[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ - ตอนที่ 50

“ไป๋อี้ คุณสามารถสื่อสารกับพวกมันได้เหรอ” ไม่เพียงแต่วูล์ฟเท่านั้น แม้แต่เฮลัวส์และเมย์ริสต่างก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“จำการคาดการณ์เมื่อครู่นี้ได้ไหม สิ่งมีชีวิตที่ได้รับเซลล์ดัดแปลงและเกิดการผสานรวมยีนแล้ว มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ ‘เฉลียวฉลาด’ ขึ้น ในการเผชิญหน้าครั้งก่อนนกฮัมมิ่งเบิร์ดเหล่านี้ได้ตัดสินแล้วว่าพวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน ดังนั้นตอนนี้ฉันจึงปล่อยพวกมันไป และพวกมันก็ไม่จู่โจมอีกต่อไป นี่แค่สิ่งที่ฉันพอจะอธิบายได้ ……. นกฮัมมิ่งเบิร์ดพวกนี้ฉลาดจริง ๆ!” ไป๋อี้มองดูนกฮัมมิ่งเบิร์ดที่บินจากไปพร้อมกับสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย
สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เฉลียวฉลาด แต่ไม่รู้ว่าพวกมันฉลาดถึงระดับไหนแล้ว
“ไปกันเถอะ ออกไปหาสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อไป” ไป๋อี้พูดขึ้นและพวกเขาก็ออกเดินทางต่อ
1.มดตัวใหญ่ยาวสามเซนติเมตร 2.ตะขาบขนาด 20 ซม. 3.แมงมุมที่มีลวดลายขนาดเท่าฝ่ามือ นี่คือสิ่งมีชีวิตที่มีประโยชน์ซึ่งในที่สุดไป๋อี้ก็หาจนพบ ส่วนตัวอื่น ๆ ก็มีแต่ตัวที่ไร้ประโยชน์หรือบ้างก็กลายเป็นเหยื่อของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ไปแล้ว ในช่วงเวลาหิวโหยตะกละตะกลามเช่นนี้คาดว่าสัตว์มากกว่าครึ่งหนึ่งจะถูกกินเป็นอาหารอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ประหลาดใจก็คือพวกเขาพบสวนพฤกษศาสตร์ขนาดเล็ก และถึงแม้ว่ามันจะมีขนาดเล็ก แต่พืชหลายชนิดในนั้นก็สามารถกินได้
ในความเป็นจริงหลังจากที่เซลล์ดัดแปลงแพร่กระจายออกไป ไป๋อี้และทุกคนก็ไม่ได้หิวจริง ๆ จัง ๆ ขนาดนั้นเพราะพวกเขามีอาหารที่เพียงพอมาโดยตลอด แต่ความเป็นจริงพวกเขาก็ไม่ได้กินผักมานานแล้ว
“นี่คือต้นทูนจีน มันสามารถกินได้ ไม่เพียงแต่หน่ออ่อนของมันที่กินได้” ไป๋อี้ชี้ไปที่ต้นไม้เล็ก ๆ สูงกว่าสามเมตรบริเวณริมขอบนอก
“ใบของมันก็กินได้เหรอ?” วูล์ฟค่อนข้างประหลาดใจ
“แน่นอน!” ไป๋อี้ยืนยันและเดินเข้าไปข้างในต่อ
“นี่คือลิลลี่เฮิร์บแคระ เนื้อบริเวณหัวของลำต้นสามารถกินได้ แต่โดยปกติจะใช้เป็นยาสมุนไพร” ไป๋อี้ชี้ไปที่ต้นไม้เล็ก ๆ บนพื้นดิน แม้ว่านี่จะเป็นสวนพฤกษศาสตร์ขนาดเล็ก แต่ก็มีพืชที่สามารถใช้เป็นอาหารได้ แม้ว่าพืชหลายชนิดจะกินได้ แต่ปริมาณที่สามารถนำมากินได้จริง ๆ ก็น้อยมากเช่นเดียวกับยอดอ่อนเหล่านี้ นอกจากเพื่อลิ้มรสชาติที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย มันก็ไม่สามารถใช้เพื่อประทังความหิวได้
“นี่ไม่เลวเลย มันหวาน วูล์ฟมาช่วยฉันขุดหน่อย!” มันหวานมีแป้ง มันประทั้งความหิวได้ แน่นอนว่ามันดีกว่าใบอ่อนพวกนี้เป็นไหน ๆ ไป๋อี้พูดกับวูล์ฟ แต่ก็พบว่าวูล์ฟเดินเข้าไปข้างในแล้ว ไป๋อี้ไม่มีทางเลือกเขาจึงต้องขุดเอง โชคดีที่เฮลัวส์ไม่ได้เดินหายไปอย่างวูล์ฟ เธออยู่ข้างหลังไป๋อี้จึงรีบเข้ามาช่วยทันที ตอนนี้ก็มีอาหารเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหนึ่งแล้ว
“ไป๋อี้ สิ่งนี้สามารถกินได้ไหม” วูล์ฟวิ่งกลับมาพร้อมกับถือถั่วขนาดใหญ่สองเม็ด
“ถั่ว ใคร ๆ ก็รู้ว่ามันสามารถกินได้!” ไป๋อี้ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“งั้นฉันจะไปเอามาอีก” วูล์ฟพูดและวิ่งกลับไป เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของวูล์ฟ ไป๋อี้ก็ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ไป๋อี้อยู่ห่างออกไปและไม่ได้สังเกตว่าเถาวัลย์ของถั่วเติบโตจนมีขนาดใหญ่มากอย่างน่าแปลกใจ เถาวัลย์เกี่ยวพันกันไปมาเหมือนงู วูล์ฟกินเนื้อสัตว์มาสองวันแล้วและปากของเขารู้สึกเบื่อหน่ายรสชาติเนื้อเต็มทน หลังจากที่เขาเห็นถั่วเขาก็เริ่มเดินเข้าไปในเถาวัลย์ขนาดใหญ่นั้นทันที
วูล์ฟไม่สังเกตเห็นอะไรเลย หลังจากที่เขาเดินผ่านเข้าไปเถาวัลย์ถั่วก็ค่อย ๆ หุบลงและล้อมรอบห่อหุ้มตัวเขาไว้
พวกไป๋อี้ขุดมันหวานขึ้นมาอย่างระมัดระวัง พวกเขาขุดตรงเหง้าของมันโดยตรง ทันใดนั้นก็มีคนได้ยินเสียงวูล์ฟตะโกนขอความช่วยเหลือ …… พวกเขาสามคนมองไปในทิศทางที่วูล์ฟผ่านเข้าไป จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปทันที
จากระยะไกล พวกเขาทั้งสามคนก็พบว่าวูล์ฟถูกพันด้วยเถาวัลย์ถั่วสองสามอันและถูกดึงเข้าไปตรงกลาง มือและเท้าของวูล์ฟถูกมัด เขาไม่สามารถแม้แต่จะดึงง้าวของเขาออกมาได้ เมื่อทั้งสามคนรวมทั้งไป๋อี้เห็นเข้า พวกเข้าก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นวูล์ฟก็รีบเตือนให้ไป๋อี้ระวังตัว
ยังจะพูดอีก จริง ๆ เลย เจ้าคนโง่!
พวกไป๋อี้ทั้งสามคนชักมีดออกมาทันทีและฟันเถาวัลย์ถั่วที่หนาและใหญ่ออก เถาวัลย์เหล่านี้ใหญ่และหนา บางส่วนมีแขนเล็ก ๆ และมีเสี้ยนเล็ก ๆ ติดอยู่ซึ่งมันมีความเหนียวมาก โชคดีที่ดาบของไป๋อี้ที่ได้มาจากปู่ฮาร์วีย์ยังคงคมอยู่ พวกเขาตัดเถาวัลย์จำนวนมากออกอย่างรวดเร็ว หลังจากเถาวัลย์เหล่านั้นตกลงบนพื้นแล้วพวกมันก็ค่อย ๆ บิดไปมาราวกับว่ามันมีชีวิต
ใช้เวลาไม่นาน วูล์ฟก็ถูกช่วยชีวิตเอาไว้ได้ ทันใดนั้นเขาก็ชักง้าวขึ้นมาระบายความโกรธอย่างเต็มที่
“เดี๋ยวก่อน ฉันจะช่วยดูให้!” เมย์ริสรีบห้ามไม่ให้วูล์ฟขยับตัวมาก
“เป็นไงล่ะ ฉันไม่เป็นอะไร ก็แค่โดนหนามแทงไม่กี่ครั้งเอง”
“การแทงเพียงไม่กี่ครั้งก็เพียงพอที่จะคร่าชีวิตคุณได้ ถ้าหากคุณไม่อยากถูกสารละลายของมันกัดกร่อนจากภายในร่างกายของคุณน่ะนะ” เมย์ริสพูดด้วยความโกรธ น้ำสียงที่ขุ่นเคืองของเธอ ทำให้วูล์ฟตกใจ ไม่จริงน่า นี่มันถึงตายได้เลยเหรอ?
“ถ้าเดาไม่ผิด เถาวัลย์ถั่วนี้ได้กลายพันธุ์เป็นพืชกินเนื้อไปแล้ว เสี้ยนรอบเถาวัลย์เหล่านั้นน่าจะมีสารพิษที่ละลายในเลือดซึ่งสามารถละลายเหยื่อจากร่างกายภายในและดูดซึมสารอาหารได้” ไป๋อี้มองไปที่เมย์ริส ซึ่งมีท่าทีกระวนกระวายอยู่ไม่น้อย เธอสามารถอนุมานสถานการณ์โดยอาศัยกระบวนการของพืชที่กินเนื้อเป็นอาหารทั่วไปได้
“ก็เป็นแบบนี้แหละ!” เมย์ริสพยักหน้า
“ไม่นะ ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย หมอเมย์ริส” วูล์ฟดูน่าสงสารขึ้นมาทันที
“อย่าตื่นตูม สารพิษนี้ไม่ได้รุนแรงอะไรเลย นิวซีแลนด์เพิ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงมานานกว่าสิบวัน แต่ต่อไปถ้าคุณยังกล้าที่จะประมาทเลินเล่อแบบนี้อีก ฉันอาจจะช่วยคุณไม่ได้” เมย์ริสกล่าว จากนั้นก็ฉีดยาให้วูล์ฟไปหนึ่งเข็ม ไป๋อี้มองไปที่ชุดปฐมพยาบาลซึ่งมียาอยู่ในนั้นน้อยมาก
ไป๋อี้หยิบถั่วขึ้นมาหนึ่งเม็ด ซึ่งมีขนาดอิ่มเอิบเป็นพิเศษ มันมีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ เขาลองเคี้ยวมันช้า ๆ ในปาก
“ไป๋อี้ นายบอกว่ามันมีพิษไม่ใช่เหรอ” ทันใดนั้นวูล์ฟก็ถามขึ้นมาด้วยสีหน้าประหลาดใจสุด ๆ
“เงียบน่า นายนี่บื้อจริง ๆ เรื่องอาหารการกินฉันเข้าใจดีกว่านายเสียอีก” ไป๋อี้ไม่รู้จะยิ้มหรือร้องไห้ดีกับท่าทีของวูล์ฟ
“บางทีมันอาจจะกลายพันธุ์เป็นพืชที่กินเนื้อ ถั่วเหล่านี้มีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าถั่วทั่วไปและเป็นวัตถุดิบที่ดี” สุดท้ายไป๋อี้ก็กินถั่วดิบเข้าไป จากนั้นก็อธิบายให้เขาฟัง
“เอาล่ะ นายไม่ต้องระบายอะไรอีกแล้ว มาเถอะ เก็บถั่วพวกนี้มาเยอะ ๆ หน่อย รวมทั้งมันหวาน แล้วก็ต้นทูนจีนด้วย เราสามารถนำมันกลับไปทำอาหารได้หลายชนิดทีเดียว” ไป๋อี้กล่าวกับวูล์ฟ
“ให้ฉันจัดการมันเถอะ” วูล์ฟพยักหน้า เมื่อเมย์ริสระบุว่าร่างกายของวูล์ฟไม่ได้มีปัญหาร้ายแรงนัก วูล์ฟก็คว้าง้าวขึ้นมาทันทีจากนั้นก็เริ่มบ้าคลั่ง เถาวัลย์ที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ฟันอย่างเหนื่อยยากในตอนแรกถูกตัดขาดออกจากกันด้วยง้าวและพละกำลังอันทรงพลังของวูล์ฟ
ภายในเถาวัลย์ถั่ววูล์ฟเห็นกระดูกสัตว์จำนวนมากที่ยังย่อยสลายไม่หมด นั่นจึงทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอีกครั้ง
เถาวัลย์ถั่วนี้มีขนาดใหญ่มาก ไป๋อี้และคนอื่น ๆ เก็บถั่วได้ประมาณครึ่งหนึ่ง เดิมทีวูล์ฟคิดที่จะฆ่าเถาวัลย์ถั่วนี่เสีย แต่ไป๋อี้ได้ห้ามเอาไว้
“นายไม่จำเป็นต้องถอนรากถอนโคนมันหรอก โดยทั่วไปแล้วเถาวัลย์ถั่วเป็นอาหารที่ดี ตอนนี้สิ่งมีชีวิตทุกชนิดในนิวซีแลนด์เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความหิวโหยตะกละตะกลาม หากเนื้อสัตว์มีไม่เพียงพอ แน่นอนว่าพืชที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วเหล่านี้จำเป็นต่อการหล่อเลี้ยงทั้งนิวซีแลนด์และห่วงโซ่ทางชีววิทยาต่อไป ปล่อยให้มันอยู่ที่นี่แหละ ถ้ามีใครมาที่นี่ภายหลังพวกเราก็จะทำให้พวกเขาสามารถหาอาหารได้เช่นกัน” ไป๋อี้อธิบาย
“ถ้านายบอกให้ปล่อยมันไปฉันก็จะปล่อยมันไป แต่ฉันคิดว่าคนที่มาที่นี่กว่า 80 เปอร์เซ็นต์น่าจะถูกเถาวัลย์พวกนี้กินซะมากกว่า” วูล์ฟบ่นพึมพำออกมา
“นายหมายถึงตัวเองน่ะเหรอ!” เฮลัวส์เผยยิ้มออกมา
“ฉันก็แค่ไม่ทันได้ระวัง แค่ไม่ระวังเท่านั้น!” วูล์ฟโต้กลับอย่างไม่มั่นใจนัก ทันใดนั้นทุกคนก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มมองหาภาชนะที่จะนำส่วนผสมเหล่านี้กลับไป ในช่วงเวลาดังกล่าวฝูงนกฮัมมิ่งเบิร์ดก็บินมาอีกครั้ง แต่คราวนี้พวกมันบินไปรอบ ๆ ไป๋อี้และคนอื่น ๆ เพียงเท่านั้น จากนั้นก็หันหลังกลับและบินจากไป
……
เมื่อถึงเวลาเย็นไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็กลับไปที่อาคารการเรียนการสอน เมื่อเห็นการกลับมาของไป๋อี้ โม่โม่และชาร์ไป่ก็วิ่งออกไปอย่างตื่นเต้นทันที
หงฉี่ฮว๋าและคนที่เหลือต่างก็มาช่วยกันรับส่วนผสมที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ หามาได้ ทุกคนประหลาดใจกับวัตถุดิบอาหารที่เก็บมาได้ในครั้งนี้ ถั่วและมันเทศขนาดใหญ่ขนาดนี้เพียงพอที่จะกินได้ถึงสองมื้อแม้จะอยู่ในช่วงที่หิวโหยก็ตาม
“พืชต่าง ๆ ก็มีการวิวัฒนาการเช่นกัน เถาวัลย์ถั่วเหล่านี้ก็เกิดการกลายพันธุ์เป็นพืชกินเนื้อ ในภายภาคหน้าทุกคนต้องระวังให้มากขึ้น นิวซีแลนด์จะทวีความอันตรายมากขึ้นไปอีกในอนาคต” ไป๋อี้กล่าวเตือนทุกคน
นี่เป็นเพียงการเตือนอย่างเรียบง่าย เพราะจนถึงตอนนี้ทุกคนต่างมีสติที่ตื่นตัวมากพอ การเตือนซ้ำ ๆ จะดูเป็นการจู้จี้จุกจิกมากเกินไป
ในช่วงที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ แยกจากไป หงฉี่ฮว๋าและคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย พวกเขาพบโรงอาหารของโรงเรียนแห่งนี้ สถานที่แห่งนั้นทั้งรกระเกะระกะและไม่มีส่วนผสมวัตถุดิบอะไรเหลืออยู่เลย อย่างไรก็ตามยังมีเครื่องมือในการปรุงอาหารให้ใช้ นอกจากนี้ยังมีการจัดเก็บก๊าซหุงต้มอยู่ด้วยซึ่งจัดว่าสะดวกสบายทีเดียว
ทุกคนขับรถวนไปอีกที่หนึ่ง ทางด้านซ้ายของโรงเรียน บริเวณข้างโรงอาหาร
ไป๋อี้ เฮลัวส์ และซาร่า พวกเขาสามคนเริ่มปรุงอาหารด้วยวัตถุดิบง่าย ๆ เหล่านี้ ในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังพักผ่อนเก็บแรงกันอยู่ วูล์ฟยังคงโอ้อวดอวดความสำเร็จของเขาให้คนอื่นเห็น อย่างเช่นการต่อสู้กับนกฮัมมิ่งเบิร์ดที่ชั่วร้ายและการฆ่าเถาวัลย์ถั่วที่ร้ายกาจ
หนูน้อยเวอร์เนอร์และโม่โม่อุทานด้วยความประหลาดใจเสริมเป็นครั้งคราว นั่นทำให้วูล์ฟรู้สึกกระหยิ่มใจเข้าไปอีก
คนอื่น ๆไ ด้แต่ดูวูล์ฟโอ้อวดความสามารถของตนโดยไม่ได้โต้แย้งใด ๆ การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทั่วทั้งนิวซีแลนด์ ทำให้ความกดดันถูกสะสมมาเรื่อย ๆ ถ้าหากไม่มีวิธีระบายออกมาบ้าง ความรู้สึกกดดันก็จะทะลักออกมาในไม่ช้า โชคดีที่ทุกคนมีเพื่อนร่วมทีมที่เป็นคนดี ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไรพวกเขาก็จะสามารถยืดหยัดอยู่รอดได้อย่างแน่นอน
พวกเขาจะอยู่รอดได้อย่างแน่นอน!
“อาหารมาแล้ว!” ไป๋อี้ตะโกนเรียกกลุ่มคนอีกด้าน
“ค่ะ!” โม่โม่และชาร์ไป่ตอบกลับเป็นคนแรก ตอนที่อยู่ในบ้าน พวกเขาทั้งสองเป็นจอมกินจุ โม่โม่และชาร์ไป่รีบพุ่งไปทันที โดยมีคนอื่น ๆ หัวเราะคิกคักอยู่ข้างหลัง
แสงไฟสาดส่องจากการเปิดไฟด้วยระบบจ่ายไฟอิสระของโรงเรียนมัธยมโอโทโรฮังกา กลิ่นอาหารคละคลุ้งไปทั่วในโรงอาหาร แม้ว่าจะมีเงื่อนไขในการทำอาหารทำให้เขาต้องทำอาหารอย่างเรียบง่าย แต่ไป๋อี้ก็เป็นถึงเชฟและเขาก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ทุกคนได้กินอาหารอร่อย ๆ ซึ่งนี่เป็นความรับผิดชอบของเชฟ
กลุ่มคนในทีมร่วมกันชิมอาหารและพูดคุยสนทนากับคนอื่น ๆ ด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
คนที่จะได้นั่งลิ้มรสอาหารอย่างสุขสำราญใจร่วมกันเช่นนี้มีเพียงเพื่อนแท้เท่านั้น!
————————
