ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - ตอนที่ 25

ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 25 คำพูดมีแต่คำโกหก
เมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง ตัวของฮูหยินใหญ่กระตุก ตลอดมานางไม่เคยทนต่อความโกรธของกู้หนานเฉิงได้เลย ครั้งที่แล้วที่กู้หนานเฉิงโกรธ คือตอนที่อี๋เหนียงสามเสียชีวิต แต่ตอนนั้นกู้หนานเฉิงไม่ได้ลงอารมณ์โกรธมาที่ตัวนาง แต่ลงกับตัวของเขาเอง
กู้หนานเฉิงขว้างภาพวาดลงบนพื้น ภาพวาดอยู่ใต้ฝ่าเท้าของฮูหยินใหญ่ ใบหน้าอันงดงามราวกับนางฟ้าของอี๋เหนียงสามแสดงให้เห็นอยู่ตรงนั้น เพียงแต่ข้างบนนั้นเขียนบทกวีที่แสดงคำดูถูกและใบหน้าที่ถูกทำให้แปดเปื้อนเอาไว้
ร่างกายของฮูหยินใหญ่อ่อนแรงอยู่ในอ้อมแขนของกู้ชิวเซียง กล่าวตัดออกมาอย่างตรงไปตรงมาว่า:”นายท่าน ข้าอยู่เคียงข้างกายท่านมานานขนาดนี้ ไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อท่านเลยสักครั้ง! ข้าคลอดถางเอ๋อร์และเซียงเอ๋อร์ให้ท่าน ดูแลทั้งจวนกู้โหวให้ท่าน ตระกูลฉินของข้าคอยช่วยท่านในราชสำนักมานานหลายปีเช่นนี้ ตอนนี้ท่านกลับทำเช่นนี้กับข้า เพียงเพราะหญิงที่ตายไปแล้วเพียงคนหนึ่ง?”
กู้ชิวเซียงรีบกล่าวว่า:”ท่านพ่อ! ภาพนี้ไม่ใช่ของของลูกจริงๆ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงได้มีภาพนี้อยู่ที่นี่! เรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับท่านแม่! ท่านอย่าได้เข้าใจท่านแม่ผิดไป!”
ฝ่ามือใหญ่ของกู้หนานเฉิงกระทบเข้ากับโต๊ะไม้จันทน์ที่กู้ชิวเซียงชื่นชอบ บนโต๊ะปรากฏรอยร้าวหนึ่งรอย จากนั้นโต๊ะก็พังลงมา รวมทั้งสิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือทั้งสี่ที่อวี่เหวินหวายมอบให้กับกู้ชิวเซียง มันแตกสลายไปในทันที
คิ้วของกู้ชิวเหลิ่งเลิกขึ้นเล็กน้อย เดิมทีนางคิดว่ากู้หนานเฉิงเป็นเพียงจิ้งจอกเฒ่าที่อยู่ในราชสำนักมาหลายปี คิดไม่ถึงว่ายังคงมีกังฟูอยู่เล็กน้อย พลังที่สามารถตบโต๊ะไม้จันทน์ให้แยกออกจากกันได้ด้วยฝ่ามือเพียงข้างเดียว พิสูจน์ได้ว่าอย่างน้อยหลายปีมานี้กู้หนานเฉิงก็ไม่ได้ทิ้งกังฟูไป
สีหน้าของกู้ชิวเซียงซีดเซียว ตั้งแต่เล็กจนโตนางไม่เคยเห็นกู้หนานเฉิงโกรธได้มากขนาดนี้ และเหตุผลกลับเป็นเพราะหยูจิ่นเหนียงแม่ผู้ให้กำเนิดกู้ชิวเหลิ่ง
ดวงตาของกู้หนานเฉิงแดงก่ำด้วยความโกรธ ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้มาที่ห้องของกู้ชิวเซียงบ่อยนัก เหตุผลประการแรกเพราะบุตรสาวโตแล้ว ที่สองเพราะเขายุ่งอยู่กับงานในราชสำนัก มักจะจำไม่ได้ แต่ครั้งนี้ เขาได้เห็นเครื่องหยกเครื่องประดับมากมาย และในนั้นยังมีเครื่องหยกหลายชิ้นที่ดูคุ้นตา เป็นของที่เคยประดับอยู่ในห้องของอี๋เหนียงสาม
เมื่อก่อนต่อหน้าเขากู้ชิวเซียงเป็นบุตรสาวที่รู้คาดการณ์ แต่ตอนนี้ในสายตาของเขาก็เป็นเพียงแค่ลูกคุณหนูที่มีใบหน้าหยาดเยิ้มเพียงคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้เขาเคยมีความคิดที่จะให้กู้ชิวเซียงแต่งงานกับท่านอ๋อง เพื่อรักษาเสถียรภาพของสถานการณ์ในราชสำนัก แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าการตามใจของเขา ทำให้ฮูหยินใหญ่และกู้ชิวเซียงเดินไปในทางที่ผิด ถึงได้พุ่งเป้าหมายไปที่คู่หมั้นของน้องสาวแท้ๆของตัวเอง
กู้ชิวเหลิ่งคุกเข่าลงกับพื้น กล่าวว่า:”ท่านพ่อใจเย็นๆ อี๋เหนียงสามแม่ผู้ให้กำเนิดของลูกจากไปตั้งนาน ข้าเองก็จำรูปลักษณ์ของนางไม่ได้แล้ว ของดูต่างหน้าชิ้นอื่นๆข้าไม่เอาก็ได้ เพียงแต่ภาพวาดใบนี้เป็นภาพวาดใบเดียวของอี๋เหนียง ท่านพ่อโปรดมอบมันให้ข้าเถิด”
กู้ชิวเซียงหรี่ตา กล่าวว่า:”กู้ชิวเหลิ่ง! ทั้งหมดก็เพราะเจ้า!”
กู้ชิวเซียงคุกเข่าอยู่บนพื้น ดึงแขนเสื้อของกู้หนานเฉิง ร้องไห้และกล่าวว่า:”ท่านพ่อ! เป็นกู้ชิวเหลิ่ง! ข้าไม่รู้ว่าภาพวาดดังกล่าวมาปรากฏอยู่ในห้องของตัวเองได้อย่างไร จะต้องเป็นฝีมือของกู้ชิวเหลิ่งแน่ๆ! นางใส่ร้ายข้า! ภาพวาดที่นางทิ้งไว้ในห้องของข้าครั้งที่แล้ว มันไม่ใช่ภาพนี้!”
กู้หนานเฉิงขมวดคิ้ว มองไปทางกู้ชิวเหลิ่ง
กู้ชิวเหลิ่งมองกู้ชิวเซียงอย่างตกตะลึง กล่าวเสียงหลงว่า:”พี่ใหญ่! พี่พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร! เห็นได้ชัดว่ามันคือภาพนี้……เหตุใดพี่ เหตุใดพี่ถึงใส่ร้ายข้า!”
กู้ชิวเหลิ่งมองไปทางกู้หนานเฉิง กล่าวว่า:”ก่อนหน้านี้ภาพวาดไม่ได้เป็นเช่นนี้ ข้างบนนั้นไม่ได้มีลายลักษณ์อักษร อี๋เหนียงสามทิ้งความคิดถึงชิ้นนี้เพียงชิ้นเดียวให้ข้า ข้าซ่อนมันเอาไว้ ไม่กล้าให้ท่านแม่รู้ แต่หลายวันมานี้ ท่าทางที่ท่านแม่มีต่อข้าดีขึ้นมาก ข้าเพียงอยากถามท่านแม่ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอี๋เหนียงสาม แม้ว่าจะได้รู้เรื่องของแม่ผู้ให้กำเนิดตัวเองเพียงเล็กน้อย นั่นก็พอแล้ว แต่ท่านแม่กลับบอกข้าว่านี่เป็นภาพวาดของคนตาย จะเก็บเอาไว้ไม่ได้ ข้าจึงทำได้เพียงปล่อยมัน เมื่อกลับไปแล้วก็กินไม่ลงนอนไม่หลับ……ข้าไม่ได้ทำจริงๆ!”
กู้หนานเฉิงมองภาพวาดใบนั้น รอยหมึกข้างบนนั้นเป็นรอยใหม่จริงๆ และสีสันที่อยู่บนภาพวาดและตัวภาพวาดเองก็ได้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองบ้างแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีคนเขียนขึ้นไปในภายหลัง
และกู้ชิวเหลิ่งเองก็ไม่ได้มีความรู้ ไม่มีทางเขียนคำเหล่านี้ออกมาได้
กู้ชิวเซียงชี้ไปที่กู้ชิวเหลิ่ง ตะโกนกล่าวว่า:”เจ้า! คำพูดมีแต่คำโกหก! ภาพใบนั้นข้าเก็บมันไว้ตลอด มันอยู่ตรงนี้!”
กู้ชิวเซียงนำภาพที่งามล้มเมืองใบนั้นออกมาจากแจกัน ส่งมันให้กู้หนานเฉิง แล้วกล่าว:”ท่านพ่อ มันคือภาพนี้! กู้ชิวเหลิ่งนางใส่ร้ายข้ากับท่านแม่! ท่านจะต้องให้ความยุติธรรมแก่เรานะเจ้าคะ!”
กู้หนานเฉิงเหลือบมองเพียงสายตาเดียว วินาทีต่อมาใบหน้าของกู้ชิวเซียงก็ปรากฏรอยมือขนาดใหญ่ กู้ชิวเซียงกุมหน้าของตัวเองเอาไว้ ในหูมีเสียงวืดดังขึ้น นางมองไปทางกู้หนานเฉิงอย่างไม่เชื่อสายตา
ฮูหยินใหญ่พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมา ตะโกนด้วยเสียงแหลม:”นายท่าน! นางเป็นบุตรสาวแท้ๆของท่าน! ตั้งแต่เล็กจนโตท่านไม่เคยตีนางเลยสักครั้ง! ตอนนี้นางได้รับความลำบาก ท่านกลับไปเข้าข้างบุตรีของอนุเพียงคนเดียว!ท่าน……”
กู้หนานเฉิงนำภาพวาดฟาดลงบนใบหน้าของฮูหยินใหญ่ กล่าวอย่างโมโห:”บุตรสาวแสนดีที่เจ้าคลอดออกมา! เรียนอะไรไม่ดี ไปเรียนการเสแสร้ง!”
ฮูหยินใหญ่มองภาพวาดที่อยู่บนพื้น ทันใดนั้นก็เข้าใจอะไรบางอย่าง นางก็ว่าเหตุใดตอนที่กู้ชิวเหลิ่งจงใจนำภาพวาดใบนี้มาให้พวกนางถึงได้รู้สึกว่ามันแปลกๆ ที่แท้นั่นเป็นเพราะสีและรอยหมึกบนภาพวาด!
มุมปากของกู้ชิวเหลิ่งยกยิ้มขึ้นแสดงรอยยิ้มเย็นออกมา นางไม่มีทางที่จะเปลี่ยนภาพวาดที่งามล้มเมืองใบนี้ให้กลายเป็นภาพวาดเก่าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วได้ ดังนั้นภาพวาดใบนี้ไม่ว่าจะเป็นม้วนภาพหรือรอยหมึกก็ใหม่เอี่ยม กู้หนานเฉิงไม่ได้เป็นคนโง่ เมื่อครู่ได้เห็นภาพวาดที่กลายเป็นสีเหลือง แล้วตอนนี้ได้เห็นภาพวาดที่ใหม่เอี่ยม เมื่อนำทั้งสองภาพมาเทียบกันแล้ว ก็จะสามารถเห็นข้อแตกต่างในนั้นได้
“เหลิ่งเอ๋อร์นางไม่รู้หนังสือ นับประสาอะไรกับการวาด! หรือเจ้าจะบอกว่านางเป็นคนวาดภาพๆนี้? ฉินเซียงเหลียน! เจ้าคิดว่าข้าหลอกลวงง่ายจริงหรือ! ดูบุตรสาวคนดีที่เจ้าสั่งสอนออกมาสิ! แม้แต่กับพ่อของตัวเองก็ยังกล้าโกหก!”
กู้ชิวเซียงหมกมุ่นอยู่กับการร่ายรำในภาพวาดมาตลอด ไม่เคยคิดถึงขั้นนี้ ตอนที่นางเงยหน้าขึ้นมา ก็บังเอิญได้เห็นดวงตาเย็นชาที่กำลังยิ้มแย้มอยู่ของกู้ชิวเหลิ่งพอดี ราวกับกำลังดูถูกความไม่รู้และความโง่เขลาของนาง
นางคิดมาตลอดว่ากู้ชิวเหลิ่งรังแกได้ง่าย? หากกู้ชิวเหลิ่งรังแกได้ง่ายขนาดนั้นจริงๆ เช่นนั้นก็คงไม่มีทางแสดงท่าทางแบบนี้กับนาง และตอนนี้นางคงไม่ต้องทนรับฝ่ามือของกู้หนานเฉิง!
กู้ชิวเซียงกำหมัดไว้แน่น จนเล็บมือจิกเข้าไปในเนื้อ นางเป็นบุตรีภรรยาหลวงของจวนโหว จะสามารถทนให้กู้ชิวเหลิ่งเหยียบนางอยู่ใต้ฝ่าเท้าได้อย่างไร!
กู้ชิวเหลิ่งค่อยๆเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ากู้ชิวเซียง อยากจะพยุงกู้ชิวเซียงให้ลุกขึ้นมา แล้วยังเอ่ยอีกว่า:”พี่ใหญ่อย่าได้เคียดแค้นไปเลย ท่านพ่อเพียงแค่โมโห รีบลุกขึ้นมาขอโทษท่านพ่อเร็วเข้า”
กู้ชิวเซียงสะบัดมือของกู้ชิวเหลิ่งออก กล่าวว่า:”ท่านพ่อ! หากท่านไม่เชื่อข้า! ข้าก็ไม่มีหนทางอื่น ข้ายอมตายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์!”
“ตายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์?”
กู้หนานเฉิงมองดูกู้ชิวเซียงอยู่อย่างนั้น ราวกับกำลังมองคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
กู้ชิวเหลิ่งส่งเสียงตกใจ กล่าวว่า:”พี่ใหญ่อย่าได้ปลงไม่ตกเด็ดขาดเลยนะเจ้าคะ! ท่านพ่อเป็นคนฉลาดและเด็ดขาด เรื่องนี้เป็นความผิดของเหลิ่งเอ๋อร์ หากจะลงโทษก็ลงโทษข้าเถิด! ท่านพ่อโปรดยกโทษให้กับพี่ใหญ่ด้วย!”
