The king of War - ตอนที่ 34 ขณะที่แสนอบอุ่นสุภาพ

อ่านนิยาย The king of War บทที่ 34 ออนไลน์
ความฉุนเฉียวสายหนึ่งปะทุขึ้นมาในใจของหยางเฉินในทันที แต่พอใช้ได้มองเห็นฉินยีน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างงี้แล้ว ก็พากเพียรที่จะข่มมันกลับเข้าไปอีกรอบ
“คุณรู้ผิดแล้ว!”
หยางเฉินกล่าวอปิ้งเย็นชา
เมื่อเขากล่าวจบ เงาร่างที่รู้จักร่างหนึ่งก็พุ่งตรงเข้ามา
“เพื่อนยี คุณมิได้เป็นอะไรใช่ไหม”
คนคนซึ่งก็คือฉินซี เมื่อคุณได้รับโทรศัพท์จากหยางเฉินว่าฉินยีอยู่ที่แมนชั่นอีเห้า ก็รีบออกมาโดยทันที
“พี่ค่ะ!”
เมื่อมองเห็นฉินซี ฉินยีก็กอดผู้เป็นพี่ไว้แน่นแล้วร้องไห้ออกมาด้วยความรวดร้าว
หยางเฉินเดินออกไปภายนอกโดยไม่กล่าวอะไรแม้กระทั้งคำเดียว
ในเมื่อฉินซีมาแล้ว ก็ไม่มีความสำคัญที่เขาจำเป็นจะต้องชี้แจงอะไรต่ออีก
สองญาติพี่น้องที่กอดกันร้องไห้อยู่นานพึ่งได้ผละออกมาจากกัน ฉินยีกัดฟันแล้วบอกออกมาว่า “พี่ขา หยางเฉินคนนี้เป็นพวกเลว ทั้งหน้าเนื้อดวงใจเสือ วันพรุ่งพี่รีบไปหย่ากับเขาเลยจ๊ะ”
ฉินซีไม่รู้เรื่อง “เกลอยี ถ้าหากไม่ใช่ด้วยเหตุว่าหยางเฉิน ความบริสุทธิ์ของคุณอาจถูกทำลายไป แล้วเพราะเหตุใดถึงยังต้องการให้พี่หย่ากับเขาอีกล่ะ”
“อะไรนะคะ”
ฉินยีตะลึงงันไปชั่วประเดี๋ยว สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความไม่ต้องการที่จะอยากจะเชื่อ “พี่ขา พี่แสดงว่าหยางเฉินพึ่งช่วยฉันไว้แบบนั้นหรอขา”
คุณเมาหลับตั้งแต่ต้นจนถึงจบ หากไม่ใช่ด้วยเหตุว่าหยางเฉินกดจุดแก้แฮงค์ให้ละก็ เกรงว่าตอนนี้ก็บางทีก็อาจจะยังคงเพ้อฝันอยู่ ก็เลยไม่ทราบเลยนิดหน่อยว่าก่อนหน้านี้ที่ผ่านมากำเนิดอะไรขึ้นกันแน่
ภายหลังที่ฉินซีชี้แจงสาเหตุของเรื่องราวทั้งปวงให้ฟังไปรอบหนึ่ง ฉินยีก็คิดขึ้นมาได้โดยทันที
พอเพียงมีความคิดว่าเมื่อครู่นี้คุณพึ่งตบหยางเฉินไปครั้งหนึ่ง ก็เลยรู้สึกโทษตนเองเป็นอย่างยิ่ง
“พี่ขา ฉัน ฉันพึ่งรู้เรื่องเขาไม่ถูกไปซะแล้วสิ”
“ช่างเถอะ เขาไม่โทษคุณหรอก”
“แม้กระนั้นฉันยังตบเขาไปครั้งหนึ่งด้วยนะ”
“อะไรนะ”
…
สองลูกพี่ลูกน้องใช้เวลาอยู่ด้านในห้องพักใหญ่ก่อนจะออกมา หยางเฉินกำลังยืนอยู่ที่ด้านหน้าต่าง สายตาทอดมองออกไปภายนอก ไม่รู้จักว่ากำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องอะไรอยู่
เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว เขาถึงได้หมุนกลับมา ก่อนที่จะชำเลืองมองสองลูกพี่ลูกน้องแวบหนึ่ง แล้วบอกว่า “ผมจะไปส่งพวกท่านกลับไปอยู่บ้าน!”
บอกจบก็ออกไปก่อนในทันที
ฉินยีมองตามแผ่นข้างหลังของเขาไปด้วยความรู้สึกว่าตัวเองผิด
รถยนต์แล่นไปตามทางบนถนนหนทาง ภายหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็หยุดลงที่ข้างหน้าของบ้านเชื้อสายฉิน
“คุณ เพราะอะไรไม่เข้าไปมองเสี้ยวเสี้ยวหน่อยล่ะ คุณนึกถึงคุณมานับเป็นเวลาหลายวันแล้ว” ฉินซีลังเลบางส่วนก่อนที่จะกล่าวออกมา
ฉินยีเองก็ดูหยางเฉินด้วยสีหน้าท่าทางคาดหมาย ที่คุณเพิ่งตบหน้าเขาไปยังมิได้ขออภัยเลย
หยางเฉินมองเวลาแวบหนึ่ง ก่อนที่จะสั่นหน้าแล้วบอกว่า “เดี๋ยวนี้ก็ดึกมากแล้ว ผมไม่ได้อยากต้องการก่อกวนเวลาพักผ่อนของเสี้ยวเสี้ยว ไว้คราวหน้าผมค่อยมาเลิศคุณใหม่”
“จ้ะ!”
ขณะเดียวกันนั้นฉินซีก็ไม่รู้จักว่าน่าจะบอกอะไรต่อดี
“ผมไปแล้วนะ ราตรีสวัสดิ์!”
หยางเฉินสตาร์ทรถยนต์รวมทั้งขับออกไปช้าๆ
“ฉันจำต้องขออภัยด้วยนะคะพี่เขย!”
กระทั่งหยางเฉินขับขี่รถออกไปไกลแล้ว ฉินยีถึงได้พึ่งตะเบ็งออกมา บริเวณใบหน้าของคุณยังคงเต็มไปด้วยน้ำตา
เพียงแต่ว่าคำกล่าวขอโทษของคุณ มิได้ถูกลิขิตไว้ให้เขาได้ยิน
….
หยางเฉินพึ่งกลับถึงยอดเมฆ The king of War ก็ได้รับสายโทรศัพท์จากฉินซีในทันที
เขายังไม่ทันจะได้กล่าวอะไร ก็ได้ยินเสียงก้องใสที่รู้จักดังขึ้น “ป๋าค่ะ หนูนึกถึงป๊ะป๋าจังเลย!”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ของเสี้ยวเสี้ยว มุมปากของหยางเฉินก็เอาขึ้นเบาๆเมื่อใดก็ตามเขานึกถึงบุตรสาว ก็ชอบรู้สึกราวกับตกอยู่ในความฝัน
“นี่ก็ดึกมากแล้ว เพราะเหตุไรเสี้ยวเสี้ยวยังไม่นอนอีกขา” หยางเฉินถามอย่างสุภาพ
“พ่อขา หนูนึกถึงพ่อจนถึงนอนไม่หลับแล้ว”
น้ำเสียงของเสี้ยวเสี้ยวเจือไปด้วยการครวญคราง
ขณะเดียวกันนั้นเองก็ได้ยินเสียงของฉินซีดังขึ้น “หยางเฉิน คุณรอคอยชั่วประเดี๋ยวนะ เราจะวิดีโอคอลวีแชทไป แบบงี้เสี้ยวเสี้ยวก็จะได้มองเห็นหน้าคุณแล้ว”
ต่อจากนั้นฉินซีก็วิดีโอคอลมาอย่างเร็ว
เมื่อหยางเฉินกดรับสาย เขาก็ได้มองเห็นเสี้ยวเสี้ยวที่ใส่ชุดนอนลายการ์ตูนแอบอิงอยู่ในอ้อมกอดของฉินซี
“ป๊ะป๋า!”
เสี้ยวเสี้ยวมองดูหยางเฉินแล้วแผดเสียงเรียกออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจ
เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากผู้เป็นเชื้อสายแท้ๆของตน หยางเฉินก็รู้สึกประหนึ่งว่าหัวใจของเขากำลังจะหลอมเหลว ก่อนที่จะรีบตอบกลับไปว่า “สวัสดียามดึกนะคะเสี้ยวเสี้ยว!”
“ป๋าขา วันพรุ่งพ่อกลับมาอยู่ที่บ้านกับหนูรวมทั้งแม่ได้ไหมขา” เสี้ยวเสี้ยวถามออกมาด้วยสีหน้าท่าทางมุ่งหวัง
หยางเฉินรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งยังหัวใจ เพราะเหตุไรเขาถึงจะไม่ต้องการกลับไปอยู่กับบุตรสาวของตนเองล่ะ แต่ว่าโจวยู่มักง่ายรังเกียจเขาเข้ากระดูกดำ จะยอมเขากลับไปได้อย่างไร
“พ่องานยุ่งมากมายเลย คอยเขาดำเนินการหลังจากที่เสร็จแล้วก็จึงค่อยกลับมาอยู่เป็นเพื่อนลูกดีไหม” ฉินส่วนอดบุตรสาวไว้แล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่นสุภาพ
“อย่างงั้นก็ได้จ้ะ!”
ถึงแม้ว่าเสี้ยวเสี้ยวจะรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย แต่ว่าเด็กที่รู้เรื่องรู้ราวอย่างคุณก็ไม่ได้อยากที่จะก่อกวนลักษณะการทำงานของผู้เป็นบิดา
“ป๋าค่ะ มองนี่เร็วสิ อันนี้เป็นภาพวาดครอบครัวแสนสุขที่เสี้ยวเสี้ยววาดเอง นี่เป็นคุณบิดา นี่เป็นคุณแม่ ส่วนกึ่งกลางก็คือเสี้ยวเสี้ยวอย่างไรละขา”
ถึงแม้ว่าจะทำเป็นเพียงแต่เจอหน้าผู้เป็นบิดาผ่านทางวิดีโอ แต่ว่าก็ยังคงทำให้เด็กหญิงตื่นเต้นไม่น้อย คุณถือภาพสีน้ำใบหนึ่งออกมาด้วยบริเวณใบหน้าเปี่ยมสุข
ภาพสีน้ำภาพนั้นเป็นรูปของคนสามผู้ที่กำลังประสานมือกันอยู่ แม้ว่าฝีพู่กันจะยังมองอ่อนหัด แม้กระนั้นก็สามารถมองเห็นได้อย่างแจ่มแจ้ง ว่าบริเวณใบหน้าของคนบนภาพวาดเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ในขณะที่มองดูภาพนี้ หยางเฉินก็รู้สึกไม่ถูกไปอีกทั้งหัวใจ ฉินซีเองก็สองตาแดงจัด
เด็กผู้หญิงมิได้มองเห็นถึงความเงียบที่เกิดขึ้นทันทีทันใดของสองผัวเมียเลยนิดหน่อย คุณยังคงชี้แนะภาพวาดของตนอย่างสุขสบายมากมายๆ
“ป๊ะป๋าเล่านิทานให้หนูฟังหน่อยได้ไหมขา” ขณะเดียวกันนั้นเสี้ยวเสี้ยวก็ดูไปยังหยางเฉินแล้วถามออกมาอย่างมุ่งหวัง
หยางเฉินชูยิ้มสุภาพ ก่อนที่จะก้มศีรษะ “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเทือกเขาอยู่ลูกหนึ่ง ด้านในเทือกเขามีวัดอยู่แห่งหนึ่ง แล้วก็ในวัดก็มีพระอยู่รูปหนึ่ง…”
“นิทานหัวข้อนี้แม่เล่าให้หนูฟังหลายรอบแล้ว!” เด็กผู้หญิงหัวเราะคิกๆ
meenovel.com/novel/the-king-of-war/
“ถ้าหากว่าเป็นแบบนั้นพ่อเล่านิทานเกี่ยวกับชายหนุ่มยาจกคนหนึ่งให้ฟังดีไหมขา”
“ดีจ้ะ หนูต้องการฟัง!”
“เมื่อห้าปีกลาย ชายหนุ่มยาจกที่ไม่มีอะไรเลยได้สมรสกับสาวสวยพรั่งพร้อมคนหนึ่ง…”
พวกเขาวิดีโอคอลกันกระทั่งดึกดื่น ในที่สุดระหว่างที่หยางเฉินกำลังเล่านิทานอยู่นั้น เสี้ยวเสี้ยวก็หลับฝันกลางวันไปแล้ว แต่นิทานหัวข้อนี้กลับยังไม่จบ
“ภายหลังที่ชายหนุ่มยาจกคนนั้นจำต้องเจอหน้ากับความตายมานับครั้งไม่ถ้วน สุดท้ายเขาก็ได้ยืนอยู่บนจุดสุดยอดของชายแดนเหนือ พื้นที่ที่นั้นถูกผลิตให้ไม่มีซึ่งศัตรู ก็เลยไม่มีศัตรูที่เข้มแข็งกล้าบุกเข้ามาก่อความไม่สงบอีก แต่ในใจของชายหนุ่มยาจกคนนั้นกลับไม่เคยลืมสตรีที่ตนสมรสด้วย สุดท้ายเขาก็เลยกลับมา”
เรื่องราวทั้งสิ้นก็จบลงเพียงเท่านี้ หยดตาของฉินซีไหลอาบเต็มใบหน้าไปตั้งนานแล้ว
เมื่อถึงเวลานี้หยางเฉินก็เพิ่งจะที่จะใส่ใจได้ว่า เขาได้เผลอเล่าชีวิตการศึกสงครามตลอดห้าปีโดยไม่ทันรู้สึกตัว
“ผมก็แค่เล่านิทานเรื่องหนึ่งเพียงแค่นั้น คุณอย่าร้องไห้สิ”
หยางเฉินมองไปทางฉินซีแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเต็มใบหน้า
หยดน้ำตาของฉินซียังคงไหลไม่หยุด “คุณผ่านวันเวลาพวกนั้นมาทั้งยังอย่างงี้เลยหรอค่ะ”
หยางเฉินเงียบไปในทันทีทันใด แต่ว่าฉินซีก็ได้ทราบคำตอบแล้ว ถึงนิทานจะถูกกระชับเนื้อหาลงไปๆมาๆก แต่ว่าก็ยังคงทำให้คุณรู้สึกได้ว่า ชายหนุ่มยาจกที่เป็นวีรบุรุษในสนามรบคนนั้น ควรต้องอกสั่นขวัญแขวนกับชีวิตที่อยู่บนด้ายอย่างไม่ต้องสงสัย
“วันพรุ่งคุณพอเพียงจะมีเวลาไหมค่ะ” ฉินซีก็พูดโพล่งออกมา
เมื่อมองเห็นหยางเฉินก้มศีรษะ คุณก็รีบกล่าวว่ากล่าว “วันพรุ่งเป็นวันอาทิตย์ เราพาเสี้ยวเสี้ยวไปสวนสัตว์กันดีไหมขา”
“ดีครับผม!”
“พบกันวันพรุ่งนะ ราตรีสวัสดิ์จ้ะ!”
“ราตรีสวัสดิ์”
ภายหลังจากวางสายโทรศัพท์ หยางเฉินก็เดินไปที่ด้านหน้าต่าง แม้กระทั่งตรงเวลาดึกมากแล้ว แม้กระนั้นเขากลับไม่รู้จักสึกง่วงงุนเลยนิดหน่อย เขายืนอยู่เบื้องหน้าต่างบานใหญ่ที่มีความยาวตั้งแต่เพดานถึงพื้น แล้วก็ทอดมองดูไปยังทิวทัศน์ตอนกลางคืนของเจียงโจวที่อยู่ข้างล่าง เว้นแต่ความรู้สึกตัวว่าตัวเองผิดบาปที่อยู่ในใจแล้ว ยังมีแรงกดดันที่หนักหาใดเทียบ
ฉินซีที่อยู่ บ้านเชื้อสายฉินเองก็รู้สึกไม่แตกต่างกัน คุณกอดบุตรสาวไว้ในอ้อมกอดแน่น ทำเช่นไรก็นอนไม่หลับ ในหัวมีแม้กระนั้นเรื่องของชายหนุ่มยาจกคนนั้น
วันต่อมา หัวข้อจำนวนนับไม่ถ้วน รวมถึงสำนักข่าวต่างๆได้กระทำการเผยแพร่ภาพวิดีโอแล้วก็บทความขนาดใหญ่ แม้กระทั่งกระทำใส่เซ็นเซอร์ลงไปแล้ว แต่ทว่าก็ยังคงเปิดเผยให้มองเห็นบริเวณใบหน้าของนักแสดงหลักอย่างเห็นได้ชัด
ข่าวสารฉบับนี้สร้างความสนกระเทือนลางเลือนลั่นไปทั่วทั้งยังเจียงโจว เครือญาติสงมีสถานะเป็นเยี่ยมในสี่เครือญาติแนวหน้าของเจียงโจว รวมทั้งสงเหว่ยก็เป็นหลานชายคนโตของหัวหน้าเชื้อสายสง เพียงแค่คิดก็ทราบได้ในทันทีเลยว่าประเด็นนี้ควรต้องทำให้เกิดผลเสียต่อเครือญาติสงมากแน่นอน
ส่วนทางด้านคฤหาสน์เครือญาติฉิน ภายหลังที่นายท่านฉินมองเห็นข่าวสารนี้ก็แทบเป็นลมเป็นแล้งไปในทันทีทันใด
ขณะเดียวกันนั้นเอง ก็มีคนคนหนึ่งรีบเร่งวิ่งเข้าไปในห้องของนายท่านฉิน ก่อนที่จะกล่าวอย่างกระวนกระวาย “หัวหน้านะครับ ห่วยแล้ว คนจากศาลมาถึงแล้ว ปรารถนาวิเคราะห์เพื่ออายัดคฤหาสน์เครือญาติฉินของเรา รวมทั้งยังให้เราทั้งหมดทั้งปวงออกไปจากที่นี่ พูดว่าภายหลังจากนี้จำเป็นจะต้องนำไปเข้าประมูลเพื่อใช้หนี้สิน!”
“อะไรนะ”
นายท่านฉินฉับพลันลุกขึ้นยืนมา แต่ทว่าเพิ่งยืนก็รู้สึกเสมือนเลือดในกายกำลังหมุนขึ้นลงไปๆมาๆ โรคหัวใจกำเริบเสิบสานในทันที
“หัวหน้า!”
เหล่าขี้ข้าตะเบ็งออกมาด้วยเสียงอันดัง ถ้าหากไม่ใช่เป็นเนื่องจากได้รับการดูแลและรักษาทันการ ตอนนี้เขาคงจะกลับไปสู่บ้านเก่าไปแล้ว
เมื่อนายท่านฉินรู้สึกตัว เขาก็ตะคอกออกมาอย่างโกรธ “รีบไปถ่ายทอดคำบัญชาหัวหน้าเครือญาติ ไล่ฉินเฟยออกจากเครือญาติฉิน แต่นี้ต่อไปไม่อนุญาตให้เขาเหยียบเข้ามาในเครือญาติฉินแม้กระทั้งก้าวเดียว!”
ทางด้านเครือญาติสง ชายแก่ผมขาวในชุดถังกำลังอ่านรายงานบนหนังสือพิมพ์ ก่อนที่จะสั่นเทิ้มเทิ้มด้วยความโมโห
แล้วก็ข้างกายเขาก็คือเด็กหนุ่มอายุราวๆสามสิบปีที่กำลังยืนสั่นเทิ้มระริกอยู่
“เผียะ!”
ชายเฒ่าผมขาวฟาดฝ่ามือลงบนบริเวณใบหน้าของหนุ่มน้อยอย่างแรง แล้วต่อจากนั้นก็ตะเบ็งออกมาอย่างขุ่นเคืองว่า “สวะเปรอะเปื้อน! มองเรื่องดีงามที่มึงทำไว้เหล่านี้สิ จากนี้อย่าว่าแต่ว่าเจียงโจวเลย จนถึงทั้งยังจิ่วโจวก็รู้กันหมดแล้ว เอ็งจะให้ฉันเอาหน้าแก่ๆนี้ไปไว้ตรงกันข้ามอีก”
“ตึง!”
สงเหว่ยกลัวกระทั่งแข้งขาทั้งสองข้างเหน็ดเหนื่อยไปหมด เขายอตัวลงโดยทันที ก่อนที่จะร้องไห้วิงวอนว่า “ปู่ครับผม ผมเองก็ถูกทำร้ายแบบเดียวกัน ล้วนเป็นด้วยเหตุว่าไอ้หยาบช้าคนนั้น เขาวางยาแล้วขังเราไว้ร่วมกัน”
“มันเป็นใครกันแน่” ชายแก่ผมขาวกล่าวอย่างโกรธ แน่ๆเขาย่อมทราบว่าสงเหว่ยมิได้เป็นคนทำเรื่องเหล่านี้ด้วยตัวเอง
สงเหว่ยกัดฟัน “มันชื่อว่าหยางเฉิน เป็นเขยแต่งเข้าของเครือญาติฉิน”
“เขยแต่งเข้าตัวเล็กๆของเครือญาติฉินก็ยังจัดแจงมิได้ เป็นสวะที่ไร้ประโยชน์จริงๆ” ชายแก่ผมขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เมื่อได้ยินดังต่อไปนี้ สงเหว่ยก็ตกอกตกใจจนกระทั่งหน้าซีด ก่อนที่จะรีบบอกออกมาว่า “ปู่ไว้วางใจเถิดครับผม ความเสื่อมชื่อเสียงในคราวนี้ผมควรต้องตอบสนองคืนมันด้วยตัวเอง ทำให้มันได้ทราบซึ้งถึงผลที่ตามมาจากการลงมือกับคนของเชื้อสายสงอปิ้งผม”
