meenovel - นิยาย pdf นิยายออนไลน์ หมีโนเวล นิยายจีนแปลไทย novel นิยายวาย
  • HOME
  • ติดต่อโฆษณา
  • นิยาย pdf ล่าสุด
  • อ่านนิยายจีนแปลไทย
  • อ่านนิยายฟรี
  • นิยายจบแล้ว
  • อ่าน the king of war
  • อ่าน Amazing Son in Law
Advanced
  • HOME
  • ติดต่อโฆษณา
  • นิยาย pdf ล่าสุด
  • อ่านนิยายจีนแปลไทย
  • อ่านนิยายฟรี
  • นิยายจบแล้ว
  • อ่าน the king of war
  • อ่าน Amazing Son in Law
Prev
Novel Info

The Second Coming of Gluttony - ตอนที่ 200

  1. Home
  2. The Second Coming of Gluttony
  3. ตอนที่ 200
Prev
Novel Info

ท้องฟ้าได้มิดครึ้ม และปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำจนทำให้บรรยากาศดูมัวหมอง

อากาศยามเย็นได้พัดผ่านผิวหนังให้ความรู้สึกชื้นอบอ้าวจนดูเหมือนกับว่าจะมีฝนหรือหิมะตกลงมาได้ตลอดเวลา

ฮ่าวอวิ่นได้จุดบุหรี่ที่ปากก่อนที่จะยืดห่อขึ้นมา

“เกือบจะหน้าหนาวแล้วสินะ”

หน้าหนาว ซอลจีฮูได้มองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้งหนึ่ง

เขาไม่เคยคิดเรื่องหน้าหนาวในพาราไดซ์เลย ทุกๆครั้งที่เขาเข้ามา เขาจะคิดว่ามันเป็นหน้าร้อนอยู่ตลอดเวลา

พอมาคิดแบบนี้แล้วมันก็ค่อนข้างที่จะไร้สาระดี

“หากว่าไม่ได้เตรียมตัวสำหรับหน้าหนาว มันก็คงจะเป็นความลำบากอันยาวนานเลยล่ะ”

พูดไปแล้วพาราไดซ์คือดาวเคราะห์ เป็นโลกใบหนึ่งจริงๆ มันมีฤดูกาล ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ออกซิเจน มหาสมุทร และมีกระทั่งผู้คนจำนวนมากมายรวมอยู่ด้วยกัน

จู่ๆที่คิดแบบนี้ ซอลจีฮูก็ยิ้มบางออกมา

หากว่าเขาเป็นคนดังบนโลก เขาก็อาจจะได้ประสบการณ์ที่คล้ายๆกันแบบนี้ก็ได้

หากว่าเขากลับไปที่โลก และหาข่าวหรือบทความเกี่ยวกับคนดัง เขาก็คงจะเจอเหตุการณ์ที่คล้ายๆกันกับที่เขาได้เจอนับไม่ถ้วนแน่ และเพราะแบบนี้โลกทั้งสองจึงเหมือนกัน

จะมีความต่างอยู่ก็แค่วิถีชีวิต และวัฒนธรรมเท่านั้นเอง

…ใช่แล้ว

ทั้งพาราไดซ์กับโลก

“นี่คือเหตุผลที่เราจะย้ายฐานปฏิบัติการณ์ เพื่อเตรียมตัวสำหรับหน้าหนาว”

ฮ่าวอวิ่นที่กระชับผ้าพันคอได้เริ่มเดินออกไปตามทางเดิน ซอลจีฮูได้มองดูแผ่นหลังของเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะออกเดินตามไป

“จริงๆแล้ว ฉันเคยคิดว่ามันมีเศษเสี้ยวของความหวังอยู่ ความเป็นไปได้ที่จะหวนคืนความรุ่งเรืองในอดีตกลับคืนมา”

นี่คือเรื่องที่ซอลจีฮูเคยได้ยินบ้างแล้วในก่อนหน้านี้

เมื่อก่อนซันเหอเป็นองค์กร์ที่ได้แข่งขันกับซิซิเลียอย่างดุเดือดในฮารามาร์ค ยังไงก็ตามพวกเขาก็ถูกผลักออกไปจากการแข่งขันเพราะความขัดแย้งภายในที่กระจายไปจนถึงบนโลก

“แต่ว่าในสงครามนี้ ซินเซียได้เผยออกมาแล้วว่าเธอคือผู้บริหาร ฮ่าห์! นักเวทย์ แถมยังเป็นดวงดาวแห่งความเกียจคร้าน แค่แคลร์ แอ็กเนสเราก็สู้ไม่ไหวแล้ว เพราะงั้นตอนนี้ไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่มีทางที่เราจะเหนือกว่าซิซิเลียได้เลย”

ฮ่าวอวิ่นได้พูดออกมาราวกับเยาะเย้ยตัวเอง

“เพราะงั้นเราก็เลยตัดสินใจยอมแพ้ ซิซิเลียเปรียบเทียบได้กับ ‘ราชา’ ในฮารามาร์คไปแล้ว ด้วยเวลาและความพยายามที่เธอได้ลงทุนมันไปกับฮารามาร์คได้ทำให้เธอประสบความสำเร็จในการควบคุมทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของเมือง เว้นก็แต่ว่าเขาจะไปอยู่ใต้ร่มใบของพวกเขา เราก็ไม่อาจจะทำอะไรได้อีกแล้ว”

ฮ่าวฮวิ่นได้พึมพำว่านี่มันมากเกินไปสำหรับพวกเขาที่ครั้งหนึ่งเคยมีอำนาจเท่าเทียมกัน

ซอลจีฮูได้ฟังอยู่เงียบๆโดยไม่คิดอะไรออกมา พร้อมทั้งคิดถึงสิ่งที่ซินเซียเคยพูดกับเขา

[ที่นี่มาเข้าเรื่องเลยนะ หากว่าซันเหอหมายความอย่างที่พูดจริงๆ ถ้างั้นวิธีการสร้างกำไรของพวกเขาก็ไม่น่าจะขัดแย้งกับเรา]

[พวกเขาก็มีกองกำลังสำรองเหมือนกัน นับตั้งแต่ที่เราเข้ามาในพาราไดซ์ และได้ทำหน้าที่เดียวกัน ซิซิเลียก็จะเป็นกำลังใจให้พวกเขาหากพวกเขาไม่ได้ขัดแย้งกับเรา นายเข้าใจทั้งหมดนี่นะ?]

‘นี่คือสิ่งที่เธอจะบอกสินะ’

บางทีฮ่าวอวิ่นอาจจะวางแผนย้ายถิ่นฐานมานานแล้วก็ได้ และเมื่อความลับของซินเซียได้เผยออกมาจึงเป็นการทำให้การตัดสินใจสุดท้ายเกิดขึ้นมา

ซอลจีฮูรู้สึกอิจฉาฮ่าวอวิ่นอยู่เล็กน้อยเมื่อเขาคิดเรื่องนี้

เขาคงจะต้องอยู่ในจุดที่ยากลำบากที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบในการฟื้นฟูซันเหอ และในสถานการณ์นี้ฮ่าวอวิ่นก็ได้ตัดสินใจออกมาอย่างกล้าหาญที่จะล่ะทิ้งฐานที่พวกเขาอยู่เป็นเวลานาน

เขาจะต้องมีความเชื่อมั่นในพลังของกลุ่มที่เขานำอยู่ขนาดไหนกันนะ

ในสถานการณ์ปัจจุบันซอลจีฮูก็หมดหนทางเช่นกัน เขาจะตัดสินใจอะไรแบบนั้นได้ไหมนะ?

“เอาเถอะนะ ฉันก็จะไปนั่นแหละ แต่ว่า…”

ควันสีขาวได้ลอยคลุ้งออกมาจากปากที่ปล่อยลมหายใจออกมาของฮ่าวอวิ่น

“หากว่านายอยู่ในเมืองมันก็คงจะดี”

ซอลจีฮูได้สติกลับมาอีกครั้งหลังจากได้ยินคำพูดนี้

“สำหรับนายแล้ว ฮารามาร์คคือที่ที่ปลอดภัยที่สุดที่นายอยู่ได้แล้ว”

เขาไม่ได้พูดผิดเลย แต่ว่าทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงต่อต้านที่จู่ๆก็ระเบิดออกมา

“สิ่งที่นายกำลังจะพูดคือ…”

ซอลจีฮูได้เพิ่มความเข้มแข็งของน้ำเสียงขึ้นอีก

“นั่นคือหากว่ามีอะไรเกิดขึ้นอีก ฉันก็ควรจะอยู่เฉยๆ แล้วก็แค่ป้องกันตัวงั้นหรอ?”

ฮ่าวอวิ่นได้ชะงักไปจากคำพูดที่กระทันหันนี้ และค่อยๆวางเท้าลง

“พูดตรงๆเลยก็ใช่ นายจะต้องทำเหมือนกับที่ทำในตอนนี้”

เขาได้พูดต่อด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

“อย่าได้คิดว่ามันผิด นี่มันไม่มีทางเลือกอื่น โลกมันก็เป็นแบบนี้แหละ”

“ไม่ ไม่เลย มันไม่ใช่”

ฮ่าวอวิ่นได้ระเบิดหัวเราะออกมาเบาๆกับคำปฏิเสธของซอลจีฮู

“นี่ฉันเจ้ากี้เจ้าการไปสินะ?”

“ไม่ มันไม่ใช่แบบนั้น”

ซอลจีฮูได้ส่ายหัวออกมา และบอกถึงเรื่องราวของบันทึกที่เขาได้อ่าน

“หืมมม”

ฮ่าวอวิ่นได้ฟังอยู่เงียบๆก่อนจะพูดออกมา

“มันก็เป็นทฤษฎีที่น่าสนใจดีนะ ฉันจำได้ว่าไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”

และก่อนที่ซอลจีฮูจะได้พูดว่า ‘อะไรนะ?’ ฮ่าวอวิ่นก็ขัดขึ้นมา

“แต่ไม่ว่าเราจะพูดถึงเรื่องบันทึกในอดีตพวกนั้นยังไงกันตาม มันก็ไม่ได้มากไปกว่าเรื่องราวที่น่านึกถึงหรอกนะ”

“…”

“นั่นเพราะว่าเราจะต้องเปลี่ยนคำๆนี้ มันจะไม่ใช่แค่ ‘เมื่อก่อน’ อีกต่อไป แต่เป็น ‘ตอนนี้’”

ไม่ว่าเมื่อก่อนจะเป็นยังไง แต่ว่าโลกก็ยังเป็นตอนนี้ ความเป็นจริงว่าพาราไดซ์กำลังอยู่กับตอนนี้มันยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่นิด

ฮ่าวอวิ่นได้เดินต่อไป และเดาะลิ้นออกมา

“โลกที่ผู้คนเอาแต่แสวงหาความอิสระและความสำเร็จของตนเอง โยนความชอบธรรม และความรับผิดชอบทิ้งไปหมด เป็นโลกที่ถูกพิษร้ายจากความเห็นแก่ตัว”

ขณะที่ซอลจีฮูหมดคำพูดไป…

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงอากาศเย็นแต่จมูก เขาได้ลูบจมูกโดยอัตโนมัติ จากนั้นก็เห็นหงดน้ำบนมือ และเอียงหัวออกมา

‘หิมะ’

หิมะกำลังตก

หิมะกำลังโปรยปรายลงมาจากบนท้องฟ้า

“…นายพูดถูก”

ซอลจีฮูได้พึมพำออกมาโดยที่มองดูหิมะกำลังโปรยปรายออกมาเหมือนกับเศษกระดาษ

“ฉันมันน่าสมเพช”

“?”

“ฉันสาบานกับตัวเองไว้ว่าจะไม่หนีอีก…”

แต่ในท้ายที่สุดเขาก็กำลังหนีอีกครั้ง เขาต้องหนีไปอีกเท่าไหร่การหลบหนีของเขาถึงจะสิ้นสุดลง?

ฮ่าวอวิ่นได้หยุดก้าวเท้า

“เพราะงั้น?”

“…ทำไมหรอ?”

ฮ่าวอวิ่นได้ถอนหายใจยาวออกมา

“ฉันขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้นะ แต่ว่า- ฉันค่อยๆคิดว่าการคุยกับนายมันเสียเวลา”

เขาได้หันกลับมามองหน้าซอลจีฮู

“การคุยกับนายมันทำให้ฉันนึกถึงเรื่องราวของโจโฉ”

“ฮ่าวอวิ่น?”

“โจโฉที่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงตามคำเชิญของรัฐมนตรีหวังผู้ที่ต้องทนกับการปกครองอันกดขี่ของตั๋งโต๊ะ โจโฉได้ถามพวกเขาว่าการร้องไห้หรือโกรธแค้นมันจะทำให้มีใครฆ่าตั๋งโต๊ะเพื่อพวกเขาไหม มันจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้กันล่ะ”

ซอลจีฮูได้กระพริบตาออกมาอย่างไม่เข้าใจ

“และเมื่อเขาได้รับดาบเจ็ดดาวอันล้ำค่า เขาก็ได้ทำการลอบสังหาร แม้ว่าเขาจะทำล้มเหลว แต่โจโฉก็ไม่ได้ยอมแพ้ และกลับไปที่ฐานทัพก่อนจะยกทัพมา”

“…”

“ซอล… ไม่สิ ซอลจีฮู เพื่อของฉัน”

ฮ่าวอวิ่นได้ค่อยๆเดินเข้ามาหาเขา

“มันเป็นเรื่องดีที่นายจะโกรธกับความพ่ายแพ้ การดูถูกตัวเอง และนึกย้อนถึงสิ่งที่ตัวเองกระทำไปมันก็เป็นเรื่องดีนะ แต่ว่านะ-“

น้ำเสียงของฮ่าวอวิ่นได้ค่อยๆสูงขึ้นมา

“แต่ว่า… มันมีแค่เท่านี้งั้นหรอ?”

ซอลจีฮูได้ยืนอยู่กับที่ และมองฮ่าวอวิ่นที่กำลังเข้ามาใกล้

“ไอ้พวกสารเลวที่ยั่วยุนายที่บาร์ นายไม่อยากจะหาตัวบงการ และบังคับให้พวกมันคุกเข่าหรอ?”

เขาต้องการ

“ไอ้พวกสารเลวที่ลอบโจมตีบุตรแห่งลูซูเรีย นายไม่อยากจะตามรอยไอ้สารเลวพวกนั้น แล้วทำลายพวกมันหรอ?”

เขาต้องการจะทำ

“ไอ้สารเลวที่ล่ะทิ้งหน้าที่ ไม่ได้เข้าร่วมสงคราม การได้เห็นพวกมันชูหัวอย่างภาคภูมิใจมันไม่ทำให้นายรู้สึกขยะแขยงหรอ?”

เขาอยากจะจับหัวของพวกนั้นมาและกระแทกมันกับพื้น

“ไอ้พวกสารเลวที่แอบวางแผนทำล้ายคนอื่นเพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ นายไม่อยากจะรวบรวมพวกมัน แล้วฆ่าทิ้งให้หมดหรอ?”

แน่นอนว่าเขาอยากจะทำ แต่ว่าแค่เขาต้องการทำมันด้วยมือของตัวเองโดยไม่มีใครช่วย

ฮ่าวอวิ่นได้มาหยุดลงตรงหน้าซอลจีฮู เขาได้ถอดแว่นกันแดดออกไป และเก็บเอาไว้ในเสื้อโค้ท ดวงตาเป็นประกายของเขากำลังจ้องมองมาที่ซอลจีฮู

“เพราะงั้นสิ่งที่ฉันอยากจะพูดคือ…”

และฮ่าวอวิ่นได้ถามออกมา

“นายไม่มีความคิดอยากที่จะเป็นราชาหรอ?”

‘ราชา…’

ฮ่าวอวิ่นได้อธิบายถึงทาเซียน่า ซินเซียในฐานะราชา และในความเป็นจริงแล้วแค่พูดถึงชื่อของเธอก็ทำให้ชาวโลกตัวสั่น และหนีไป

เมื่อคิดถึงน้ำหนักอันมหาศาลที่อยู่หลังคำๆหนึ่งแล้ว ซอลจีฮูก็ได้ปิดตาลงอยู่ครู่หนึ่ง และเปิดมันอีกครั้งพร้อมเสียงถอนหายใจยาว

“นายคิดว่าฉัน…”

ฮ่าวอวิ่นได้ขัดเขาคิด

“…ฉันคิดว่านายทำมันได้ไหมน่ะหรอ? อย่าถามเลย มันไม่มีความสงสัยอยู่เลยแม้แต่นิด”

“…”

“มันไม่มีทางที่คนที่เคยทำความสำเร็จอย่าง -สังหารผู้บัญชาการกองทัพปรสิตเป็นแคนแรก- จะไม่มีคุณสมบัติหรอกนะ เพียงแต่ว่ามันจะขึ้นอยู่กับว่านายจะทำหรือไม่ทำเท่านั้นเอง”

เขาจะทำหรือไม่ทำ ซอลจีฮูได้กลายเป็นสับสนขึ้นมา

[นายไม่อาจจะหยุดแค่การคิดหรอกนะ นายจะต้องพูดมันออกมา และแสดงมันผ่านการกระทำ จากนั้นนายถึงจะปกคลุมทีมของนายด้วยกลิ่นและสีสันของมันได้]

[หัวหน้าไม่ใช่คนที่ถูกคนอื่นวางเอาไว้ในตำแหน่งนั้น แต่ว่าหัวหน้าเป็นคนที่อยากจะกลายเป็นหัวหน้าด้วยตัวเอง]

ซอลจีฮูได้มองฮ่าวอวิ่นด้วยสีหน้าเหม่อลอย เขาได้เห็นใบหน้าของเอียนเข้ามาซ้อนทับกัน

ฮ่าวอวิ่นได้เอียงหัวออกมา

“แล้วนายต้องการไหมล่ะ?”

คำพูดของเขาชัดเจนมาก หากว่าซอลจีฮูยังไม่เข้าใจอีก เขาก็คงจะผิดหวัง

สร้างกองกำลัง

กลายเป็นหัวหน้า รวมเพื่อนร่วมทีมที่มีเป้าหมายร่วมกัน และสร้างเป็นองค์กร

จากนั้นก็จับมือกับองค์กรอื่นๆเพื่อปักหลังในเมือง

เมืองที่เขาจะกลายเป็นราชาได้

นั่นคือจุดเริ่มต้นของคลื่นการเปลี่ยนแปลงในพาราไดซ์

ความเงียบที่ไม่มีแม้กระทั่งเสียงหายใจได้เข้าปกคลุม

หิมะได้ตกลงมารอบๆตัวพวกเขาอย่างเงียบๆ มันค่อยๆกองกันสูงขึ้นมาจนย้อนสวนให้กลายเป็นสีขาวก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว หากว่ามันยังตกอย่างนี้โดยไม่หยุด ถ้างั้นทั้งพื้นที่ก็จะต้องกลายเป็นทุ่งหิมะในสักวันหนึ่ง

ซอชจีฮูได้มองไปที่หิมะก่อนจะพูดออกมา

“ที่งานจัดเลี้ยง… ฉันได้คุยกับเทพทั้งเจ็ด ในตอนที่พวกเขาได้ยินสิ่งที่ฉันพูด พวกเขาขำกันออกมา”

ในตอนนั้นมันไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะหัวเราะออกมา

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ในตอนนั้นเขายิ่งผยองขนาดไหนกันทั้งๆที่ไม่ได้รู้ถึงความเป็นไปของโลกเลยด้วยซ้ำ

“ในตอนที่ฉันคุยกับพวกเขา ฉันยังไม่ได้รู้เลยว่าที่นี่เป็นสถานที่แบบไหน…”

งานจัดเลี้ยงเป็นที่อยู่นอกเหนืออิทธิพลของกฎแห่งกรรม เขาก็ไม่อยากจะยอมรับมัน แต่มันคือความเป็นจริง แม้ว่าเขาจะรักในพาราไดซ์ แต่ว่าจากสิ่งที่เขาได้เห็นในแค่สองวันนี้ก็ทำให้เขาหน่ายกับมันแล้ว

แต่ว่าเขาก็ไม่คิดจะวิ่งหนีไปแบบนี้ เขาไม่อยากจะหนีอีกแล้ว

กฎแห่งทองคำกำลังบอกกับเขา

อย่าหยุดตัวเองไว้

เอาคืนไปเหมือนกับที่เขาได้รับมา

และเพื่อที่จะทำแบบนั้น เขาจะต้องมีพลัง เขาต้องการในอำนาจและกองกำลังที่มากยิ่งกว่าที่มีในตอนนี้

ในตอนที่เขาคิดแบบนี้ พลังก็ได้ปรากฏขึ้นในดวงตาเขา

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้ใช้ความสามารถนี้หลังจากที่ความสามารถโดยกำเนิดพัฒนาขึ้น

สีของนพเนตรที่แสดงออกมาจากฮ่าวอวิ่นคือ… สีคราม

บุกเบิกชะตากรรม

ซ่าาาห์!

และซอลจีฮูก็ได้เห็นมันอย่างชัดเจน

อนาคตที่นพเนตรกำลังแสดงมันให้เขาเห็น

มันไม่ใช่มีแค่ฮ่าวอวิ่นในสายตาเขา เขายังเห็นตัวเขาเองกับฝูงชนกลุ่มใหญ่ที่ส่งเสียงเชียร์เขา

ราชา

หัวหน้าที่เป็นผู้นำและปกครองประเทศ

ราชันที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด บัญชาการกองทัพที่น่าสะพรึง และได้รับความเคารพนับถือจากทุกๆคน

ซอลจีฮูคิดยังไงหลังจากเห็นภาพนี้งั้นหรอ?

“…”

ชายหนุ่มยังคงอยู่เงียบ เขาเพียงแค่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสายตาสุขุมก่อนจะค่อยๆหลับตาลงไป

เขาได้เห็นอนาคตอย่างชัดเจน ปัญหาคือเขามีความมุ่งมั่นที่จะทำตามอนาคตนั่นให้สำเร็จหรือเปล่า

เขามีแรงบรรดาลใจ ในตอนนี้เขามีแรงบรรดาลใจพอแล้ว

หากว่าเขาสามารถเลี่ยงไม่ให้ถูกบงการโดยคนที่เขาไม่รู้กระทั่งใบหน้า…

หากว่าเขาสามารถยกย่องสิ่งที่ดี และลงทัณฑ์สิ่งที่ผิด…

หากว่าเขาสามารถทำให้พาราไดซ์กลับไปเป็นเหมือนแต่ก่อน ทำให้เป็นโลกที่ผู้คนจะทำตามบัญญัติทองคำ…

“จริงๆแล้ว…”

หากว่าเขาสร้างโลกแบบนั้นขึ้นมาได้…

ซอลจีฮูได้ลืมตาขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน ดวงตาของเขาได้เปล่งประกายสะท้อนแสงจันทร์ท่ามกลางเกล็ดหิมะจนเป็นเหมือนกับดวงตาที่ชวนฝัน

รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา

“มันฟังดูดีนะ”

และดั่งเช่นที่ฮ่าวอวิ่นได้เผยความคิดออกมา-

“การกลายเป็นราชา”

ซอลจีฮูก็ได้ประกาศออกมาอย่างมั่นใจเช่นกัน

“…ใช่ไหมล่ะ?”

ฮ่าวอวิ่นได้เผยรอยยิ้มสดใสออกมา

และในเวลาเดียวกันแสงสีครามที่โอบล้อมรอบตัวเขาก็ได้ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีใหม่ที่เปล่งประกายสีเหลือทอง

“ใช่แล้ว”

ติดตามต่อได้ที่ meenovel.com

ฮ่าวอวิ่นได้ยกมือที่กำลังเปล่งประกายสีทองขึ้นมา และวางมันลงบนบ่าของซอลจีฮู

“นี่แหละคือสิ่งที่ฉันอยากได้ยิน”

Prev
Novel Info

Comments for chapter "ตอนที่ 200"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

YOU MAY ALSO LIKE

hmryuft
World of Warcraft ราชันต่างภพ
24 ธันวาคม 2022
hbgf
Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์
29 มีนาคม 2023
gbvfv
Gate of God
10 มีนาคม 2023
ke67jtsy
อยากกินไหมล่ะ
24 ธันวาคม 2022
ads

    © 2017 Madara Inc. All rights reserved