meenovel - นิยาย pdf นิยายออนไลน์ หมีโนเวล นิยายจีนแปลไทย novel นิยายวาย
  • HOME
  • ติดต่อโฆษณา
  • นิยาย pdf ล่าสุด
  • อ่านนิยายจีนแปลไทย
  • อ่านนิยายฟรี
  • นิยายจบแล้ว
  • อ่าน the king of war
  • อ่าน Amazing Son in Law
Advanced
  • HOME
  • ติดต่อโฆษณา
  • นิยาย pdf ล่าสุด
  • อ่านนิยายจีนแปลไทย
  • อ่านนิยายฟรี
  • นิยายจบแล้ว
  • อ่าน the king of war
  • อ่าน Amazing Son in Law
Prev
Next

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท - ตอนที่ 39

  1. Home
  2. เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท
  3. ตอนที่ 39
Prev
Next

หรือว่า….

บนโลกใบนี้ ของพวกนั้นยังไม่ถูกค้นพบ? ซูหวานหว่านขมวดคิ้ว ก่อนขอเข้าไปสำรวจเครื่องปรุงในครัวเพื่อจะเขียนสูตรอาหารให้เขาใหม่

โดยรวมแล้วขั้นตอนทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ซูหวานหว่านขายเห็ดหูหนูและเห็ดหอมที่นำติดตัวมาให้ร้านอาหารเจวียเซ่อได้ไปถึง 200 เหรียญ

เด็กสาวเดินออกจากร้านอย่างมีความสุขพร้อมถุงเงินที่หนักอึ้งไปด้วยเงิน ซูจิ่นเฉียงที่ยืนรอนอกร้านเพื่อหลีกหนีความวุ่นวาย ครั้นรู้ว่าซูหวานหว่านขายเห็ดป่าได้ถึง 200 เหรียญก็ตกใจและดีใจจนร้องออกมาเสียงดัง เขารีบชวนซูหวานหว่านกลับบ้านเพื่อไปเก็บเห็ดเพิ่มทันที

“ท่านพี่! ท่านจะรีบไปไหนเล่า?” ซูหวานหว่านยิ้มและดึงตัวซูจิ่นเฉียงไว้ไม่ให้เดินกลับไปขึ้นเกวียน ก่อนจะลากซูจิ่นเฉียงให้เดินตามนางไป

ซูหวานหว่านพาซูจิ่นเฉียงมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านตำราเพื่อพาเขามาซื้อของที่จำเป็นต้องใช้ เช่น ตำรา กระดาษ พู่กัน หรือสิ่งจำเป็นอื่น ๆ สำหรับการเล่าเรียน เมื่อเสร็จธุระที่ร้านตำราแล้วทั้งคู่ก็พากันไปซื้ออาหารเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนจะออกเดินทางกลับบ้าน

ระหว่างทางนางเจอกับฉีเฉิงเฟิงที่ตั้งแผงขายรูปวาดและรับจ้างเขียนจดหมายอยู่ในตรอกเล็ก ๆ

หญิงสาวในชุดผ้าไหมสีชมพูยืนบิดตัวไปมาอยู่หน้าแผงขายของของเขา ข้างกายมีสาวใช้ที่เตี้ยกว่านางเล็กน้อยยืนอยู่ด้วย

“ท่านมาจากที่ใด ปีนี้อายุเท่าไร เป็นลูกคนเดียวหรือมีพี่น้อง?”

“…”

ฉีเฉิงเฟิงได้แต่ขมวดคิ้ว ทว่าไม่ได้ตอบคำถามผู้หญิงคนนั้นแต่อย่างใด

สาวรับใช้ที่ติดตามสตรีนางนั้นไม่พอใจกับท่าทีของชายหนุ่มที่เมินเฉยและไม่ได้ตอบผู้เป็นนายของตน หญิงสาวจึงโวยวายขึ้นอย่างไม่พอใจ “นี่เจ้าคนต่ำต้อยน่ารังเกียจ! คุณหนูของข้ากำลังถามเจ้าอยู่ เหตุใดเจ้าถึงไม่ตอบ ตอนนี้ตระกูลของเรากำลังมองหาชายหนุ่มที่เหมาะสมมาเป็นลูกเขยอยู่ หากเจ้าไม่ทำตัวดี ๆ เกรงว่าคุณหนูของเราจะไม่สนใจในตัวเจ้าเอานะ”

หญิงสองคนนี้ต้องการอะไรจากเขากัน?

ชายหนุ่มเงยหน้ามองท้องฟ้า เมื่อพบว่านี่ก็จวนจะเย็นแล้ว เป็นเวลาที่จะต้องเก็บแผงและปิดร้าน เขาจึงเริ่มลงมือเก็บข้าวของโดยที่ไม่สนใจหญิงสาวสองคนตรงหน้าเหมือนเดิม

สาวใช้คนนั้นไม่พอใจมากที่ชายหนุ่มที่ยังคงเมินเฉยไม่สนใจจึงหยิบพู่กันบนแผงมาปาลงพื้น ตะโกนโวยวายเสียงดังขึ้นอีกครั้ง

“นี่เจ้าเป็นคนอย่างไรกัน!”

ฉีเฉิงเฟิงยังนิ่งเฉยก้มไปเก็บพู่กัน ทว่าสาวใช้ผู้นั้นชิงเก็บพู่กันขึ้นมาก่อน นางกำลังจะปาพู่กันลงพื้นอีกครั้ง ทว่าจู่ ๆ ก็มีหินจากที่ใดไม่ทราบลอยกระแทกเข้าที่มือของนางพอดิบพอดี

“โอ๊ย! เจ็บนะ ใครเป็นคนทำกัน!”

ซูหวานหว่านยิ้มออกมาก่อนกล่าวว่า “ข้าเอง ขอโทษด้วย พอดีกำลังเล่นอะไรบางอย่างกับหินนั่นแล้วเผอิญทำมันหลุดมือ”

“โกหก! เห็นชัด ๆ ว่าเจ้าตั้งใจ!!” นายหญิงของสาวใช้ผู้นั้นออกตัวตอบโต้แทนสาวใช้ของตน

“การกระทำของข้ามันชัดเจนเช่นนั้นเลยหรือ?” ซูหวานหว่านยิ้มบาง ๆ และหันไปบอกพี่ชายของตนให้เข้าไปช่วยฉีเฉิงเฟิงเก็บแผงร้าน

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร!” หญิงสาวผู้เป็นนายกล่าวอย่างฉุนเฉียว

“ข้าไม่รู้” ซูหวานหว่านส่ายหัวตอบ

“พ่อของข้าเป็นผู้ดูแลร้านอาหารเจวียเซ่อที่สวยงามและดีเลิศที่สุดในเมือง! ไม่ต้องบอกก็คงจะรู้ใช่หรือไม่ว่าพวกเรามีเงินมากมายขนาดไหน เจ้ากล้าดียังไงมายั่วโมโหข้า!”

“หึ” ซูหวานหว่านพยายามกลั้นขำ เหตุใดโลกมันถึงแคบเช่นนี้ นางไม่แปลกใจเลยที่หญิงสาวตรงหน้าจะทำตัวหยิ่งผยองและไร้สมองแบบนี้! เพราะเป็นลูกสาวของคนแบบนั้นนี่เอง!

สุดท้ายซูหวานหว่านหลุดขำออกมาจนได้ หญิงสาวคนนี้คงยังไม่รู้ล่ะสิว่าพ่อของนางถูกปลดจากการเป็นผู้ดูแลร้านและโดนไล่ออกแล้ว

ซูจิ่นเฉียงที่ยืนดูห่าง ๆ เห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งมาห้ามน้องสาวของตน “หวานหว่านรีบกลับบ้านเถอะ มันคงไม่ดีแน่หากไปมีเรื่องกับนางเข้า”

เมื่อหญิงสาวในชุดชมพูได้ยินที่ซูจิ่นเฉียงพูด นางก็หัวเราะขึ้นแล้วพูดด้วยท่าทางอวดดีกลับไป “หากรู้แล้วก็ดี!”

แต่นั่นไม่ได้ทำให้ซูหวานหว่านเกรงกลัวผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย

ซูหวานหว่านยกยิ้มอย่างท้าทาย พลันใดชายวัยกลางที่คนแต่งกายในชุดผ้าไหมสีดำเดินตรงเข้ามาและตบเข้าที่ใบหน้าของหญิงสาวอย่างแรง

“เจ้า…นังลูกไม่รักดี ขอโทษแม่นางซูเดี๋ยวนี้!”

หญิงสาวที่ถูกตบเซจนเกือบล้มหันกลับมาจ้องเขม็งไปชายวัยกลางคนแล้วพูดว่า ”ท่านพ่อ! ท่านตบหน้าข้าทำไมกัน?”

ชายที่เดินเข้ามาไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคืออดีตผู้ดูแลร้านอาหารเจวียเซ่อที่ถูกไล่ออกเพราะซูหวานหว่านนั่นเอง

สีหน้าของเขายังคงไม่สู้ดีนัก ชายวัยกลางคนกล่าวเสียงเข้ม “หลี่เหลียนเอ๋อร์! ขอโทษแม่นางซูเดี๋ยวนี้!”

หลี่เหลียนเอ๋อร์หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความขับข้องใจ “ท่านพ่อ! เห็นชัด ๆ ว่านางเป็นคนรังแกข้าก่อน เหตุใดข้าต้องขอโทษนางด้วย!”

สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ พูดสนับสนุนขึ้นมา “นายท่าน! ท่านไม่รู้หรอกว่านังผู้หญิงคนนี้มันบ้ามากเพียงใด คุณหนูกำลังเลือกสามีตามที่ท่านบอกอยู่ ทว่าใครจะไปรู้ล่ะว่าอยู่ ๆ นังผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้จะสร้างปัญหาให้กับคุณหนูของข้า! อีกทั้งนางยังปาหินใส่ข้าอีกด้วย ช่างร้ายกาจเสียเหลือเกิน ท่านดูสิ!”

เพี๊ยะ! อดีตผู้ดูแลร้านตบไปที่หน้าของสาวใช้ “หุบปากไปเลย! เจ้าไม่มีสิทธิ์พูด!”

ทั้งสาวใช้และคุณหนูหลี่เหลียนเอ๋อร์ต่างก็เงียบปากลงทันที เพราะกลัวว่าจะโดนตบเข้าอีกรอบ

ซูหวานหว่านที่ช่วยฉีเฉิงเฟิงเก็บของเสร็จเรียบร้อยและกำลังจะออกจากตรงนั้น ทว่าก็ถูกอดีตผู้ดูแลร้านเรียกไว้ก่อน “แม่นางซู …ข้าผิดไปแล้ว ข้า… คือ… ท่านได้โปรด ขอร้องกับคุณชายให้ข้าได้หรือไม่ ให้ข้าได้กลับไปเป็นผู้ดูแลร้านอีกครั้ง ได้โปรดเถอะท่าน…”

ตำแหน่งผู้ดูแลร้านที่เขาทำก็เป็นเพียงชื่อตำแหน่งเท่านั้น เขาบกพร่องในหน้าที่ของตัวเอง ไม่ได้ทำหน้าของตัวเองให้ดีแต่ได้ค่าตอบแทนที่ดี เช่นนี้เขาควรจะกลับไปทำหน้าที่ผู้ดูแลร้านอีกเหรอ?

อย่างน้อยเขาก็รู้ล่ะนะว่านางแซ่ซู

ซูหวานหว่านส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ขออภัยด้วย ข้าว่าท่านต้องไปคุยกับคุณชายของท่านเอง”

หลี่เหลี่ยนเอ๋อร์ที่ได้ยินสิ่งที่ซูหวานหว่านพูดก็ตกตะลึงพร้อมน้ำตาไหลอาบแก้ม นางเข้าไปหาผู้เป็นพ่อแล้วเค้นถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “อะไรนะ? ท่านพ่อ! ท่านพ่อไม่ใช่ผู้ดูแลร้านอีกต่อไปแล้วงั้นหรือ… หากเป็นเช่นนั้นแล้วพวกเราจะทำอย่างไรต่อ…”

อดีตผู้ดูแลร้านเมินเฉยต่อคำถามของลูกสาวถึงแม้ว่าจะรู้สึกสงสารลูกสาวของเขาเพียงใด แต่ที่ทำได้ตอนนี้คือต้องเอาใจซูหวานหว่านเท่านั้น

ทว่าใครจะไปคิดว่าซูหวานหว่านจะไม่สนใจกับการกระทำของเขา!

อดีตผู้ดูแลร้านยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะคุกเข่าลงตรงหน้าเด็กสาว

“แม่นางซู ! ได้โปรด… ข้าเสียงานนี้ไปไม่ได้จริง ๆ”

ซูหวานหว่านมองอดีตผู้ดูแลร้าน ที่ตอนนี้ทำตัวถ่อมตนและนอบน้อมผิด ต่างจากท่าทีหยิ่งยโสในคราแรกราวฟ้ากับเหว

“ข้าต้องขออภัยด้วย ข้าช่วยท่านไม่ได้จริง ๆ ท่านหาเรื่องใส่ตัวเอง ถ้าไม่มีเหตุ ผลก็จะไม่เกิด*[1] ทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะท่านทำตนเองทั้งนั้น หากว่าท่านไม่ทำตัวหยิ่งผยองพองขนเช่นนั้น ตัวท่านเองตอนนี้คงยังไม่เสียงานเสียอาชีพเช่นนี้”

เมื่อพูดจบ ซูหวานหว่านก็หันหลังเดินออกจากที่นี่ไปพร้อมกับซูจิ่นเฉียงและฉีเฉิงเฟิงทันที นางไม่ได้สนใจอดีตผู้ดูแลร้านที่เดินอ้อนวอนตามหลังนางเลยแม้แต่น้อย

ฉีเฉิงเฟิงที่รำคาญชายกลางคนที่ตามวอแวซูหวานหว่านไม่เลิกก็หมดความอดทนจึงหันไปบอกกับเขาว่า “เรากลับกันเองได้ ท่านไม่ต้องตามไปส่งหรอก”

คำพูดเช่นนั้นมันหมายความว่าอะไรกัน!?

คนพวกนี้คิดว่าตัวเองอยู่ที่ใด?

ทำไมถึงพูดราวกับว่าเขาเป็นเด็กส่งแขกเช่นนี้!?

อดีตผู้ดูแลร้านโกรธจัดจนแทบจะกระอักเลือด เขารู้สึกเหมือนโดนตบหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันเจ็บปวดจนแทบอยากจะล้มลงไปนอนกับพื้น เขาอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี แม้ภายในใจของเขาจะรู้สึกโกรธมากเพียงใดแต่เขากลับยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ได้เดินตามซูหวานหว่านไป

ซูหวานหว่านพร้อมทั้งพี่ชายของนางกับฉีเฉิงเฟิงเดินมาถึงเกวียนวัวและขึ้นไปนั่งก่อนที่คนอื่นจะมาถึง ซึ่งหลี่ฉือโทวก็กำลังนั่งว่าง ๆ อยู่ ทั้งสามจึงนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยอยู่นานสองนาน

ซูจิ่นเฉียงอดไม่ได้ที่จะเล่าถึงเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฉีเฉิงเฟิงฟัง ทว่าเขายังไม่ได้บอกออกไปว่าขายสิ่งใดไป

ฉีเฉิงเฟิงฟังซูจิ่นเฉียงเล่าก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

นางขายสิ่งใดกันถึงได้เงินมา 100 เหรียญต่อ 1 ชั่ง เรื่องที่เด็กสาวทำช่างเป็นเรื่องที่ทำให้คนตกใจยิ่ง!

เมื่อนึกถึงหยกคู่ที่เขาออกแบบไว้ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ชายหนุ่มอยากรู้เหลือเกินว่าถ้าหากจี้นั่นเสร็จแล้วนางจะได้เงินเท่าไรจากการขายมัน!

ซูหวานหว่านเพิ่งพบว่าฉีเฉิงเฟิงมีเครื่องไม้เครื่องมือมากมายที่นางไม่รู้จัก ซึ่งดูเหมือนว่าพวกมันจะเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นในการแกะสลัก เด็กสาวคิดอะไรบางอย่างได้จึงเข้าไปกระซิบข้างหูเขาด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าปกติ เพราะตั้งใจให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคนเท่านั้น “เจ้าจะแกะสลักหยกเหรอ?”

“ข้าเกรงว่าหากข้าไม่ทำ เจ้าคงจะทำวัสดุที่มีเสียเปล่าน่ะสิ” ฉีเฉิงเฟิงพูดเบา ๆ

เขากำลังจะบอกว่านางไม่มีฝีมืออย่างนั้นเหรอ!

หญิงสาวตัดสินใจยังไม่โวยวายและยั่วโมโหเขาในตอนนี้ ทว่ากลับรู้สึกว่าควรจะพิสูจน์ให้เขาเห็นกับตาเลยดีกว่าว่านางสามารถทำได้จริง ๆ!

เมื่อมีคนขึ้นมานั่งบนเกวียนวัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดก็ถึงเวลาออกเดินทาง

กว่าพวกเขาจะเดินทางกลับถึงบ้าน ฟ้าก็มืดลงเสียแล้ว ซูจิ่นเฉียงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านด้วยพร้อมกับนำเงินที่ได้จากการนำเห็ดไปขายมาอวดคนในบ้าน ชายหนุ่มเล่าเหตุการณ์ที่เจอในวันนี้อย่างออกรส

เมื่อทุกคนได้รู้ถึงราคาของเห็ดที่ซูหวานหว่านนำไปขายก็ถึงกับตกตะลึง จนซูต้าเฉียงถึงกับเอ่ยปากชม

“ลูกสาวของข้านี่เก่งจริง ๆ! พรุ่งนี้ข้าจะไปบอกเจ้านายของข้าว่าข้าขอลาออก ข้าจะให้เขาหาคนมาแทน ข้าจะไปช่วยเจ้าเก็บเห็ดพวกนั้น ดีหรือไม่!”

“ข้าว่ามันก็ดีนะท่านพ่อ ทว่า…” ซูหวานหว่านยกยิ้มก่อนที่จะกล่าวต่อ “พรุ่งนี้คงจะเหนื่อยกันมากเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นแล้วพวกท่านหลับจนถึงตอนเที่ยงเลยเถอะ หลังจากนั้นตอนเย็น ๆ พวกเราถึงจะไปเก็บเห็ดกัน เมื่อไปถึงแล้วเราจะเก็บเห็ดกัน 1 ชั่วยามจากนั้นค่อยกลับ”

“ไม่ได้นะ” แม่เจิ้นแย้งขึ้นเสียงแข็ง

“กว่าลูกจะออกไปและกลับเข้ามามันก็ค่ำมืดแล้วน่ะสิ!!”

[1] ในภาษาจีนเขียนว่า 不作死就不会死 / No zuo no die แปลว่า ถ้าไม่หาเรื่องใส่ตัวก็จะไม่เจอสถานการณ์ยากลำบาก เป็นวลีที่โดยปกติจะใช้พูดตอนเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นไปแล้ว ให้ความรู้สึกเชิงสมน้ำหน้าประมาณว่า แกทำตัวเอง อะไรแบบนั้น

Prev
Next

Comments for chapter "ตอนที่ 39"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

YOU MAY ALSO LIKE

yh5egtr
หวนแค้นชะตารัก
27 ธันวาคม 2022
rj76j
หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler
26 ธันวาคม 2022
jyhhyt
Orc Eiyuu Monogatari
20 ธันวาคม 2022
regwfsd
รักข้ามรุ่น ก็ลุ้นว่าใช่ (จบ)
30 พฤศจิกายน 2022
ads

    © 2017 Madara Inc. All rights reserved