meenovel - นิยาย pdf นิยายออนไลน์ หมีโนเวล นิยายจีนแปลไทย novel นิยายวาย
  • HOME
  • ติดต่อโฆษณา
  • นิยาย pdf ล่าสุด
  • อ่านนิยายจีนแปลไทย
  • อ่านนิยายฟรี
  • นิยายจบแล้ว
  • อ่าน the king of war
  • อ่าน Amazing Son in Law
Advanced
  • HOME
  • ติดต่อโฆษณา
  • นิยาย pdf ล่าสุด
  • อ่านนิยายจีนแปลไทย
  • อ่านนิยายฟรี
  • นิยายจบแล้ว
  • อ่าน the king of war
  • อ่าน Amazing Son in Law
Prev
Next

เซียนกระบี่มาแล้ว! - ตอนที่ 70

  1. Home
  2. เซียนกระบี่มาแล้ว!
  3. ตอนที่ 70
Prev
Next

บทที่ 70 ความพยายามครั้งสุดท้าย

เซินเฟยใบหน้าหมองคล้ำ

ตอนที่เขาพ่ายแพ้ให้แก่หลินเป่ยเฉิน ความรู้สึกในหัวใจมันก็ไม่ต่างจากโดนคนลากเข้าไปในห้องสุขาและบังคับให้ต้องรับประทานอุจจาระเต็มปาก โกรธยิ่งกว่าโกรธ แค้นยิ่งกว่าแค้น อายยิ่งกว่าอาย หากระดับความโกรธแค้นในตอนนี้ของเขาสามารถทำลายล้างโลกได้ โลกทั้งใบก็คงแตกสลายเป็นร้อยรอบพันรอบ

เด็กหนุ่มจากสำนักยุทธ์อิสระพลันสูดหายใจลึก

เซินเฟยบอกตนเองให้สงบสติอารมณ์

แต่เขาก็เกือบสติหลุดอีกครั้งเมื่อเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้าหลินเป่ยเฉิน

“ใจเย็นก่อน! เราต้องใจเย็นเข้าไว้!”

เซินเฟยบังคับตนเองให้สงบจิตสงบใจ

เขาสูดหายใจลึก…

พยายามนับหนึ่งถึงสิบ!

ในที่สุด ทุกคนก็เห็นว่าเซินเฟยกลับมามีท่าทีสงบสุขุมเหมือนเดิมแล้ว

เซินเฟยแค่นยิ้ม พูดด้วยสีหน้าแข็งกระด้าง “ฮึ ไม่คิดเลยนะว่าเจ้าจะมีความสามารถสูงส่งถึงเพียงนี้ เดาว่าคงมีใครสักคนช่วยชี้แนะเจ้าสินะ”

หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอเหยียดหยาม “มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า”

เซินเฟยใบหน้ากระตุกอีกครั้ง

“เมื่อสักครู่ ถ้าข้าไม่ได้โถมพลังใส่เจ้ามากเกินไป เจ้าก็คงไม่สามารถเลื่อนระดับพลังได้ในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้จริงไหม? เรื่องนี้ทำให้ข้ารู้สึกเศร้าใจเหลือเกิน…” เด็กหนุ่มพูดเหมือนชื่นชมในระดับพลังของตนเอง ที่มีมากเกินไปจนทำให้ฝ่ายตรงข้ามได้ประโยชน์ไปด้วย

หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคออีกคำรบ “นั่นไม่ใช่เรื่องของข้า”

บัดนี้ เหมือนว่าเจ้าแกะดำจะพูดเป็นอยู่สองประโยคเท่านั้น “มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า” กับ “นั่นไม่ใช่เรื่องของข้า”

เซินเฟยพลันชะงักกึก ในสมองขาวโพลน เขาพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว จากนั้นดวงตาก็พร่า แล้วในลำคอก็รู้สึกได้ถึงรสชาติขมหวาน ก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาคำใหญ่

เมื่อเห็นดังนั้น หลินเป่ยเฉินก็ถึงกับพูดว่า “อย่าเลียนแบบข้าเสียให้ยาก ต่อให้เจ้ากระอักเลือดจนตาย ก็ไม่มีทางเลื่อนระดับแบบข้าได้หรอก”

หลินเป่ยเฉินดูดซับมวลพลังจากการโจมตีของกระบวนท่ากระบี่ฝนดาวตกเก้าชั้นฟ้า ทำให้สามารถเลื่อนระดับพลังได้สำเร็จ หลังจากกระอักเลือดออกมาแล้ว ร่างกายก็เกิดความเปลี่ยนแปลง จนสามารถคว้าชัยชนะเหนือเซินเฟยได้ในที่สุด

แต่ตอนนี้ เซินเฟยกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธแค้น

ทว่า หลินเป่ยเฉินกลับหาว่าเขากำลังเลียนแบบตนเอง

“เจ้านี่มัน…”

เซินเฟยหัวใจเจ็บปวดรวดร้าว ต้องกระอักเลือดออกมาอีกคำใหญ่

หลี่เทากับเถาว่านเฉิงมองออกแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงรีบถลาเข้าไปช่วยประคองผู้เป็นลูกพี่ ด้วยเกรงว่าเซินเฟยจะเป็นลมหมดสติไปเพราะความโกรธแค้น

หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข

“สมน้ำหน้า! กระอักเลือดไปจนตายเลยก็แล้วกัน จะได้ไม่มีปัญญามาก่อความวุ่นวายอะไรอีก!”

แต่ลึกๆ ในใจแล้ว หลินเป่ยเฉินก็ไม่อยากเชื่อในระดับฝีมือตัวเองเช่นกัน

แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งมากขึ้น ล้วนเป็นผลลัพธ์มาจากการฝึกวิชากระบี่เร้นกาย

ตลอด 10 วันที่ผ่านมา แอปฝึกวิชากระบี่เร้นกายเปิดทำงานตลอดเวลา หลินเป่ยเฉินไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตอนนี้ตนเองบรรลุมาถึงขั้นไหนแล้ว แต่ที่ชัดเจนก็คือ ร่างกายของเขาในตอนนี้แข็งแกร่งดั่งภูผา

ยิ่งไปกว่านั้น การฝึกพลังจิตก็มีประโยชน์อย่างที่คาดไม่ถึง

ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็เข้าใจความหมายของคำอธิบายจากในคัมภีร์ฝึกพลังจิตขั้นพื้นฐานที่ว่า “ภายนอกและภายในหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว”

การเห็นภาพนิมิตล่วงหน้าช่วยทำให้เขาได้เปรียบในการต่อสู้

หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าการฝึกพลังจิต มีประโยชน์สำหรับการต่อสู้ ยิ่งกว่าการฝึกวิชาป้องกันตัวใดๆ ในโลก

ต่อให้จอมยุทธ์สองคนมาต่อสู้กัน ด้วยระดับฝีมือที่เท่ากัน แต่ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสามารถใช้พลังจิตเป็นตัวช่วยเสริม ชัยชนะก็อยู่แค่เอื้อมมือแล้ว…

และโลกใบนี้ก็เต็มไปด้วยอันตราย

มีอันตรายอยู่ทุกหนทุกแห่ง

ก่อนที่หลินเป่ยเฉินจะสามารถเดินทางกลับโลกมนุษย์ได้ ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าจะไม่เกิดเหตุร้ายขึ้นกับตัวเขา เพราะฉะนั้น สิ่งจำเป็นที่สุดในตอนนี้ก็คือ เขาต้องพัฒนาวิชาการต่อสู้ของตัวเองและเอาชีวิตรอดต่อไปให้ได้

อย่างเช่นการต่อสู้ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อสักครู่ หากไม่ได้เลื่อนระดับพลังขึ้นมาโดยบังเอิญ ชีวิตของเขาก็คงจบสิ้นแต่เพียงเท่านี้

ช่วงเวลาเท่ากับชงน้ำชาหนึ่งถ้วยผ่านไป…

สุดท้าย เซินเฟยก็กลับมาสงบสุขุมดังเดิม

“ข้าแพ้แล้ว” เซินเฟยกัดฟันกรอด

เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะยอมรับความพ่ายแพ้

เสียงอุทานด้วยความตื่นตะลึงดังออกมาจากกลุ่มศิษย์ที่รับชมอยู่

หลี่เทากับเถาว่านเฉิงมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก

สำหรับพวกเขา เซินเฟยเป็นวีรบุรุษประจำใจ มีความสูงส่งเหนือล้ำยิ่งกว่าหลิงเฉินไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า แต่กลับต้องมาพ่ายแพ้ให้กับเจ้าเศษขยะไร้ค่าประจำเมืองหยุนเมิ่งเสียได้

หลังจากที่เซินเฟยพูดสามคำนั้นออกมา เขาก็กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หลินเป่ยเฉิน ถึงเจ้าเอาชนะข้าได้ แต่เจ้าก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อีกแล้ว ต่อให้เจ้าเก่งกาจมากแค่ไหนก็ไร้ความหมาย เพราะว่า…”

พูดมาถึงตรงนี้ เซินเฟยพลันยิ้มแย้มขึ้นมาอีกครั้ง

รอยยิ้มของเขาดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด

“พวกเราไม่ได้ต้องการพิสูจน์ว่าใครแข็งแกร่งมากกว่ากัน แต่เป้าหมายของเราคือการเข้าสู่รอบต่อไปให้ได้ ทุกคนจงฟังข้าให้ดี สถานการณ์ในตอนนี้เอื้อประโยชน์ต่อพวกเราเป็นอย่างยิ่ง แขนขวาของหลิงเฉินได้รับบาดเจ็บหนัก นางไม่สามารถใช้กระบี่ด้วยมือข้างนั้นได้อีกแล้ว หลินเป่ยเฉินถึงแม้จะทำได้ดีเมื่อสักครู่ แต่ก็รีดเค้นพลังออกมาจนหมดตัว ในขณะที่เยว่หงเซียง…”

เด็กหนุ่มหันไปมองหน้าเยว่หงเซียงและยิ้มอ่อนให้เล็กน้อยด้วยความเหยียดหยาม “เส้นเอ็นมือขวาของเจ้าฉีกขาดและยังไม่หายดี พวกเจ้าทั้งสามคนไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแล้ว จะสามารถรับมือพวกเราได้อย่างไร?”

หลินเป่ยเฉินถึงกับสะดุ้งเฮือก

“จริงด้วยสิ! ที่หมอนี่พูดมามันก็มีเหตุผลนี่หว่า”

บรรดาศิษย์ที่เมื่อสักครู่นี้ยังมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อได้ยินคำพูดของเซินเฟย สีหน้าก็เปลี่ยนแปลงไปในพริบตา

พวกเขารู้แล้วว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร

เซินเฟยกล่าวได้ถูกต้อง

ต่อให้เขาพ่ายแพ้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไป

เพราะพวกเขามีจำนวนคนที่มากกว่าฝ่ายหลินเป่ยเฉิน

สถานการณ์ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเซินเฟยดังเดิม

“วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าได้เข้าใจเรื่องหนึ่ง” เลือดหยุดไหลออกมาจากบาดแผลบนมือขวาของเซินเฟยแล้ว เขาสยายยิ้มด้วยความมั่นใจในตัวเอง ก่อนที่จะหันมามองหน้าหลินเป่ยเฉินกับหลิงเฉินด้วยแววตาเหยียดหยามท้าทาย “คนเราเพียงตัวคนเดียว ไม่สามารถทำอะไรได้มากมายนักหรอก ต่อให้ใจกล้าบ้าบิ่นและมีพลังแข็งแกร่งแค่ไหน ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ การจะเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริง บุคคลผู้นั้นจำเป็นต้องประกอบไปด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกล และมีสหายคอยสนับสนุนอีกเป็นจำนวนมาก”

คำพูดที่เรียบง่ายของเซินเฟยกลับสามารถปลุกใจคนอื่นๆ ได้อย่างน่าทึ่ง

หลี่เทากับเถาว่านเฉิงไม่ได้มีสีหน้าหมองเศร้าอีกต่อไปแล้ว ทั้งสองคนกลับมาจ้องมองเซินเฟยด้วยแววตาเทิดทูนบูชาอีกครั้ง

“จริงด้วย”

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่การพ่ายแพ้ แต่เป็นการที่แพ้แล้วไม่ลุกขึ้นสู้ต่างหาก

ในทางกลับกัน หากคนเราสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดและความพ่ายแพ้ของตัวเองได้สำเร็จ ก็จะเกิดประโยชน์มหาศาล

เซินเฟยเต็มใจยอมรับว่าตนเองมีฝีมือเป็นรองหลินเป่ยเฉิน แต่มันกลับทำให้เขาดูมีความเป็นผู้นำมากยิ่งขึ้น

บรรดาผู้คนที่ติดตามเขายิ่งเชื่อใจเซินเฟยมากขึ้นกว่าเดิม

นี่คือเสน่ห์ประจำตัวของเด็กหนุ่มคนนี้

หลินเป่ยเฉินพบว่าสถานการณ์ชักจะไม่เข้าท่าอีกครั้ง

ช่างโชคร้ายที่วันนี้เขาต้องมาพบกับคู่ต่อสู้ที่เหลี่ยมจัดเหลือเกิน

หลินเป่ยเฉินเริ่มคิดด้วยความเป็นกังวลว่า…ถ้าจะให้สู้กันอีกครั้ง เขาจะทำได้เหมือนเดิมหรือเปล่านะ?

เด็กหนุ่มเริ่มชั่งน้ำหนักถึงข้อดีและข้อเสีย

แต่ทันใดนั้นเอง หลิงเฉินพลันขยับเท้าก้าวออกมายืนอยู่เคียงข้างหลินเป่ยเฉิน

“ข้าก็อยากบอกเจ้าเรื่องหนึ่งเหมือนกัน”

หลิงเฉิน เทพธิดายอดอัจฉริยะประจำเมือง ขึงตาจ้องมองเซินเฟยและกล่าวอย่างแช่มช้า “ถึงแม้โบราณจะบอกว่าน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ แต่ก็มีหลายครั้ง ที่คนจำนวนมากไม่ได้มีความได้เปรียบอย่างที่เจ้าคิด เพราะไม่ว่าจะมีลูกแกะอยู่มากมายแค่ไหน สุดท้ายพวกมันก็สู้มังกรเพียงตัวเดียวไม่ได้อยู่ดี”

บาดแผลบนไหล่ขวาของนางยังมีเลือดไหลไม่หยุด

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นบาดแผลที่นางไม่สามารถสมานได้

ดังนั้น นางจึงต้องหันมาถือกระบี่ด้วยมือซ้าย

นิ้วมือเรียวยาวทั้งห้ากุมด้ามจับกระบี่แนบแน่น ราวกับเป็นหยกที่แกะสลักขึ้นมาอย่างดี ผิวพรรณของมือนางขาวผ่องเหมือนแสงจันทร์บริสุทธิ์ ให้ความรู้สึกสวยงามน่าพิศวง
ติดตามต่อได้ที่ meenovel.com

Prev
Next

Comments for chapter "ตอนที่ 70"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

YOU MAY ALSO LIKE

yhgrd
Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร
11 มีนาคม 2023
gnsf
รักหวานอมเปรี้ยว
28 ธันวาคม 2022
rdtygbnmk
Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย
28 ธันวาคม 2022
ukjyt
Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
7 มกราคม 2023
ads

    © 2017 Madara Inc. All rights reserved