meenovel - นิยาย pdf นิยายออนไลน์ หมีโนเวล นิยายจีนแปลไทย novel นิยายวาย
  • HOME
  • ติดต่อโฆษณา
  • นิยาย pdf ล่าสุด
  • อ่านนิยายจีนแปลไทย
  • อ่านนิยายฟรี
  • นิยายจบแล้ว
  • อ่าน the king of war
  • อ่าน Amazing Son in Law
Advanced
  • HOME
  • ติดต่อโฆษณา
  • นิยาย pdf ล่าสุด
  • อ่านนิยายจีนแปลไทย
  • อ่านนิยายฟรี
  • นิยายจบแล้ว
  • อ่าน the king of war
  • อ่าน Amazing Son in Law
Prev
Next

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1517

  1. Home
  2. Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
  3. ตอนที่ 1517
Prev
Next

ณ เมืองก่วงฮั่น

หลังจากลงจากกระสวยอวกาศ หลี่กวงหยาก็ไปโรงแรมที่เขาเข้าพัก จากนั้นก็โทรหาเพื่อนร่วมงานของเขาที่อยู่บนดาวโลก

ทันทีที่โทรติด เสียงเร่งรีบก็ดังมาจากปลายสาย

“นี่คุณวางแผนจะสร้างเมืองที่อยู่ถัดจากเมืองก่วงฮั่นจริงๆ เหรอ?”

หลี่กวงหยามองเลขาฯอู๋ในหน้าวิดีโอ เขาพยักหน้ารับแล้วตอบว่า “ใช่”

อู๋ชูฮวาไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะยอมรับได้ง่ายขนาดนี้ เขาจึงตกตะลึงไปเล็กๆ แล้วเขาก็ขมวดคิ้ว

“แล้วปฏิกิริยาของฝั่งเมืองก่วงฮั่นเป็นอย่างไรบ้าง?”

“อารมณ์ของนายกเทศมนตรีก็นับว่ามั่นคงดี อย่างน้อยก็อยู่ในระดับที่ค่อนข้างมั่นคงน่ะนะ”

อู๋ชูฮวาถาม “คุณหมายความว่าอะไร?”

หลี่กวงหยายิ้มแล้วเอ่ยว่า “หมายความว่าคุณต้องทำงานให้หนักขึ้นอย่างไรล่ะ ถ้าพูดง่ายๆ แล้วก็คือ เทศมนตรีเหย่เป็นคนฉลาด เขารู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องดีกับเมืองก่วงฮั่นอยู่แล้ว แถมยังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่เขามีด้วย ชาวเมืองก่วงฮั่นก็ไม่ได้โกรธที่พวกผู้มีอำนาจไปร่วมมือกับอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้แล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่ชอบความร่วมมือของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้กับสหการพาน-เอเชียนอยู่”

อู๋ชูฮวาขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น “ทำไมผมรู้สึกว่าเรื่องมันจะแย่ลงล่ะ?”

“จะแก้ปัญหาของการเข้าใจผิดได้ก็ต้องแก้หลังจากที่มันบานปลายไปแล้ว” หลี่กวงหยายิ้มเล็กๆ แล้วพูดต่อ “ต่อจากนั้นเราก็แค่ต้องหาตัวละครที่ชาวดวงจันทร์กับพวกเรามองว่าเป็นศัตรูร่วมกัน พวกเขาจะได้ย้ายไปเกลียดคนคนนั้น ดาวโลกไม่มีศัตรูที่คนอื่นเกลียดร่วมกันอีกแล้ว พวกมนุษย์ต่างดาวก็ฟังดูเป็นนิยาย แถมยังอยู่ไกลออกไปเกินอีก โจรสลัดอวกาศในแถบดาวเคราะห์น้อยก็เลยกลายเป็นตัวเลือกที่ดี ยิ่งเพราะพวกมีองค์กรที่เกลียดชังมนุษย์ช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังด้วย”

อู๋ชูฮวาขมวดคิ้ว

“คุณหมายถึง…องค์กรนั้นน่ะเหรอ? นี่คุณเชื่อเรื่องพวกนั้นจริงๆ เหรอ?”

หลี่กวงหยาอธิบาย “ตราบใดที่พวกเราสามารถหาหลักฐานได้ว่าองค์กรนั้นมีอยู่จริง มันก็ไม่เป็นไรหรอก ถ้าหาหลักฐานไม่ได้ เราก็สร้างหลักฐานขึ้นมาเองเลย ไหนขอนับสิว่ามีคนเสียชีวิตไปกี่คนแล้ว…เอ่อ ผมนับไม่ได้แฮะ แต่อย่างน้อยก็มีสองคนแล้วที่ผมรู้จัก”

หลิวเจิ้งซิงกับซงหยางเหว่ยต่างก็เป็นผู้บริหารตำแหน่งสูงของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ ถึงหลี่กวงหยาจะไม่ได้สนิทกับพวกเขา แต่ในงานที่จัดขึ้นให้พวกระดับสูงมาร่วมงาน เขาก็เห็นคนสองคนนั้นบ่อยๆ

“บางทีการตัดสินใจเชิงรุกเรื่องแผนฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดก็ได้ ชาวดวงจันทร์ยังไม่พร้อมจะยอมรับเทคโนโลยีนี้ และพวกเราก็ไม่ได้รีบต้องการพลังงานจนต้องไปแยกฮีเลียม 3 เลย” ในแววตาของเขามีความกังวลเจืออยู่ อู๋ชูฮวาเว้นจังหวะไปเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “คุณคิดว่ามันคุ้มแล้วเหรอ?”

“ถ้าพวกเราไม่เตรียมตัวตั้งแต่วันนี้ พวกเราจะไม่มีวันพร้อมอีกเลย ส่วนที่ถามว่ามันคุ้มไหม เดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง” หลี่กวงหยายิ้มเล็กๆ แล้วบอกต่อ “อย่างไรก็ตามผมก็หวังมาตั้งนานแล้วให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเสียที สังคมบนดวงจันทร์ถูกแยกจากพวกเรามานานเกินไปแล้ว มันก็ไม่แปลกถ้าวัฒนธรรมจะไม่เหมือนกัน”

ยิ่งหลังจากยุครุ่งเรืองของการขุดดาวเคราะห์ในช่วงหลังปี 2040 บวกกับการที่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช้พนักงานมนุษย์และมีอัตราการปล่อยแก๊สขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศสูงและอุตสาหกรรมอื่นๆ ย้ายถิ่นฐานจากดาวโลกไปอยู่บนดาวอังคาร ทำให้สังคมบนโลกเปลี่ยนจากสังคมที่เน้นไปทางการผลิตเป็นสังคมที่เน้นไปทางผู้บริโภคแทน แร่หายากบนดวงจันทร์ไม่ได้อยู่ในจุดที่คนต้องการมากอีกต่อไป

สุดท้ายแล้วการขุดเหมืองในพื้นที่ที่มีแรงโน้มถ่วงต่ำก็สะดวกกว่า

บวกกับเรื่องที่ว่าการเดินทางไปกลับระหว่างดาวอังคารกับระบบโลก-ดวงจันทร์มันสะดวกน้อยกว่าการเดินทางไปกลับระหว่างดาวอังคารกับแถวดาวเคราะห์น้อยเป็นอย่างมาก แถมค่าแรงขั้นต่ำของดาวอังคารก็อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างต่ำ และผู้ใช้แรงงานยังได้ประโยชน์จากความปลอดภัย ทำให้อุตสาหกรรมเหมืองบนดวงจันทร์เข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างแทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ถ้าอย่างนั้นคุณคิดว่าคุณแค่ต้องการศัตรูที่ทุกคนมีร่วมกันสักคน ก็เลยส่งกองทัพชุดแรกไปที่แถบดาวเคราะห์น้อยเพื่อไปจัดการเรื่องนิดๆ หน่อย แก้ไขปัญหาช่องว่างระหว่างพวกเรากับดวงจันทร์อย่างเหรอ?”

“ก็ต้องไม่ใช่อยู่แล้วไหมล่ะ ผมไม่ได้ไร้เดียงสาเสียขนาดที่คิดว่าการจัดการเป้าหมายแค่อย่างเดียวจะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างได้หรอกนะ พวกเราต้องยอมรับว่าความแตกต่างทางวัฒนธรรมอันนี้ได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว และมันก็สะสมมาทุกๆ วันมาเป็นเวลาตลอด 50 ปี ถ้าจะแก้ปัญหามันให้หายไปเลยนั้น ผมเกรงว่ามันจะต้องใช้เวลานานกว่านี้ อาจจะสัก 100 หรือ 200 ปี”

“ไม่มีประโยชน์ที่จะไปเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว การได้รับบทเรียนจากมันต่างหาก ที่เป็นสิ่งล้ำค่าต่ออารยธรรมของเรา” หลี่กวงหยาเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ แล้วก็พูดต่อ “ถ้าช่องว่างมันขยายใหญ่ขึ้นเป็นสเกลระดับปีแสงแล้วล่ะก็ คุณคิดว่าพวกเราจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรดี? หรือพวกเราควรจะจัดการเรื่องความขัดแย้งระหว่างดาวแม่กับดาวอาณานิคมอย่างไรดี…ผมคิดว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องเปิดโลกทางความคิดที่ใหญ่ที่สุดที่เหตุการณ์นี้พาพวกเรามาถึงจุดที่ยืนกันอยู่ในปัจจุบัน”

อู๋ชูฮวาขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “นี่ใช่เรื่องที่ต้องมาคิดกันด้วยเหรอ?”

“ไม่ใช่เลย” หลี่กวงหยาส่ายหัวเล็กๆ แล้วว่าต่อ “แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้เป็นคำถามที่ควรค่าแก่การลองคิดดู”

สีหน้าของเขาดูครุ่นคิดเล็กๆ

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ผมกลับสามารถเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมผู้คนเมื่อร้อยปีก่อนถึงมุ่งไปทางแผน ‘โง่ๆ ‘ เพื่อทำให้อนาคตแข็งแกร่งขึ้น”

อู๋ชูฮวา “ทำไมกัน?”

หลี่กวงหยาเผยยิ้มแล้วอธิบาย “คุณไม่ได้สังเกตเลยเหรอ? ประสบการณ์ในอดีตไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องอนาคตเลย แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ปัญหาส่วนใหญ่ที่พวกเราเจอกันนั้นไม่สามารถถูกแก้ไขได้จากการใช้บทเรียนที่ได้รับมาจากประวัติศาสตร์…ดังนั้นมันก็คงจะดีถ้าพวกเราสามารถมองเห็นอนาคตได้ ผมพนันได้ว่าโลกในอีกร้อยปีข้างหน้าจะต้องน่าสนใจกว่าปัจจุบันที่เป็นอยู่แน่นอน”

อู๋ชูฮวาว่า “งั้นคุณก็ไปหลับชั่วคราวในเครื่องเถอะ”

“ผมก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ได้จะไปจริงๆ เสียหน่อย” หลี่กวงหยาส่ายหัวแล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “มันจะต้องน่าตื่นตาตื่นใจอย่างแน่นอน แต่ถ้าพลาดเรื่องราวในปัจจุบันไปก็คงน่าเสียดายแย่”

“อีกอย่างนะ ถ้าผมไปยุคอนาคต”

“แล้วใครจะเป็นคนทำปัจจุบันให้ดีกันล่ะ?”

…

ณ มหาวิทยาลัยจินหลิง

ลู่โจวที่เพิ่งเลิกเรียนคลาสเตรียมความพร้อมก็ถูกอาจารย์ซุนเชิญไปทานอาหารด้วยกันที่โรงอาหาร แต่ทันทีที่เขาเดินออกจากห้องเรียน เขาก็เห็นซิงเปียนกับสือจินยืนรอเขาอยู่นอกห้อง

ลู่โจวเอนคอเล็กๆ ถามพวกเขาเบาๆ ว่า “ขอโทษนะครับ เกรงว่าผมจะติดธุระไม่ได้ไปทานอาหารมื้อนี้เสียแล้ว”

ใบหน้าของซุนหลานมีแต่ความผิดหวัง

“เพื่อนคุณเหรอคะ?”

ลู่โจวคิดอยู่แป๊บหนึ่ง ก่อนจะให้คำตอบที่ฟังดูคลุมเครือไป

“ทำนองนั้น”

หลังจากที่คุยกับนักเรียนหญิงปริญญาโทที่อยากจะคุยกับเขาเรื่องสถานการณ์สังคมของเมื่อหนึ่งน้อยปีก่อนจนจบ ลู่โจวก็เดินหน้าไปหาเจ้าหน้าที่กองความมั่นคงทั้งสองคนแล้วก็หยุดลง

“มองหาผมอยู่เหรอครับ?”

“ทำนองนั้น” ซิงเปียนยิ้มแล้วทัก “ผมคิดว่าคุณจะยุ่งมากๆ เสียอีก”

“ต่อให้ผมจะยุ่งแค่ไหน ผมก็ยังต้องเรียนรู้อยู่ดี ยังไม่นับว่าการทดลองเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองในตอนนี้ยังหยุดชะงักอยู่ด้วย”

ยิ่งลู่โจวได้รู้เรื่องราวของโลกนี้มากขึ้นเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองยังรู้น้อยไปมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นนอกจากคลาสเตรียมความพร้อมที่มหาวิทยาลัยจินหลิงแล้ว เขายังลงเรียนคลาสประวัติศาสตร์สมัยใหม่เพิ่มอีกด้วย

แต่เพราะอะไรสักอย่างศาสตราจารย์วิชาประวัติศาสตร์สมัยใหม่ดูจะไม่อยากคุยกับเขาในคลาสทุกที ทุกครั้งที่ลู่โจวกดปุ่มถามคำถาม ศาสตราจารย์ก็ดูมีทีท่ากังวลเอามากๆ อยู่ร่ำไป

ซิงเปียนกับสือจินมองหน้ากันและกัน สายตาของพวกเขาบ่งบอกอะไรสักอย่าง

ในขณะที่อีกสองคนสบตากัน ลู่โจวก็มองทั้งสองคนแล้วถามว่า “แล้วพวกคุณเป็นไงบ้าง? เหมือนพวกคุณจะมีเวลาว่างเยอะเลยนะเนี่ย”

“ก็ไม่เชิงว่าเป็นเวลาว่างหรอก แต่การสืบสวนคดีกำลังเป็นไปอย่างช้าๆ น่ะ” ซิงเปียนว่าต่อหลังจากเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นแล้วเรื่องโมรินากะ ผมยังมีเรื่องไม่เข้าใจอยู่นิดหน่อย…ไม่รู้ว่าคุณสะดวกจะให้คำตอบไหม”

ลู่โจวเอ่ยอย่างสบายๆ “ว่ามาเลย”

“คุณจับโมรินากะได้อย่างไรกัน?” ซิงเปียนมองลู่โจวอย่างตั้งใจ เขาพยายามอ่านแววตาของอีกฝ่าย “หลังจากที่หน่วยคอมมานโดเข้าไปในบ้านของโมรินากะ พวกเขาก็พบอาวุธมากมาย…”

ลู่โจวชะงักไปเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดไปหัวเราะไป “นี่คุณคิดว่าผมจะมีอาวุธที่…คล้ายๆ กับพวกนั้นเหรอ?”

“โปรดอย่าเพิ่งเข้าใจผมผิด ผมไม่ได้จะหมายความอย่างนั้นอยู่แล้ว” ซิงเปียนยิ้มแห้งๆ แล้วพูดต่อ “มันไม่มีร่องรอยการขัดขืนแม้แต่น้อย ความเสียหายจากกระสุนทั้งหมดในบ้านมาจากอาวุธอัตโนมัติของโมรินากะนั่นแหละ”

หลังจากนิ่งไปซิงเปียนก็ถามต่อ “แต่สิ่งที่ทำให้ผมไม่เข้าใจเลยก็คือ…คุณพาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้อย่างไร ถ้าต้องเผชิญกับมหกรรมสงครามปืนขนาดนั้น?”

ซิงเปียนก็สงสัยแบบเดียวกันกับเหตุการณ์เที่ยวบิน N-177 เมื่อตอนนั้น

แล้วก็ยังมีเคสวางระเบิดและหุ่นยนต์ในเขตชานเมืองจินหลิงอีก ถ้าใครเจอเข้าไปนี่ป่านนี้ลงไปนอนคุยกับรากมะม่วงแล้ว ต่อให้เป็นเขาก็เอาชีวิตรอดจากการโจมตีระดับนั้นยาก

แต่ลู่โจวกลับไม่เป็นอะไรเลย นอกจากเขาจะไม่ได้เป็นกังวลอะไรเลยแล้ว เขายังไม่ได้ระมัดระวังตัวในการเดินทางไปไหนมาไหนในทุกๆ วันของเขาเลยแม้แต่น้อย ราวกับไม่ได้กลัวเลยว่าเหตุการณ์คล้ายๆ กันจะเกิดขึ้นกับตัวอีกครั้ง

เห็นได้ชัดว่าพฤติกรรมของลู่โจวไม่ได้สิ่งที่อธิบายได้ด้วยคำว่า ‘ความกล้าหาญ’ เพียงอย่างเดียว

ลางส่วนตัวบอกซิงเปียนว่าลู่โจวอาจจะพัฒนา ‘ยาพิเศษ’ ที่ช่วยควบคุมไวรัสอัลฟ่าขึ้นมาก็ได้ หรือไม่เขาก็อาจจะพัฒนาเทคโนโลยีพิเศษบางอย่างที่ช่วยควบคุมหุ่นยนต์ได้

และเทคโนโลยีที่ว่านี่ก็น่าจะกลายเป็นกุญแจสำคัญของไวรัสอัลฟ่า…

สีหน้าของลู่โจวเริ่มดูแปลกๆ แล้ว

จะว่าไปพอคุณพูดแบบนี้แล้ว…

มันก็ดูแปลกจริงๆ

พอพวกหุ่นยนต์ที่ติดเชื้อไวรัสอัลฟ่ามาสู้กับหลิง ก็เหมือนลูกแกะรอวันสังเวยแค่นั้นแหละ พวกนั้นไม่มีพลังสู้กลับเลย

ย้อนกลับไปตอนวันนั้น เขากังวลอยู่แค่เรื่องการต่อสู้ก็เลยรีบตัดสินใจแบบฉับพลัน เขาลืมนึกถึงปัญหาข้อนึงไป ก็คือเขาชนะมาได้อย่างง่ายเกินไป ง่ายมากเสียจนมันน่าแปลกใจมากกว่าการที่สามารถชนะการต่อสู้ยากๆ ได้เสียอีก…

จะให้อธิบายอย่างไรดีล่ะ?

ลู่โจวอดกังวลไม่ได้

เขาถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า

“เรื่องมันยาวน่ะครับ”

แต่พอได้ยินคำว่า ‘เรื่องมันยาว’ ซิงเปียนก็รู้สึกพอใจขึ้นมาทันที เขาตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไรครับ เล่ามาได้ตามสบายเลย!”

“ผมเล่าแน่ แต่คงเล่าที่นี่ไม่ได้หรอก ใช่ไหม?” ลู่โจวมองไปรอบๆ ตัวแล้วเอ่ยว่า “แถวนี้คนเยอะเกินไป ใครจะไปรู้ล่ะว่ามีคนแอบฟังไหม”

สือจินรีบพูดขึ้นว่า “เรื่องนั้นสบายใจได้ครับ…แถวนี้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ใกล้ๆ หรือถ้าคุณกังวลจริงๆ รถพวกเราก็จอดอยู่ใกล้ๆ เหมือนกัน พวกเราไปคุยกันในรถก็ได้”

ตอนแรกเขาไม่ได้เสนอเรื่องจะไปคุยกันในรถ หลักๆ เพราะว่าเขาห่วงว่าลู่โจวจะไม่พอใจไอเดียนี้ แต่ตอนนี้พอลู่โจวเป็นฝ่ายเริ่มระแวง ก็เห็นได้ชัดว่าการเข้าไปคุยในรถเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

แต่ลู่โจวก็ไม่เลือกข้อเสนอของเขาอยู่ดี

“เราคุยในรถกันไม่ได้ครับ ในนั้นมันแออัดเกินไป”

เขามองไปรอบๆ ตัว แล้วพูดต่อ “ผมหิวมากๆ เลย พวกเราไปหาที่กินข้าวแล้วคุยกันที่นั่นดีกว่า”

ซิงเปียนพยักหน้าทันที

“ไม่มีปัญหา ผมรู้จักร้านอาหารดีๆ แถวนี้ เดี๋ยวผมจองห้องส่วนตัวตอนนี้เลย จะได้ไปกินแล้วก็ไปคุยเรื่องนี้ด้วย…ผมเลี้ยงเอง!”

“ใครจะเลี้ยงก็ไม่สำคัญหรอกครับ” ลู่โจวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดื่มกับผมหน่อยก็แล้วกัน”

พอพวกเราเริ่มกินอาหารกัน…

ฉันคงจะแต่งเรื่องตัวเองเสร็จแล้วล่ะ

Prev
Next

Comments for chapter "ตอนที่ 1517"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

YOU MAY ALSO LIKE

grefdsc
ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ
27 ธันวาคม 2022
fvrefe
[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ
14 มีนาคม 2023
tg4t
Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน
14 มกราคม 2023
dgfghjhfgfd
หอดอกบัวลายมงคล
27 พฤศจิกายน 2022
ads

    © 2017 Madara Inc. All rights reserved