meenovel - นิยาย pdf นิยายออนไลน์ หมีโนเวล นิยายจีนแปลไทย novel นิยายวาย
  • HOME
  • ติดต่อโฆษณา
  • นิยาย pdf ล่าสุด
  • อ่านนิยายจีนแปลไทย
  • อ่านนิยายฟรี
  • นิยายจบแล้ว
  • อ่าน the king of war
  • อ่าน Amazing Son in Law
Advanced
  • HOME
  • ติดต่อโฆษณา
  • นิยาย pdf ล่าสุด
  • อ่านนิยายจีนแปลไทย
  • อ่านนิยายฟรี
  • นิยายจบแล้ว
  • อ่าน the king of war
  • อ่าน Amazing Son in Law
Prev
Next

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 38

  1. Home
  2. Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
  3. ตอนที่ 38
Prev
Next

ณ เซินเจิ้น อาคารซุนเฟิงกรุ๊ป ออฟฟิศของซีอีโอ

หวังเหว่ยกำลังเอนตัวพิงเก้าอี้สำนักงานไถโทรศัพท์เล่น

มันเป็นพักหลังทานอาหารเที่ยง เขามักจะใช้เวลาพักครึ่งชั่วโมงหลังจากทานมื้อเที่ยงเพื่อดูกระแสบนเว่ยป๋อหรือข่าวของวันนี้ ท้ายที่สุดแล้วงานของเขาก็เกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ตอย่างใกล้ชิด ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เขาต้องติดตามความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด

“นักศึกษาปริญญาตรีจากมหาลัยจินหลิงตีพิมพ์ 9 วิทยานิพนธ์SCI…นักศึกษาปริญญาตรีสมัยนี้ฉลาดขนาดนี้เลย?” หวังเหว่ยถาม จากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วส่ายหน้า

เขาเปิดบทความแล้วเห็นว่าผู้เขียนเป็นนักเขียนแนววิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง จูฟางไฉ

หวังเหว่ยเห็นชื่อนี้แล้วคิ้วกระตุก ความประทับใจแรกที่มีต่อชายคนนี้ไม่ดีนัก

จูฟางไฉคนนี้ถือได้ว่าเป็นคนมีชื่อเสียง เขามีชื่อเสียงในด้านการสร้างความรำคาญให้ผู้อื่นบนเว่ยป๋อ เขาไม่ได้มีความสามารถ เขาถูกเรียกว่า ‘ปากใหญ่’ กับตัวตลกที่ชอบปั่นกระแสแบบนี้ หวังเหว่ยเกลียดมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากคนๆนี้ชอบวิพากษ์วิจารณ์ระบบการศึกษาของจีนแล้วพูดถึงมันทุกวัน เขากระทั่งเคยใช้วุฒิมัธยมปลายของหวังเหว่ยมาเป็นตัวอย่างในการพิสูจน์มุมมองของตน

หวังเหว่ยไม่ได้สนใจเรื่องวุฒิของตน ไม่งั้นเขาแค่บริจาคเงินนิดหน่อยให้มหาลัย เขาก็ได้ปริญญาเอกกิตติมศักดิ์แล้ว

อย่างไรก็ตามจูฟางไฉเรียกเขาว่า’นักเรียนมอปลาย’ ซึ่งมันทำให้หวังเหว่ยรำคาญ เพราะยังไงก็คงไม่มีใครชอบถูกเปิดโปงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หวังเหว่ยเห็นชื่อนี้แล้วเลิกสนใจ เขาไม่อ่านบทความด้วยซ้ำ มันก็แค่การพยายามสร้างความเสียหายด้วยคำพูด

ใช้วิทยานิพนธ์เก้าฉบับของนักศึกษาปริญญาตรีเพื่อพูดถึงการศึกษาของจีน?

แกเป็นตัวอะไร?

ในเวลานั้นเองก็มีเสียงคนเคาะประตูห้องเขา

“เข้ามา”

คนที่เข้ามาคือเหลียงเซิ่งหาว เขาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของศูนย์วิจัยและพัฒนาโดรนโลจิสติกส์ของบริษัท เขาจบการศึกษาจากคาลเทค(Caltech) เขามีปริญญาคู่(dual degree)วิทยาการคอมพิวเตอร์และการจัดการด้านโลจิสติกส์ และเขาก็อายุเพียงสามสิบปีเท่านั้น

เนื่องจากความก้าวหน้าล่าสุดของเทคโนโลยีโดรน คอนเซ็ปโดรนจึงเป็นกระแส ซุนเฟิงเป็นองค์กรโลจิสติกส์เอกชนชั้นนำของประเทศ ย่อมเป็นเรื่องธรรมชาติที่ซุนเฟิงจะไม่ยอมล้าหลังในเรื่องของโดรน ดังนั้นซุนเฟิงจึงได้ก่อตั้งโปรเจ็คอากาศยานไร้คนขับโดยร่วมมือกับDJI พวกเขาลงทุนไป 500 ล้านแล้วสร้างโรงงานวิจัยและพัฒนาในเซินเจิ้น

แน่นอนเนื่องจากข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ มันจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะบรรลุโดนขนส่งในระยะสั้น

หวังเหว่ยรู้เรื่องนี้อย่างชัดเจน ดังนั้นแม้ว่าศูนย์วิจัยและพัฒนาตามเทคนิคแล้วควรเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาโลจิสติกส์อากาศยานไร้คนขับ แต่ก็มีนักวิจัยไม่มากนักที่มีส่วนร่วมในการวิจัยและพัฒนาโลจิสติกส์อากาศยานไร้คนขับ โปรเจ็คอากาศยานไร้คนขับหลักๆจะมุ่งเน้นไปในทิศทางของโลจิสติกส์อัจฉริยะ

มันหมายถึงการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อคาดการณ์พิกัดของโกดังสินค้าและสถานจำหน่ายสินค้า รวมไปถึงการปรับปรุงเทคโนโลยีการจัดสินค้าอัตโนมัติเป็นต้น

เหลียงเซิ่งหาวเดินมาที่โต๊ะทำงานแล้ววางวารสารวิทยาการคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ เขายิ้มแล้วกล่าว “ท่านซีอีโอหวัง ผมหาอัจฉริยะให้ท่านแล้ว”

“อะไรนะ?” หวังเหว่ยวางโทรศัพท์ลงแล้วอ่านวารสาร เขายิ้มแล้วกล่าว “เทคโนโลยีสารสนเทศภูมิศาสตร์และการสื่อสารสมัยใหม่? ครั้งก่อนคุณไม่ได้บอกฉันเหรอว่ามันมีผลงานไม่ได้มาตรฐานจำนวนมากในวารสารนี้? ในที่สุดคุณก็ซื้อมาอ่าน?”

“ผมอ่านวารสารวิทยาการคอมพิวเตอร์ทั้งหมด โดยเฉพาะที่มันเกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ ผมไม่อ่านวารสารในประเทศเลยจริงๆ” เหลียงเซิ่งหาวกล่าว เขาดันกรอบแว่นแล้วกล่าวต่อ “ขอบคุณพระเจ้าที่ผมเห็นบทความในกระแส ไม่งั้นวิทยานิพนธ์เหล่านี้อาจอยู่ในถังขยะ”

“คุณกำลังพูดถึง?” สีหน้าของหวังเหว่ยดูแปลกไปเล็กน้อย

“ใช่ครับ นักศึกษาปริญญาตรีที่ส่งวิทยานิพนธ์เก้าฉบับ ผมเอามาอ่านแล้วพบว่าการคำนวณที่กล่าวถึงในวิทยานิพนธ์ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว มันก็แค่…”

โอ้?

มีนักศึกษาปริญญาตรีที่ทำให้คุณสนใจด้วย?

หวังเหว่ยรู้สึกสนใจ เขานั่งตัวตรงแล้วกล่าว “แค่อะไร?”

“มันก็แค่ว่างานวิจัยของเขา…ล้ำเล็กน้อย” เหลียงเซิ่งหาวกล่าว เขานึกถึงคำพูดที่ใช้แล้วกล่าวต่อ “การขนส่งแบบโลจิสติกส์อากาศยานไร้คนขับยังเป็นแค่แนวคิด ไม่มีบริษัทไหนในโลกที่บรรลุฮาร์ดแวร์ที่ได้มาตรฐานสำหรับโดรนขนส่ง ดังนั้นบริษัทเดินเรือรอบโลกจึงมุ่งเน้นในด้านฮาร์ดแวร์”

หวังเหว่ยพยักหน้าแล้วถาม “ฉันรู้ แล้วอะไรอีก?”

“แต่เนื้อหาวิทยานิพนธ์ของเขาขึ้นอยู่กับความเป็นไปได้ทางทฤษฎีของโดรนขนส่ง ยกตัวอย่างในวิทยานิพนธ์ของเขา เขาเสนอแนวคิดการสร้างโลจิสติกส์แบบ’รังผึ้ง’ในเมือง เชื่อมต่อกับศูนย์คัดแยก แนะนำโดรนให้เข้าสู่ระบบGPS ค้นหาหนทางดำเนินการแบบอัตโนมัติโดยไม่ใช้แรงงานมนุษย์ มันสามารถระบุที่อยู่ผ่านกล้อง ยืนยันผู้ได้รับสินค้าโดยใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า ยืนยันใบเสร็จรับของโดยการใช้ท่าทาง และอัพโหลดข้อมูลการแจ้งเตือนแบบอัตโนมัติเมื่อโดรนถูกแทรกแซง…”

เหลียงเซิ่งห่าวพูดถึงตรงนี้แล้วหยุด

นิ้วของหวังเหว่ยเคาะบนโต๊ะเบาๆ เขาหยุดสักพักแล้วกล่าว “เอาล่ะ เขาแค่เสนอแนวคิดงั้นเหรอ?”

ถ้าลู่โจวแค่เสนอแนวคิด มันคงไม่มีอะไรพิเศษ ขอแค่ทำพาวเวอร์พ้อยเป็น ใครๆก็พูดเรื่องปัญญาประดิษฐ์ได้สักสองสามหัวข้อ การพูดถึงไอเดียเหล่านี้ได้มันก็แค่หมายความว่าเขามีความเข้าใจในหัวข้ออยู่บ้าง
(ผู้แปล : เข้าใจแค่หัวข้อ แต่ไม่เข้าใจเนื้อหา)

อย่างไรก็ตามถ้าระดับของลู่โจวต่ำขนาดนั้นจริง เขาคงไม่ผ่านแผนกทรัพยากรมนุษย์หรอก

“ไม่ใช่แค่เสนอแนวคิดครับ” เหลียงเซิ่งหาวกล่าว เขาส่ายหน้า “มันพูดถึงวิธีการคำนวณด้วย ส่วนใหญ่เกี่ยวกับระบบจดจำใบหน้าและระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ นี่เป็นเหตุผลที่ผมคิดว่าเจ้าหนูนี่มีฝีมือ โดยเฉพาะอัลกอริทึมที่เขาเขียนเพื่อจดจำใบหน้า แม้ว่าผมจะเห็นข้อบกพร่องบ้าง แต่มันยังถือว่าแปลกใหม่ ศูนย์วิจัยของเราสามารถนำงานของเขาไปต่อยอดได้”

มันไม่ใช่แค่ไอเดีย ลู่โจวก็ตระหนักถึงไอเดียของตนเช่นกัน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

มันเหมือนกับคำพูดที่ว่า ‘ฉันอยากสร้างอพาร์ทเม้นท์’ จากนั้นก็หาคนสองคนมาวางก้อนอิฐสองก้อน คุณค่าของคนสร้างเหล่านั้นมันแตกต่างจากคุณค่าของไอเดีย

แม้ว่าความคืบหน้าของงานวิจัยเขาจะมีไม่กี่เปอร์เซ็น แต่หวังเหว่ยไม่สนใจ งานวิจัยล้วนจำเป็นต้องมีกระบวนการที่ยาวนาน ยิ่งมูลค่าของโปรเจ็ควิจัยสูงแค่ไหน เงินและเวลาก็จะใช้มากขึ้นเท่านั้น

หวังเหว่ยไม่ได้พูดอะไร กลับกันเขาหยิบวารสารวิทยาการคอมพิวเตอร์ขึ้นมาแล้วพลิกไปหน้าของลู่โจว

[การวิจัยและพัฒนาโลจิสติกส์อากาศยานไร้คนขับและพูดคุยเกี่ยวกับกรอบแนวคิด]

[วิเคราะห์อัลกอริทึมพิกเซลจากปัญญาประดิษฐ์]

[อัลกอริทึมที่เหมาะสมที่สุดเพื่อการรู้จำรูปภาพแบบไดนามิกจากปัญญาประดิษฐ์]

[วิธีวัดขนาดร่างกายมนุษย์แบบอัตโนมัติจากปัญญาประดิษฐ์]

[…]

แม้ว่าวิทยานิพนธ์แบบเดี่ยวๆอาจจะต่ำกว่ามาตรฐาน แต่มูลค่าโดยรวมของวิทยานิพนธ์ยังคงสูงค่า

เหลียงเซิ่งหาวเห็นว่าซีอีโอเขาไม่พูดอะไร เขาจึงกล่าวต่อ “การตีพิมพ์อัลกอริทึมแบบนี้ลงในวารสารเป็นการสูญเปล่าเหลือเกิน ผมขอแนะนำให้ส่งข้อเสนองานให้เขาแล้วจ้างเขาเข้ามาทำงานในบริษัทเราโดยตรง เขาสามารถช่วยงานวิจัยของเราได้”

“ไม่ต้องรีบขนาดนั้น” หวังเหว่ยกล่าวและโบกมือ

เหลียงเซิ่งหาวขมวดคิ้วแล้วกล่าว “ท่านกำลังสงสัยการศึกษาของเขาหรือ? จากความสามารถของเขา แม้แต่นักศึกษาปริญญาโทในสาขาปัญญาประดิษฐ์ประยุกต์ก็มีค่าไม่เท่าเขา นอกจากนี้แม้ว่าเราจะไม่ใช้โลจิสติกส์อากาศยานไร้คนขับในระยะสั้น แต่สุดท้ายเราต้องเข้ามาสู่สาขานี้แน่! เราควรเริ่มเตรียมพร้อมตั้งแต่ตอนนี้”

วิทยาการคอมพิวเตอร์เป็นวิชาใหม่ มันแตกต่างจากสาขาอื่น แม้ว่าการศึกษาจะยังสำคัญ แต่มันก็ไม่ได้สำคัญมากสำหรับผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จมากมาย

ท้ายที่สุดแล้วเหล่าคนที่มีความสามารถพิเศษจะไม่ปรากฏในตลาดหางาน พวกเขาจะถูกขึ้นชื่อในรายชื่อการรับสมัครคนของบริษัทที่มีชื่อเสียง

“ฮ่าๆ คุณไม่ต้องสอนฉันเรื่องนี้ คุณก็รู้ว่าฉันมองแค่ความสามารถ” หวังเหว่ยกล่าว เขายิ้มแล้วโยนวารสารไว้บนโต๊ะ “อย่าพึ่งส่งข้อเสนอ ปล่อยให้รอไปก่อน เพราะยังไงเราก็เป็นบริษัทในประเทศแห่งเดียวที่ทำโลจิสติกส์โดรนส่งของ ดังนั้นจะไม่มีใครขโมยเขาไปจากเราแน่”

เหลียงเซิ่งหาวชะงัก เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเขาตระหนักถึงความหมายแฝงจากซีอีโอ ดวงตาเขาก็เปล่งประกาย

เข้าใจแล้ว…

ซีอีโอของฉันฉลาดมาก!

คนหนุ่มสาวที่กระฉับกระเฉงทรงพลังถูกวิพากษ์วิจารณ์แบบนี้และถูกกล่าวหาว่างานวิจัยของตนไร้ค่า มันจะต้องทำให้เขาทุกข์ทรมาณ

ปล่อยให้จูฟางไฉคนนั้นโจมตีเขาไปอีกสักนิดแล้วรอจนกว่าลู่โจวจะรับแรงกดดันไม่ไหว จากนั้นซุนเฟิงกรุ๊ปก็จะออกมาแล้วมอบข้อเสนอ 500000 หยวนต่อปีให้เขาเพื่อยืนยันคุณค่าวิจัยของเขา…

จากนั้นเขาก็จะภักดีต่อซุนเฟิงตลอดกาล!

คนที่มีเงินเดือนสูงมักจะได้รับตำแหน่งที่ดีกว่าในบริษัทอื่น ดังนั้นบริษัทมากมายจึงใช้ผลประโยชน์ของพนักงานและหุ้นเพื่อรักษาพนักงานของตน สิ่งสำคัญอย่างแรกคือรักษาให้พนักงานเชื่อมั่นว่าอนาคตของบริษัทจะสดใส อีกอย่างก็คือการทำให้บริษัทไปอยู่ในใจของพนักงาน ทำให้บริษัทเป็นที่พิเศษสำหรับพวกเขา

ในอีกแง่นึง อย่างหลังมีความสำคัญมากกว่าอย่างแรก

หวังเหว่ยเอนตัวพิงเก้าอี้สำนักงาน เขายิ้มแล้วกล่าว “เอาวารสารไว้นี่แหละ ฉันจะจำสิ่งนี้ ไปทำธุระของคุณเถอะ”

“ครับ” เหลียงซุนหาวพยักหน้าก่อนจะออกจากออฟฟิศเขา

ติดตามต่อได้ที่ meenovel.com

Prev
Next

Comments for chapter "ตอนที่ 38"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

YOU MAY ALSO LIKE

dfhbgf
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
29 พฤษภาคม 2023
hythgt
เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล
29 พฤษภาคม 2023
mnhdcd
Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี
26 ธันวาคม 2022
kmjht
Elixir Supplier
31 ธันวาคม 2022
ads

    © 2017 Madara Inc. All rights reserved