที่ 53

< < 44 > >
ประกายแสงปะทุขึ้นนับไม่ถ้วน พวกเราสองคนเข้าห้ำหั่นกันโดยที่เป้าหมายคือชีวิต
เรย์เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงระดับที่คนปกติมองตาไม่ทัน–สมกับเป็นนักดาบขั้นสูง ความเร็วระดับนี้แม้แต่ในนักดาบขั้นสูงด้วยกันยังน้อยคนเลยที่จะทำได้ น่าเหลือเชื่อไปหน่อยแต่เรย์ยังไม่ได้ใช้ เทคนิคดาบขั้นกลางอย่าง [จังหวะแตะสายลม] เลยด้วยซ้ำ
“ยอดเยี่ยม!”
ผมตวัดดาบรับการพุ่งไปมาของเรย์ แต่ทุกครั้งที่ป้องกันแสงจู่โจมของเรย์ระลอกต่อไปก็จะผุดขึ้นทันที ราวกับว่าร่างของเรย์สะท้อนไปมาตามการปะทะกันของจังหวะดาล
หากปัดป้องได้ 1 ครั้ง ครั้งที่ 2 ก็จะตามมา พอครั้งที่ 2เสร็จ ครั้ง 3 ก็มาต่อ—น่ารำคาญมาก รูปแบบการต่อสู้แบบนี้ อย่างกับดูถูกผมอยู่เลย ทำอย่างกับว่าผมเป็นแค่กระดองเต่าที่มีหน้าที่กันจนกว่ามันจะแตกลงในที่สุด
พับผ่าสิ ..นี่แหละ นักดาบขั้นสูง ไม่ต้องไปพูดถึงนักดาบขั้นบรรลุเลย ยุ่งยากกว่านี้กว่าสิบเท่าแน่นอน
ถ้าหากใช้เวทมนตร์ได้ตอนนี้ผมคงร่ายเพลิงรอบตัว และบีบวงอัดหน้าเรย์จนมอดไปแล้ว หรือถ้าใช้ยูนาได้ ก็จะตัดมิติย่นเวลาใส่เรย์ หรือให้เรย์ชนกับกำแพงที่มองไม่เห็น จนพลาดท่า ..แต่ตอนนี้ผมจะใช้แค่ดาบ ทั้งๆ ที่เป็นนักเวทย์ผู้ใช้งานวิญญาณระดับเทพ
เพราะฉะนั้นในสถานการณ์ที่ใช้ได้แค่ดาบก็ต้อง—-ย่นระยะ
ในจังหวะที่เรย์พุ่งไปพุ่งมา ผมก็พุ่งตัวตามไปเพื่อให้ระยะดาบของเรย์มันพลาด
“ยั๊ก!”
ผมฟาดไปที่กลางหัวของเรย์ แต่หมอนั่นพลิกตัวหลบได้พร้อมกับใช้ขาเตะไหล่ของผมจนตัวแทบปลิว
“—แก้เกมเร็วดีนี่”
เรย์กล่าวชมเล็กน้อย ก่อนจะยืนตั้งท่าดาบ พลางวิเคราะห์ผมไปด้วย
“สัดส่วน ความลับ”
“ไม่ได้ถามสัดส่วนวุ้ย”
เรย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง คงจะวิเคราะห์เสร็จเรียบร้อยแล้ว
พุ่งมาตรงๆ เลยแฮะ
เทคนิคดาบ เทคนิคดาบที่พุ่งมาตรงๆ มีอะไรบ้างหว่า—ไอ้ผมก็ไม่ได้ถนัดรับมือกับนักดาบมากนักหรอก ในกรณีที่ห้ามใช้ทั้งเวทย์และยูนายิ่งแล้วใหญ่
“ไม่รู้หรอกนะว่าจะมาไม้ไหน แต่ไม่ยอมให้ทำอะไรตามใจชอบหรอก”
ผมด้อยกว่าเรย์ทุกด้าน ยกเว้นเรื่องเดียว นั่นคือสัญชาตญาณการต่อสู้ ผมมั่นใจว่าตัวเองผ่านมันมาเยอะกว่าเรย์มาก เพราะอย่างนั้นจะพุ่งชนมันทั้งอย่างนั้นแหละ
ผมพุ่งตัวออกไปเหมือนกับเรย์ จนอีกไม่กี่ก้าวก็จะประชิดตัวกันแล้ว—จังหวะนั้นเรย์พึมพำขึ้นมา
“ [จังหวะแตะสายลม] ”
ร่างของเรย์หายไปจากทิวทัศน์เบื้องหน้า—เร็วมาก ทักษะจังหวะแตะสายลมที่เร็วขนาดนี้ไม่เคยเห็นมาเป็นปีแล้ว
ผมพลิกตัว—-เป๊ง!! สะเก็ดไฟปะทุขึ้นอีกครั้ง ผมกับเรย์ดันดาบเข้าใส่กัน
“ยังอุตส่าห์ตั้งตัวได้อีกนะ”
“ประเมินกันต่ำไปแล้ว” ผมเตะลำตัวของเรย์จนร่างปลิวกลับไปราว 4-5 เมตร ก่อนแสยะยิ้มให้ “ถ้าข้างหน้าไม่อยู่มันก็ต้องอยู่ข้างหลังเซ้”
เรย์หยักไหล่ให้ เป็นเรื่องปกติสามัญ
เอาละ
ผมพุ่งตัวไป ตวัดดาบเข้าใส่เรย์ ไม่ได้หยุดแค่ครั้งเดียว ผมโหมดาบเข้าใส่เรย์รัวๆ แน่นอนว่าหมอนั่นหลับได้โดยไม่แม้แต่ใช้ดาบ
การปล่อยดาบง่ายๆ เช่นนี้ทำอะไรเรย์ไม่ได้หรอก
[จังหวะแตะสายลม] ว่าแล้วผมก็ปล่อยจังหวะแตะสายลงบ้าง—-พริบตาเดียวผมก็ไปอยู่ที่ข้างซ้ายของเรย์ และฟาดดาบเฉียงเข้าใส่
เรย์พลิกตัวหลบง่ายๆ โดยไม่แม้แต่ใช้เทคนิคใดๆ ดาบเชี่ยวคอเรย์ไปแค่ไม่กี่เซนติเมตร–ไม่ได้โชคช่วย แต่คำนวณไว้แล้ว ทั้งความเร็วของผมและระยะของดาบ เรย์รู้มันหมดแล้ว
จากการวิเคราะห์ก่อนหน้าละมั้ง ไม่น่าปล่อยให้วิเคราะห์เลย
เพราะผมพลาดท่าทำให้ตัวเองคลุกวงในโดยที่ไม่สามารถทำอะไรเรย์ได้ หมอนั่นจึงใช้เข่ากระแทกเข้าที่กลางท้อง ก่อนจะใช้ขาอีกข้างตวัดร่างผมจนปลิว—-ผมกลิ้งหลายตลบตามพื้น ก่อนร่างจะหยุดลงเพราะชนเข้ากับต้นไม้ยักษ์
“…อา”
เลือดฉิบออกจากปาก ภายในร่างของผมรับแรงกระแทกมากเกินไป ..อีกฝ่ายแค่แทงเข่ากับเตะแท้ๆ
“รสชาติหมัดมวยของนักดาบขั้นสูงนี่มันแสบถึงกระทรวงเลยแฮะ”
ไม่อยากคิดเลย ถ้าเมื่อกี้เรย์ใช้ดาบแทงท้องผมจนทะลุมันจะเป็นยังไง ..
“น่าเหลือเชื่อ นักเวทย์สามารถใช้จังหวะแตะสายลม แล้วรับแรงของนักดาบขั้นสูงได้โดยไม่ต้องร่ายเวทย์ป้องกันใดๆ เนี่ย” เรย์หลบหน้าผม ทั้งที่พูดถึงผมอยู่ “ไม่อยากคิดเลย ถ้านายใช้เวทมนตร์ได้มันจะจบยังไง”
“ว่าก็ว่าเถอะ แกเองก็ไม่เลวเหมือนกัน ..ถ้าไม่นับเวทมนตร์มาเอี่ยว เทคนิคดาบของนายคงจะเหนือกว่าชินไปแล้วละ”
“ไม่มีทาง ฉันไม่มีทางเหนือกว่าพี่ได้หรอก”
เรย์เริ่มมีน้ำโห
“อย่ามาพูดซี้ซั้ว”
..โกรธที่ตัวเองเหนือกว่าพี่เนี่ยนะ? แปลกชะมัดไอ้บ้านี่
ผมพยุงร่างของตัวเองขึ้นมาช้าๆ
“ขอบอกไว้ก่อน ..อย่าคิดเองเออเองไปว่า ฉันที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้จะชนะแกไม่ได้เชียว”
ทั้งหมดมาจากใจจริงของผม
“..”
“..ถ้าเข้าใจแล้วก็รีบจัดมาเต็มแรงได้แล้วเฟ้ย ที่เห็นน่ะมีแค่เทคนิคง่ายๆ แบบจังหวะแตะสายลม กับการหลบดาบเอง ยังไม่ได้เห็นวิชาดาบ ..ที่ใช้ฆ่าคนเลยนะ”
ถึงทุกดาบที่เรย์ฟาดมาจะหมายถึงชีวิต แต่มันแค่ดาบธรรมดาเท่านั้น ปราศจากเทคนิคที่นักดาบขั้นสูงควรจะใส่มันในทุกจังหวะดาบ ..ความต่างของนักดาบขั้นกลาง กับนักดาบขั้นสูงคือพลังกาย และความชำนาญในเทคนิค
นักดาบขั้นสูงสามารถฟันพร้อมกับยัดเทคนิคมากมายเข้าไปด้วยได้–แต่เรย์ในตอนนี้ไม่แม้แต่จะใช้เทคนิคเวลาลงดาบเลย
หมอนั่นกำลังอ่อนให้ผมอยู่ชัดๆ
“อยากฆ่าไม่ใช่หรือไง ..ฉันน่ะ”
“…เออ”
เรย์ขบฟันกราม ก่อนจะพึมพำ—- [จังหวะแตะสายลม] —และ [ดาบประกายแสง]
เทคนิคขั้นกลางที่ช่วยเร่งความเร็ว กับเทคนิคขั้นสูงที่ช่วยเร่งคุณภาพของดาบทั้งระยะและความแรง—เพียงเชี่ยววิเดียวที่ผมยั่วยุไป เรย์ก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้ว
เร็วกว่าผมสองเท่า ผมรีบก้าวเท้าหลบ ยิ่งกว่านั้น—ดาบนั่นมันเร็วยิ่งกว่าการเคลื่อนไหวของเรย์อีก
ดาบของเรย์ที่ถูกห่อหุ้มด้วยออร่าสีขาวมันพุ่งเข้ามา มันเฉือนเข้ากลางร่างของผม——เพียงชั่วขณะเดียวร่างของผมได้ถูกดาบผ่าราวกับกบทดลองวิทยาศาสตร์
เลือดพวยพุ่งออกมาจากร่าง แผลขนาดใหญ่ที่อีกนิดเดียวร่างผมจะแหว่งอยู่แล้ว …โชคดีที่ก้าวเท้าหลบทัน เลยทำให้ไม่ถึงตายได้
แต่ยังวางใจไม่ได้ เรย์ยังอยู่ประชิด
ดาบของเรย์ยังถูกหุ้มไปด้วย [ดาบประกายแสง] อยู่ เพราะอย่างนั้น–มันเลยยังไม่จบ ต้องรีบหลบและสวนกลับ
“—- [จังหวะแตะสายลม] !!” ผมพุ่งตัวเข้าไปหวังจะโจมตีกลับ
“ [ระบำวายุ] ”
—- [ระบำวายุ] เทคนิคดาบขั้นสูงที่ช่วยเร่งความพลิ้วให้ดาบของตัวเอง–เมื่อใช้คู่กับ [ดาบประกายแสง] มันจะทำให้เกิดพลังทำลายล้างที่รวดเร็ว และยากจะคาดเดา
แต่ว่านะ ..คิดว่าผมไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลยหรือยังไงน่ะ? ผมคือผู้กลับมาเกิดใหม่—เป็นผู้ล่วงรู้อนาคตนะเฟ้ย! กับอีแค่เทคนิคดาบที่ถนัดของเพื่อนพระเอกน่ะสืบมาหมดแล้วเฟ้ย!
การจู่โจมแรกของเรย์มันยากจะคาดเดาก็จริง เพราะตั้งตัวไม่ทัน แต่ไม่มีครั้งต่อไปหรอก—
“ฮึย!”
ผมป้องกันดาบแรก หลบดาบที่สอง และป้องกันดาบที่สามได้ทั้งหมด—เรย์ถึงกับตะลึงกับภาพเบื้องหน้า แต่ไม่รอช้า ผมรีบพลิกตัวและใช้ดาบฟันขึ้นเหนือ หวังเล็งที่แขนขวาซึ่งเป็นข้างถนัด
“–บ้าน่า”
ดาบของผมพุ่งเข้าไปแทงที่มือข้างถนัดของเรย์ จนดาบในมือปลิวกระเด็น–ผมไม่รีรอใช้จังหวะนั้นโหมดาบใส่เรย์ ..ทว่า
เรย์สามารถหลบมันได้ และใช้แขนซ้ายซัดหน้าผมจนถอยหล่นไป เรย์อาศัยจังหวะทีเผลอกระโดดถอยหลังไปเก็บดาบขึ้นมา ..
“..ทำไมถึงรู้วิถีดาบได้หมดเลยละ?”
“ใครจะบอกเล่า”
“นั่นสินะ”
เรย์ตั้งท่าดาบอีกครั้งด้วยมือข้างซ้ายที่ไม่ได้ถนัด ..เพราะการเล่นเหนือการคาดเดาครั้งนี้ละมั้ง—การต่อสู้นี้จึงสามารถสูสีขึ้นมาได้หน่อย
ถ้าหากว่าพวกเรามาสู้กันโดยไม่รู้อะไรซึ่งกันและกันเลย ผมคงจะแพ้ไปโดยไม่สามารถแก้เกมได้ อาจจะตายไปตั้งแต่จังหวะที่เรย์ใช้ [จังหวะแตะสายลม] คู่ไปกับ [ดาบประกายแสง] แล้วละ แต่ที่ผมสามารถพยุงตัวเองให้พอสู้ได้เป็นเพราะผมรู้ถึงความสามารถของเรย์ดีกว่าเจ้าตัวอีก ..ถึงจะรู้ไปมาก แต่ถ้าตามความเร็วของเรย์ไม่ทันมันก็จบเห่เหมือนเดิม เพราะอย่างนั้นเลยเลือกเล็งที่แขนข้างถนัด เพื่อสโลว์สปีดเรย์ลง
ขอโทษด้วยละกันเรย์ การต่อสู้ครั้งนี้ไอ้ฉันมันออกจะโกงไปหน่อย ตรงข้อมูลคู่ต่อสู้ ขอโทษด้วย แต่มันผิดกันทั้งสองฝ่ายแหละ แทนที่ไม่สนลมปากท้าทายของผม แล้วลองเชิงไปเรื่อยๆ จนมั่นใจ
แต่ดันกล้าพอจะโหมดาบใส่โดยไม่รู้อะไรของฝั่งตรงข้ามเลย ..เรย์ควรจะประเมินผมโดยคำนึงถึงพลังกายที่ทัดเทียมนักดาบขั้นสูง กับตัวตนที่มีพลังกายระดับนี้ไม่ควรโหมตีโดยไม่คำนึงเรื่องเกมรับ
นั่นแหละสิ่งที่เรย์พลาดไป ถึงผมจะรู้ข้อมูล แต่ถ้าเล่นยื้อดูความสามารถผมไปเรื่อยๆ สุดท้ายความรู้ที่ผมถือครองอยู่ก็จะไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร ..เรย์จะชนะได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องเอาตัวเองมาเสี่ยงแบบนี้
และความผิดพลาดครั้งนี้เจ้านั่นคงจะเข้าใจดีแล้ว เพราะตอนนี้เอาแต่ยืนวิเคราะห์ผมอย่างเคร่งเครียด
“..รีบไป..น่าโมโหชะมัด ขนาดวิธีต่อสู้ยังน่าหงุดหงิดเลย”
เรย์กล่าวอย่างจริงจัง ไร้ซึ่งความติดตลกเหมือนทุกที ..ก็นะ ตอนนี้คือการต่อสู้เดิมพันชีวิต จะให้เริงร่าตลอดคงไม่ไหว
ไอ้ผมเองตลอดการต่อสู้ก็คำนวณจนสมองแทบระเบิดเหมือนกัน
“จะไม่รอให้ทำใจหรอกนะ”
“—เออ!”
ผมกับเรย์พุ่งเข้าหากัน และกระหน่ำดาบกันอย่างสูสี เพราะต้องใช้แขนข้างที่ไม่ถนัดเทคนิคทั้งหมดเลยพันขากันเองไปหมด แต่ถึงจะอย่างนั้นก็ยังสูสีกับผมได้—-สุดจะแกร่งเลยละเรย์
ลองคิดภาพที่สภาพสมบูรณ์ดู ผมคงทาบไม่ติดกับเพื่อนพระเอกคนนี้เลยสักนิด พอคิดว่าหลังจากนี้ระดับเรย์จะเป็นได้แค่กระสอบทรายแล้วมันยิ่งทำให้ผมตัวสั่น ..คู่ต่อสู้หลังจากนี้มันจะน่ากลัวขนาดไหนกันนะ
พวกเราแลกดาบกันนับไม่ถ้วน ต่างฝ่ายต่างวิเคราะห์อีกฝ่ายถึงที่สุด รวมไปถึงคาดเดาอนาคตทุกรูปแบบทั้งหมด
“ฮึย!”
“ยั๊ก!”
ผมกับเรย์ดันดาบเข้าใส่กัน ก่อนจะกระโดดถอยหลังไป
…
“บ้าจังเลยนะ ตัวฉัน” เรย์พึมพำออกมา ก่อนจะบิดขี้เกียจ “…”
“จะยอมแพ้แล้วรึ?”
“ไม่มีทาง”
เรย์ตอบกลับทันควัน
“ทั้งๆ ที่ฉันกะจะฆ่านาย แต่กลับยังเอาแต่ระแวงว่าร่างตัวเองมันจะบาดเจ็บ ..ระแวงว่าอาจจะตาย ทั้งๆ ที่คิดจะคร่าชีวิตอีกฝ่ายแท้ๆ” เรย์หัวเราะบางๆ “..ไหนๆ ก็จะฆ่าคนอยู่แล้ว ทำไมต้องห่วงสภาพร่างตัวเองด้วยล่ะจริงมั้ย”
เรย์ตั้งท่าดาบอย่างหนักแน่น ก่อนจะโยนดาบในมือข้างซ้ายไปให้มือข้างขวา …
“จะใช้มันทั้งๆ แบบนี้แหละ”
ออร่าพวยพุ่งออกมาจากตัวของเรย์—เทคนิคดาบมากมายในคลังถูกงัดมาใช้ทั้งหมด
อุตส่าห์ทำลายมือขวาไปแล้วแต่เจ้านั่นยังคิดฝืนใช้ได้อยู่ ..คิดว่าจะผนึกเทคนิคมากมายไปได้แล้วแท้ๆ แต่ยังตื้นไปละมั้ง
..ฉะนั้นครั้งแรกที่เรย์เอาจริงจึงเริ่มขึ้นแล้ว
เรย์ก้าวเท้าอย่างไร้เสียง—ผมคำนวณทุกเทคนิคดาบของเรย์ และลงมือตั้งรับ ทว่า…ไม่ทัน
รู้ตัวอีกทีหลังก็ซุ่มไปด้วยเลือด พอคิดจะป้องกัน รู้ตัวอีกทีมือข้างถนัดก็ถูกเล่นงานจนเป็นรู รู้ตัวอีกที..ดาบก็ทะลุมาเฉือนท้องผมไปแล้ว
“—เอ๊ะ?”
ได้แต่ส่งเสียงตะลึงกับความเร็วเหนือมนุษย์นั่น ..เรย์มันทำได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ..ไม่จริงน่า
ถ้าแค่ความเร็ว–นี่มันระดับ ‘นักดาบขั้นบรรลุ’ แล้วนะเฮ้ย
ผมกัดฟันกรามรวบรวมพลังเพื่อปัดป้องทุกการโจมตี แต่ทุกครั้งผมก็จะช้าไปเสมอ รู้ตัวอีกทีเพียงไม่ถึง 5 วิ ร่างก็มีลอยฟันอยู่นับไม่ถ้วน …ราวกับว่าตอนนี้ผมลงไปว่ายทะเลเลือดมาด้วยซ้ำ
“…อา..เอาจริงดิ”
ผมทุ่มแรงกายทั้งหมดเพื่อพยุงไม่ให้ตัวเองล้ม ในตอนนี้ทำได้แค่นี้ ..
‘ไม่ไหวสินะคะ’ ยูนาทักอย่างเรียบเฉย ..
ไม่ห่วงกันเลยหรือไงนะ
‘แค่ตัดมิตินิดเดียวมาสเตอร์ก็หายดีแล้วค่ะ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ..แต่ถ้าไม่คิดจะใช้ฉันมันก็อีกเรื่อง’ ยูนาโพ่งขึ้น ‘ใช้ฉันได้แล้วค่ะ’
..โทษทีนะ ยูนา
‘มีฉันไว้ทำไมคะ?’
..ขอโทษจริงๆ จะโกรธหรือด่ากันตามสบายเลย แต่อยากให้รู้ไว้ว่า—-ฉันไม่แพ้หรอก
‘..จะเชื่อก็ได้ค่ะ แต่ถ้าหากทำไม่ได้อย่างที่พูดฉันจะรีบตัดมิติแทรกแซงทันที ในกรณีที่เลวร้าย—ฉันอาจเผลอฆ่าเพื่อนของมาสเตอร์ด้วยอารมณ์ส่วนตัวก็ได้’
ขอบใจ–หลังจากนี้จะพาไปเที่ยวให้สนุกเลย
ผมแสยะยิ้ม และวิเคราะห์เรย์เบื้องหน้า ..ว่าแล้วเชียว
“ความเร็วระดับนักดาบขั้นบรรลุ มันเกินตัวไปนะ เรย์”
“..นะ..หนวกหู..น่า”
เรย์ยืนใช้ดาบค้ำร่างกายไว้ ทั่วทั้งร่างผุดเส้นเลือดและวงจรเวทย์ออกมาอย่างชัดเจน แววตาของเรย์เริ่มจางๆ สภาพดูย่ำแย่ไม่ต่างกับผมที่ซุ่มไปด้วยเลือดเลย
“อุตส่าห์ทุ่มหมดหน้าตักในเวลา 5 วิ แต่ก็เอาไม่ลงสินะ ..จบกันแค่นี้แหละ ว่ามั้ย?”
เรย์ใช้ทุกเทคนิค และฝืนร่างกายตัวเอง พร้อมกับใช้มือขวาควบไปด้วย ทำให้สภาพในตอนนี้เละอย่าบอกใครเชียว วงจรเวทย์เอย กล้ามเนื้อเอย แม้แต่สมองของเรย์ตอนนี้แทบจะระเบิดออกมา ถ้าไม่ได้รับการรักษาโดยเร็วอาจจะตายได้ คงคิดว่าจะฆ่าผมในเวลาไม่ถึง 5 วิ แล้วไปหาหมอละมั้ง ประเมินผมพลาดบ่อยจริงๆ ไอ้บ้านี่
“พูดอะไรตลกชะมัดนายเนี่ย สภาพไม่ต่างกันเลยแท้ๆ”
“คงจะอย่างนั้น”
อย่าว่าแต่เรย์เลย ถ้าผมไม่ได้รับการรักษา อีกไม่นานคงตายเหมือนกันเช่นนั้นยูนาไม่โมโห หรือขู่ฆ่าเรย์หรอก
“สภาพอย่างนี้ อีกไม่กี่จังหวะคงจบกันแล้วละมั้ง”
“..อ่า ได้เวลาปิดคดีแล้ว”
ผมกับเรย์ผสานเสียงถอนหายใจกัน ..พวกเราพากันตั้งท่าในสภาพปางตาย
“ขอถามอะไรหน่อยสิ?”
“ว่ามาเลย ไม่ว่าจะอะไรก็ตอบเอง” เรย์ว่าอย่างนั้น
“ปลายทางของการต่อสู้นี้คืออะไร? ต่อให้ใครคนหนึ่งชนะแล้วอีกคนตาย แล้วสุดท้ายมันจะจบยังไง?”
“…”
“..ความเศร้าเหรอ? ความสุขเหรอ? ความรู้สึกที่ถูกเติมเต็มรึ? ..ไม่ ไม่เลย” ผมแสยะยิ้ม “จะไม่มีใครได้รับอะไรทั้งนั้น”
เพราะฉะนั้น
“ฉันถึงได้มาที่นี่ไงละ เพื่อที่จะชนะแก—แล้วคว้าบางสิ่งที่เหนือยิ่งกว่านั้น”
“..บางสิ่งสินะ”
“อ่า”
ได้ยินเช่นนั้นเรย์ก็พลันหัวเราะร่า
“แปลกคนชะมัดนายเนี่ย ตั้งแต่วันแรกแล้ว ..แปลกเป็นบ้า”
“คิดว่าคิดแบบนั้นอยู่ฝ่ายเดียวรึไง ไอ้บ้า โทษฐานที่ทำให้ฉันเสื่อมเสียชื่อเสียง ..คือความพ่ายแพ้ของแก”
เรย์หัวเราะยิ่งกว่าเดิม หัวเราะเหมือนกับเรย์คนเดิม
“มาเลย ถ้าชนะได้ละนะ”
“แน่นอน!”
ผมกับเรย์พุ่งออกไปพร้อมกัน ทั้งความเร็วและเทคนิคด้อยกว่าเดิมหลายเท่ากันทั้งคู่ แต่–นี่แหละการตัดสิน
ผมมาที่แห่งนี้ทำไม มายันโรงเรียนเวทมนตร์เพื่อเจอกับทุกคนทำไม ..เหตุผลก็ง่ายๆ ตั้งแต่แรกที่ผมรู้ตัวว่ามาจากต่างโลก—-ผมจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรม
เพราะฉะนั้นถึงได้ช่วยแองเจลิน่า พยายามช่วยชิน ช่วยเคียวยะ เป็นเพื่อนกับเบลลามี เป็นเพื่อนกับทุกคน และตอนนี้ก็ช่วยเรย์ ไอ้บ้าตรงหน้าของผมนั่นแหละ
——จังหวะดาบสุดท้ายได้พุ่งเข้าใส่กัน และผู้ที่โจมตีถูกตัวอีกฝ่ายก่อนคือเรย์
บริเวณหน้าท้องของผมถูกดาบแทงจนทะลุ ร่างของผมแทบจะล้มทั้งยืน——สติสามารถดับไปได้ทั้งอย่างนั้น
“—ฉันชนะ”
คงจะอย่างนั้น …
“ก็——บ้าแล้ว!!”
ผมพุ่งร่างที่เกือบจะล้มขึ้นไปด้วยแรงเฮือกสุดท้าย และใช้ดาบฟาดเข้าที่กลางตัวของเรย์—–เลือดกระฉูดออกมา บาดแผลระดับนั้นมากพอจะฆ่าคนคนหนึ่งให้ตาย เพราะอย่างนั้น …
“—ฉันต่างหากละที่ชนะ!”
สุดท้ายผู้ที่กำชัยมาได้ ก็คือตัวร้ายอย่างผม ‘เรเซอร์ ดราแคล์’
สิ้นสุดเสียงประกาศ เรย์ได้ล้มลงกับพื้น
