ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - ตอนที่ 113

ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 113 ให้เกียรติมาเป็นครั้งที่สอง
ถ้าหากว่าเป็นตายไม่รู้จริงๆ ด้วยกลอุบายของจวินหวาเทียนไม่น่าจะเสียชีวิตเร็วขนาดนี้ เขาเคยเป็นบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกที่สามารถเทียบได้กับองค์องค์รัชทายาท ถ้าหากไม่ใช่เพราะจวินหวาเทียนไม่มีความปรารถนาต่อบัลลังก์ เกรงว่าตำแหน่งองค์รัชทายาทในตอนนั้นก็คงไม่ไปตกอยู่ที่จวินลี่เปิ่นแล้ว
และก็เป็นเพราะจวินหวาเทียนไม่ได้มีความปรารถนาต่อบัลลังก์ ดังนั้นเบื้องหน้าจวินฉีเซิ่งถึงได้ทำเป็นปล่อยจวินหวาเทียนให้มีทางรอดในเวลานั้น ทั้งหมดนี้ก็เพื่อชื่อเสียงของเขาทั้งนั้น เบื้องหลัง น่าจะยังแอบลอบทำร้ายจวินหวาเทียนอยู่
น่าเสียดายที่ตอนนั้นนางถูกปิดหูปิดตา คิดเสมอว่าถึงแม้จวินฉีเซิ่งจะมีความทะเยอทะยาน แต่จะไม่ทำเรื่องไร้มโนธรรมเช่นนี้ ยิ่งจะไม่ใส่ร้ายป้ายสีตระกูลมู่หรงของนางอย่างตัดสายสัมพันธ์เช่นนี้
เมื่อนึกถึงการฆ่าล้างตระกูลในตอนนั้น ไม่รู้ว่าท่านพ่อกับพี่ชายตายไปด้วยใจแบบไหน และจวินฉีเซิ่งก็ขึ้นครองบัลลังก์ด้วยรอยยิ้มอย่างไร
เพียงแค่คิดถึงตรงนี้ หัวใจของกู้ชิวเหลิ่งก็เหมือนกับถูกดึงขึ้นมา ความโกรธที่อยู่ในใจไม่สามารถสงบลงมาได้เลย มือที่กำเอาไว้แน่นของกู้ชิวเหลิ่งมีเลือดไหลล้นออกมาแล้ว ความเจ็บปวดจากฝ่ามือแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย มีเพียงความเจ็บปวดแบบนี้ ถึงจะสามารถทำให้นางจุดไฟแห่งแก้แค้นขึ้นมาใหม่ได้ ตอนนั้นนางได้รับความอัปยศอดสูจนตายอย่างไร ท่านพ่อกับพี่ชายถูกประหารอย่างกล้ำกลืนความไม่ธรรมอย่างไร วันหน้านางก็จะให้มู่หรงอี๋กับจวินฉีเซิ่งชดใช้เป็นร้อยเท่าพันเท่า! ถึงแม้ทั้งสองคนจะถูกประหารโดยการแล่เนื้อเฉือนหนังออกมาทีชิ้นทีละชิ้น ในใจของนางก็ยังคงเต็มไปด้วยความโกรธอยู่ดี
จูเอ๋อร์สวมเสื้อชั้นในตัวหนึ่ง ขยี้ตา แล้วเดินเข้าประตูมา: “คุณหนู ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะเจ้าคะ?”
เมื่อจูเอ๋อร์เห็นสีแดงสดเล็กน้อยบนมือของกู้ชิวเหลิ่ง ก็ตื่นจากความงัวเงียทันที: “คุณ…คุณหนู! มือของท่านทำไมถึงมีเลือดไหลออกมาอีกแล้ว!”
จูเอ๋อร์รีบร้อนหยิบผ้าพันแผลออกมาจากตู้ นางพบว่าตั้งแต่คุณหนูของตัวเองถูกช่วยขึ้นมาจากสระบัวแล้ว มักจะมีนิสัยที่ชอบทำร้ายตัวเอง ฝ่ามือจะมีเลือดออกแทบจะทุกสองสามวัน เล็บที่กว่าจะงอกออกมาก็จะหักใหม่อีกครั้ง
กู้ชิวเหลิ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ ปล่อยให้จูเอ๋อร์ทำแผลให้นางไป
วันนี้แสงจันทร์สว่างไสว ถ้าหากจวินหวาเทียนยังอยู่ เวลานี้ก็น่าจะมองดูพระจันทร์เช่นกัน
ในวันรุ่งขึ้น ผ้าขาวและผ้าบางขาวทั้งหมดของจวนกู้โหวล้วนถูกถอดลงมาหมดแล้ว ฟ้ายังไม่ทันสว่าง หน้าประตูของจวนกู้โหวก็มีรถม้าที่หรูหรามาจอดคันหนึ่งแล้ว
หลิวเล่าฮูหยินยืนอยู่ที่หน้าประตู แล้วกระทุ้งไม้เท้า บ่าวรับใช้ชายที่เฝ้ายามและกำลังสะลึมสะลือง่วงนอนสองคนตอบสนองกลับมาในทันที พวกเขาไม่ได้ไม่รู้จักหลิวเล่าฮูหยิน ตรงกันข้าม ครั้งก่อนตอนที่หลิวเล่าฮูหยินมาก็เป็นเวรของพวกเขาพอดี พวกเขาเห็นท่าทางที่ตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูกของพ่อบ้าน เวลานี้ก็ไม่กล้าละเลย แต่ยังไม่ทันที่ยามเฝ้าประตูสองคนจะเอ่ยปากสอบถาม แม่นมหลิวที่อยู่ข้างกายของหลิวเล่าฮูหยินก็มายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว กล่าวว่า: “นี่คือเล่าฮูหยินของฉินกั๋วกง พวกเจ้ายังต้องเข้าไปรายงานอีกหรือ?”
“นี่……ข้าน้อยก็เพียงแต่จะปฏิบัติตามกฎเท่านั้น……”
หลิวเล่าฮูหยินยิ้มเยาะเย้ยออกมา: “ช่างเป็นการปฏิบัติตามกฎที่ดีจริงๆ ตอนนี้เขากู้หนานเฉิงไม่ใช่นักรบคนหนึ่งแล้ว ข้าย่อมต้องรออยู่ที่หน้าจวนท่านกู้โหวเย๋ของเขา เจ้าหมายความว่าอย่างนี้ใช่ไหม?”
บ่าวรับใช้ชายรีบร้อนคุกเข่าบนพื้นแล้วคารวะโดยเอาหน้าผากแตะพื้น กล่าวว่า: “ถึงแม้ข้าน้อยจะมีความกล้าหาญมากมายขนาดไหนก็ไม่กล้าที่จะคิดเช่นนั้น!”
หลิวเล่าฮูหยินขยิบตาให้กับแม่นมหลิว แม่นมหลิวเข้าใจในทันที กล่าวว่า: “เมื่อเป็นเช่นนี้ ยังไม่ถอยออกกันไปอีก!”
“ข้าน้อย……ข้าน้อยรับคำสั่ง……”
บ่าวรับใช้ชายที่เฝ้ายามรีบร้อนกล่าวขึ้นมา: “เวลานี้นายท่านยังไม่ตื่น รีบไปเรียกพ่อบ้านเร็ว!”
“ได้! เจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่นะ!”
ในตอนที่พ่อบ้านรีบวิ่งไปให้ถึงห้องนอนของกู้หนานเฉิงก่อนหน้าหลิวเล่าฮูหยินอย่างโซซัดโซเซ ก็เห็นกู้หนานเฉิงกับเอี้ยนซานเหนียงนอนอยู่บนเตียง เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่แล้ว เขายังไม่เคยเห็นนายท่านของตัวเองรวมรักกับอี๋เหนียงในตอนเช้ามาก่อน
กู้หนานเฉิงปกป้องเอี้ยนซานเหนียงเอาไว้ก่อนจริงๆ จากนั้นก็กล่าวด้วยความโกรธ: “ใครใช้ให้เจ้าเข้ามากัน! ไสหัวออกไปเลย!”
พ่อบ้านคุกเข่าอยู่บนพื้นไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา: “นายท่าน! หลิวเล่าฮูหยินบุกเข้ามาแล้ว!”
ใบหน้าของกู้หนานเฉิงเต็มไปด้วยความตกตะลึง: “หลิวเล่าฮูหยินของจวนฉินกั๋วกง? นางมาทำไมกัน!”
ทันทีที่เสียงหยุดลง ก็ได้ยินแม่นมหลิวที่อยู่ข้างกายของหลิวเล่าฮูหยินตะโกนกล่าวว่า: “หลีกไปให้หมด! ไปให้พ้น!”
กู้หนานเฉิงพลิกตัวลงมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเอี้ยนซานเหนียงมีรอยยิ้มที่สังเกตเห็นได้ยากแวบผ่านไปเล็กน้อย จงใจรวบเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวขึ้นมา แต่กลับยังเผยหน้าอกหน้าใจที่ขาวอวบอิ่มออกมาครึ่งหนึ่ง
กู้หนานเฉิงกล่าวอย่างเคารพนบนอบ: “ไม่ทราบว่าเล่าฮูหยินมา ไม่ได้ออกไปต้อนรับช่างเป็นการเสียมารยาทจริงๆ”
หลิวเล่าฮูหยินก้าวเท้าเข้ามาข้างหนึ่ง ก็เห็นใบหน้าที่งดงามแพรวพราวไปด้วยเสน่ห์ของเอี้ยนซานเหนียง สีหน้ายังคงแดงระเรื่อ เรือนร่างอวบอิ่ม ราวกับนางฟ้าตนหนึ่ง
หลิวเล่าฮูหยินรู้สึกโกรธขึ้นมาในทันที กล่าวว่า: “ชีวิตของท่านกู้โหวเย๋สบายกว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียอีก หลังจากได้สาวงามมาอยู่ในอ้อมแขนแล้ว เกรงว่าคงจะไม่สนใจเมียที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาแล้วใช่ไหม!”
“นี่……นี่เป็นเรื่องในบ้านของหนานเฉิง”
“เรื่องในบ้าน? เช่นนั้นก็ดี ข้ารู้มาว่าเซียงเหลียนไม่สบาย ดังนั้นวันนี้จึงสั่งให้คนยกเกี้ยวมาโดยเฉพาะ จะพาเซียงเหลียนกลับไปพักฟื้นที่จวน แล้วก็หลานสาวที่น่าสงสารของข้าคนนั้น ในเมื่อไม่สามารถมีงานศพที่ยิ่งใหญ่ เช่นนั้นก็รอหลังจากที่งานมงคงสมรสของสองแคว้นเสร็จสิ้นแล้ว มีตระกูลฉินเราเป็นผู้ฝังศพ! ต่อไปก็แซ่ฉิน ไม่แซ่กู้อย่างเด็ดขาด!”
สีหน้าของกู้หนานเฉิงดำมืดลงมาในทันที กล่าวว่า: “เล่าฮูหยินทำเช่นนี้ ต่อไปยังจะให้หนานเฉิงปฏิบัติตนในเมืองหลวงอย่างไร?”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า? รับสนมนางโลมที่ต้อยต่ำมาคนหนึ่งก็ช่างเถอะ สงสารเซียงเหลียนของข้าต้องทนรับเจ็บปวด เหตุใดข้าต้องให้เจ้าอยู่สบายด้วย!”
หลิวเล่าฮูหยินสร้างปัญหาไม่น้อย กู้หนานเฉิงก็ยิ่งขี่หลังเสือแล้วลงยาก ตอนแรกก็ถูกตระกูลฉินพาลูกสาวไปครั้งหนึ่ง ในเมืองหลวงก็มีข่าวลือวิพากษ์วิจารณ์กันแล้ว จากนั้นก็มาจะพาภรรยาที่แต่งงานด้วยเป็นคนแรกไปอีก ในตระกูลใหญ่ของเมืองหลวงนี่ถือเป็นครั้งแรกเลย แล้วถ้าหากมันถูกแพร่ออกไป ชื่อเสียงของเขาก็ถูกผลักดันไปสู่กระแสลมปากอันแหลมคมโดยสิ้นเชิง
เอี้ยนซานเหนียงจงใจยกชาถ้วยหนึ่ง เดินไปทางหลิวเล่าฮูหยิน กล่าวขึ้นมาอย่างอ่อนโยน: “เล่าฮูหยินโปรดระงับความโกรธ หนานเฉิงไม่ได้มีเจตนาเมินเฉยฮูหยินใหญ่ เป็นเพราะว่า……”
“เพียะ—-!”
หนึ่งฝ่ามือที่ดังชัดเจนตบไปบนหน้าของเอี้ยนซานเหนียง เอี้ยนซานเหนียงล้มลงไปบนพื้นไปตามสถานการณ์ มองดูหลิวเล่าฮูหยินอย่างน้ำตาคลอเบ้า กล่าวขึ้นมาอย่างน้อยใจ: “เล่าฮูหยิน……”
กู้หนานเฉิงเห็นสนมรักถูกตบลงไปบนพื้นโดยไร้เหตุผล รีบร้อนเข้าไปอยากจะประคองขึ้นมา แต่ว่าเพิ่งจะแตะแขนของเอี้ยนซานเหนียง ก็ได้ยินหลิวเล่าฮูหยินกล่าวเยาะเย้ยถากถาง: “ข้าไม่เคยดื่มชาที่ผู้หญิงจากหอนางโลมยกมาให้ เจ้าเก็บแรงเอาไว้เถอะ ก็แค่ผู้หญิงที่ใครก็เป็นสามีนางได้คนหนึ่ง เซียงเหลียนของข้าสูงส่งกว่าเจ้าไม่รู้เท่าไหร่ ต่อไปขอให้เจ้าปฏิบัติตามหน้าที่ของตัวเองไม่ออกนอกลู่นอกทาง ในเมื่ออยู่ในจวนแห่งนี้ ก็ต้องเรียกสามีของตัวเองว่านายท่าน มิเช่นนั้นครั้งต่อไป ท่านกู้โหวเย๋แข็งใจตีเจ้าไม่ลง ข้าก็จะสั่งสอนเจ้าแทนเขาเอง!”
“หลิว……”
กู้หนานเฉิงใกล้จะถึงเส้นขอบการบันดาลโทสะแล้ว กำลังอยากจะเรียกชื่อจริงของหลิวเล่าฮูหยิน ก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาดังมาจากประตู: “เล่าฮูหยิน จำเป็นต้องทำเช่นนี้ด้วยหรือ?”
หลิวเล่าฮูหยินหันหน้าไปมอง ก็เห็นกู้ชิวเหลิ่งเดินเข้ามา กล่าวด้วยสีหน้าท่าทางไม่พอใจ: “ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นคุณหนูรองบุตรีอนุภรรยาที่ร่ำลือกันไปทั่วเมืองหลวงนี่เอง”
