The king of War - ตอนที่ 58 แม่ยายถูกทำร้าย

อ่านนิยาย The king of War บทที่ 58 ออนไลน์
มองฟางเยว่กับหยางเวยที่เดินจากไป หญิงสาวแต่ละคนต่างก็นิ่งเฉยกันไปหมด
ผ่านไปครู่ใหญ่ โจวยู่มักง่ายถึงได้พูดกล่าวว่า “เกิดคาดเลย ว่าเกลอหยางที่เป็นคุณชายใหญ่ของเชื้อสายผู้ดี จะยกย่องผู้ใหญ่ขนาดนี้ เป็นเด็กวัยหนุ่มที่ไม่เลวเลยจริงๆ”
“ม่าม้าขา ม่าม้าทำอะไรอยู่กันแน่ ?” ฉินยีจ้องมองโจวยู่มักง่ายแล้วบอกอย่างโกรธเกรี้ยว
ขนาดคุณเองก็ยังทนมองถัดไปไม่ไหว ไม่ว่าจะบอกเช่นไร ฟางเยว่กับหยางเวยก็เป็นคนรักกัน แต่ว่าแม่ตนเองกลับแย่งซีนเฉพาะหน้าแฟนสาวของผู้อื่น
หัวข้อสำคัญก็คือ เพศชายคนนั้นช่างเป็นผู้ที่หน้าซื่อจิตใจคดเป็นที่สุด The king of War มีคนรักอยู่แล้ว แต่ว่าสายตากลับมัวแต่จ้องไปที่เพศหญิงคนอื่นๆ
“ยัยลูกคนนี้ เพราะอะไรบอกกับต้นฉบับนี้ ? ที่ฉันทำอย่างนี้ ก็เพื่อลูกไม่ใช่หรือไร ? นี่ลูกอายุเท่าใดแล้ว แฟนสักคนก็ยังไม่มี แม่ก็แค่หวังอยากที่จะให้ลูกได้สมรสกับคนมั่งมีชีวิตจะได้มีความสุขยังไง !”
โจวยู่มักง่ายพูดพึมพำ “มองลูกสิ พบผู้ที่สมควรก็ไม่ยินยอมรุก ยังจำเป็นต้องให้คนเป็นแม่จำต้องออกหน้าแทนอีก”
“แม่ค่ะ หนูพึ่งจะยี่สิบสาม เพราะเหตุใดพอใช้ยินจากที่แม่บอกแล้ว ถึงได้ดุจว่าหนูอายุสี่ห้าสิบ กระทั่งไม่มีคนซื้อแล้วเลย อีกอย่าง ผู้ใดกันแน่ให้แม่เป็นคนออกหน้ากัน ? ไอ้ชั่วช้าเมื่อตะกี้ เพียงแค่มองเห็นก็ทราบแล้วว่าไม่ใช่ของดี” ฉินยีกล่าวอย่างหงุดหงิด
“ลูกอย่าพูดจาไปเรื่อยๆ เกลอหยางเคารพนับถือผู้ใหญ่ เป็นคุณธรรมอันดีเลิศ เพราะเหตุใดพอเพียงอยู่ในสายตาลูก กลายเป็นของไม่ดีไปได้ ? หรือลูกต้องการจะหาพวกไร้ประโยชน์อย่างหยางเฉิน ถึงจะพึงพอใจหรือไร ?” โจวยู่มักง่ายเตือนฉินยี แล้วยังไม่ลืมเลือนที่จะดูถูกหยางเฉินไปด้วย
ฉินยีตอบโต้กลับไปในทันที “ไอ้เลวโน่นมีคู่รักอยู่แล้วแท้ๆแต่ว่าตั้งแต่เดินเข้าประตูมา สายตาก็มัวแต่จ้องมองมาที่ตัวฉันกับพี่ไม่หยุด ไอ้ต่ำช้าแบบงั้นพอเพียงเทียบกับพี่เขยแล้ว ก็เป็นเพียงแค่เศษสวะแค่นั้นล่ะ”
“เพี้ย !”
โจวยู่ชุ่ยๆตบโต๊ะแล้วยืนขึ้น
meenovel.com/novel/the-king-of-war/
“ยัยลูกคนนี้ คิดจะต้านสรวงสวรรค์หรือไร ? คิดจะขัดขืนกับฉันใช่ไหม ?”
คุณชี้นิ้วไปทางหยางเฉิน ดูฉินยีแล้วกล่าว “ไอ้คนไร้ประโยชน์นี่ มีส่วนไหนที่เทียบเคียงเกลอหยางได้กัน ?”
“เว้นเสียแต่ชาติกำเนิดที่ดียิ่งกว่าพี่เขยแล้ว ยังมีอะไรที่ดีมากยิ่งกว่าพี่เขยอีก ?” ฉินยีถกเถียงอย่างไม่ยินยอมยอมตาม
หยางเฉินใบหน้าใสซื่อ พวกคุณสองแม่ลูกจะทะเลาะกัน ก็อย่าลากตนเองเข้าไปเกี่ยวด้วยได้ไหม ?
“เอ็ง เอ็ง เอ็งยัยลูกตัวการ ฉันไม่บอกกับมึงแล้ว !” โจวยู่ชุ่ยๆเอ็งอยู่ครู่ใหญ่ แม้กระนั้นก็อึ้งแล้วว่ายังมีจุดไหนอีก ที่หยางเวยจะดีไปกว่าหยางเฉิน
พอเพียงมองเห็นโจวยู่ชุ่ยๆยอมอะลุ้มอล่วยแล้ว ฉินยีก็ทำสีหน้าท่าทางภูเขาไม่อกกระหยิ่มใจ เจตนาหันไปดูหยางเฉินแล้วกล่าวว่า “พี่เขยขา ฉันบอกเรื่องดีๆของพี่ไปตั้งมากขนาดนี้ จัดว่าพี่ค้างพระคุณฉันกาลครั้งหนึ่งแล้วนะ !”
หยางเฉินแสร้งซื่อ พวกคุณทะเลาะกัน แล้วเพราะเหตุใดจนกว่าจะถึงที่สุดแล้ว กลายเป็นว่าตนเองค้างพระคุณอีกล่ะ ?
“เกลอยี คุณก็ทราบนิสัยของแม่ดี เพราะเหตุไรถึงยังไปโต้เถียงกับแม่อีก ?” จนถึงในช่วงเวลาที่โจวยู่มักง่ายออกไปเข้าส้วมแล้ว ฉินซีถึงได้พูดเตือนขึ้นมา
ฉินยีกลอกลูกตาดูบน “พี่ค่ะ ฉันทำไปก็เพื่อเปลี่ยนแปลงแปลกภาพลักษณ์ของผัวพี่ในสายตาของแม่ไม่ใช่หรือไร ?”
พอใช้ยินคำว่า “ผัวพี่” จากปากฉินยีแล้ว ฉินซีก็หน้าแดงขึ้นมาโดยทันที แล้วบอกอย่างขัดเคืองว่า “คุณเปลี่ยนภาพลักษณ์ของเขาก็จริง แต่ ทำให้ท่านแม่ยิ่งไม่ชอบใจเขาเข้าไปใหญ่น่ะสิ”
มีสีหน้าท่าทางตกใจ
อีกด้าน ภายหลังที่หยางเวยออกไปจากห้องส่วนตัวแล้ว ฟางเยว่ก็รีบตามออกไปโดยทันที
“พี่หยาง ฉันสำนึกผิดแล้ว พี่มอบโอกาสฉันอีกทีเหอะนะ ได้ไหมค่ะ ?” ฟางเยว่ยังไม่ยินยอมวางมือ
ดวงตาของหยางเวยมีประกายแสงสว่างวาบผ่าน แล้วจู่ๆก็ปริปากกล่าวขึ้น “ให้ฉันเปิดโอกาสคุณอีกรอบ ก็ใช่ว่าจะมิได้หรอกนะ แต่ ต่อแต่นี้ไปคุณจำเป็นที่จะต้องเชื่อฟังฉัน มิเช่นนั้น ก็ไสหัวไปได้เลย !”
“ได้ ฉันจะเชื่อฟังพี่ พี่จะให้ฉันทำอะไรฉันจะสัญญาทั้งหมดทั้งปวง” ฟางเยว่ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ตอบตกลงไปในทันที คุณเพียงต้องการแต่งเข้าเชื้อสายหยางเพียงแค่นั้น
“หากคุณมีแนวทางลากหนึ่งในสตรีสองคนนั้น มาขึ้นเตียงฉันได้ ฉันจะสัญญาให้คุณแต่งเข้าเชื้อสายหยาง” สายตาทั้งสองของหยางเวยหยีลงน้อย
“อะไรนะ ?” ฟางเยว่ตะลึงงันไปในทันทีทันใด
การได้อยู่ร่วมกันในเวลาที่ผ่านมา หยางเวยไม่เคยเปิดเผยให้มองเห็นด้านนี้ของเขามาก่อน
เมื่อครู่ตอนที่อยู่ในห้องอาหารเขาตบคุณ แล้วกล่าวว่าจะเลิกร้าง ในตอนนี้ยังบอกคำเรียกร้องที่มากเหลือเกินอย่างนี้ออกมาอีก ทำให้หัวใจของฟางเยว่เจ็บอย่างมากมาย
“ถ้าหากต้องการเป็นเมียของหยางเวยคนนี้ ก็จำเป็นต้องทรหดอดทนต่อสิ่งกลุ่มนี้ให้ได้ แน่ๆ ฉันเองก็มิได้บังคับคุณ ถ้าเกิดไม่เต็มใจ ก็ตามมันเหอะ เพียงแค่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ระหว่างเราก็จัดว่าจบสิ้นกันแล้ว” หยางเวยมีความคิดเห็นว่าสีหน้าท่าทางของฟางเยว่เต็มไปด้วยความสับสน เลยพูดเชือนแชขอบอีกประโยคหนึ่ง
ฟางเยว่ไม่บอกอะไร ในหัวเต็มไปด้วยภาพเปรียบระหว่างชีวิตเดี๋ยวนี้กับชีวิตภายหลังจากแต่งเข้าบ้านคนมั่งมี ครู่ใหญ่ ท้ายที่สุดคุณก็รับรองความนึกคิดที่อยู่ในหัวได้ แล้วบอกด้วยสีหน้าท่าทางเป็นจริงเป็นจัง “พี่หยาง ฉันไม่ต้องการเลิกกับพี่ ในเมื่อพี่ต้องการจะนอนกับพวกเธอ ฉันก็จะช่วยพี่เอง”
“นี่สิถึงจะเป็นความคิดที่หลักแหลม แต่คุณไว้วางใจเถิด ฉันเพียงแค่ต้องการเล่นกับพวกคุณเพียงแค่นั้น ผู้ที่แต่งเข้าเครือญาติหยางของฉันได้ ต้องเป็นคุณแค่นั้น” จู่ๆหยางเวยก็กลับไปเป็นเสมือนตอนต้นที่พึ่งอยู่ร่วมกันกับฟางเยว่
ณ ห้องอาหารซูจักจี้ ข้างในห้องส่วนตัว
ฉินซีดูเวลา แล้วกล่าวอย่างวิตกกังวลน้อยว่า “แม่ออกไปเกือบจะยี่สิบนาทีแล้ว เพราะเหตุไรยังไม่กลับมาอีก ?”
ฉินยีเองก็เริ่มหนักใจขึ้นมา ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “ประเดี๋ยวฉันออกไปดูเอง”
พึ่งเดินออกมาจากห้องส่วนตัว ฉินยีก็มีความเห็นว่าเบื้องหน้าประตูห้องสุขาที่อยู่ไม่ไกลนั้น มีผู้คนยืนกลุ้มรุมอยู่เยอะมาก แถมยังมีเสียงคนทะเลาะกันดังมาจากทางนั้น
“นังหญิงชั่วช้า กล้าตบฉันหรอ ทราบไหมว่าฉันเป็นใครกันแน่ ?” จู่ๆเสียงของโจวยู่ชุ่ยๆก็ดังขึ้น
พอใช้ยินเสียงของโจวยู่มักง่าย ฉินยีก็นิ่งเฉยไปโดยทันที แล้วรีบบอกกับผู้ที่อยู่ภายในห้องส่วนตัวว่า “พี่เขย รีบออกมาเร็ว ม่าม้าถูกคนตบ !”
“อะไรนะ ?” ฉินซีลุกขึ้นยืนในทันที แล้วก็จัดแจงจะออกไปด้านนอก
หยางเฉินรีบลุกขึ้นยืน แล้วกดไหล่ของฉินซีเอาไว้ “เกลอซี คุณอยู่เป็นเพื่อนเสี้ยวเสี้ยวตรงนี้เหอะ ประเดี๋ยวฉันออกไปดูเอง”
สีหน้าท่าทางของฉินซีบึ้งบางส่วน กัดฟันแล้วบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็รีบไปเถิด ! ถ้าหากม่าม้าเป็นข้างไม่ถูก ก็อย่าไปรังควานผู้อื่น หากแม่เป็นข้างถูกกระทำ ก็จะต้องช่วยทำให้แม่ได้รับความเที่ยงธรรมด้วย”
ฉินซีเองก็รู้จักนิสัยของโจวยู่ชุ่ยๆดี คุณกลับว่าเขาจะไปพบเรื่องบุคคลอื่นก่อน
“ได้ !” หยางเฉินหันหลังเดินออกไปจากห้องส่วนตัว
ในขณะที่หยางเฉินไปถึงที่หน้าส้วมนั้น ก็มีความเห็นว่าโจวยู่มักง่ายกับสตรีอีกคนนั้นกำลังฟัดเหวี่ยงกันอยู่ ฉินยีไม่สนใจปี่สนขุ่ย ตะโกนออกไปคำหนึ่ง “กล้าตบแม่ฉันหรอ สักครู่ฉันจะจัดแจงคุณเอง !”
ฉินยีนั้นช่างกล้าหาญมากมายจริงๆเข้าไปดึงผมของหญิงคนนั้น แล้วตบลงไปหลายที ตบกระทั่งหญิงคนนั้นหน้าหัน
ในขณะนั้นเอง พนักงานที่มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้องอาหารก็วิ่งเข้ามา ดึงหญิงอีกทั้งสามคนให้แยกออกมาจากกัน
โจวยู่มักง่ายผมวุ่น เครื่องแต่งหน้าบนบริเวณใบหน้าก็เปรอะเปื้อนไปหมด บริเวณใบหน้าทางซ้ายมีรอยฝ่ามือ ดูท่าทีน่าสังเวชมากมาย
แม้กระนั้นหญิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นทรุดโทรมมากกว่า มีรอยฝ่ามือบนแก้มทั้งสองข้าง ฉินยีนั้นไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย พุ่งเข้าไปตบอยู่ตั้งหลายที
“ดีนี่ พวกคุณกล้าตบฉัน ใช่ไหม ? คอยฉันไว้ให้ดี ฉันจะไปเรียกคนมาในช่วงเวลานี้” หญิงกลางคนถือโทรศัพท์มากยิ่งขึ้นดโทรออก
ขณะนั้นเองที่ฉินยีมองเห็นบริเวณใบหน้าของหญิงกลางคน แล้วสีหน้าท่าทางก็ยิ่งอยู่ยิ่งทรุดโทรมขึ้นมา
เมื่อครู่คุณมัวแต่คิดจะช่วยแม่ตนเองจัดแจงคนอื่นๆ เลยลืมพิจารณาถึงตัวตนของอีกข้าง
ในตอนนี้เพียงพอรู้จักตัวตนของหญิงกลางคนแล้ว ในใจของคุณก็แอบกล่าวขึ้นว่า “ห่วยแล้ว !”
